3
จวนชินอ๋องเพลานี้ เจ้าของจวนร้องอย่างเจ็บปวด เมื่อดวงตาทั้งสองข้างแสบร้อนหมอหลวงในวังรักษาอาการได้เขียนเทียบยาต้มให้บรรเทาอาการปวด โชคดีที่ชินอ๋องมีวรยุทธ์ถ้าคนธรรมดาโดนขนาดนี้ถึงกับตาบอดแล้วกระมัง
“ติดประกาศตามจับสตรีนางนั้นมาให้ได้ ข้าให้รางวัลนำจับหนึ่งพันตำลึง” คนอย่างชินอ๋องมีความแค้นต้องชำระ เขาจะไม่ยอมให้นางรังแกเขาฝ่ายเดียวเป็นอันขาด
สตรีเหลือขอนางนั้น น่าตายยิ่งนัก
“ขอรับ” หลงเสียรับคำสั่งเจ้านาย
“ครานี้เจ้าไม่รอดแน่” ดวงตาดอกท้อเปล่งประกายฉายแววพยาบาทนางอย่างชัดเจน
“ยามาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้นางหนึ่งถือชามยาเข้ามา นางเดินสะดุดชายกระโปรงล้ม ชามยาร้อนๆ กระเซ็นไปโดนอาภรณ์เขา ต้นขาที่ได้รับความร้อนระอุถึงกับกระโดดโหยงเหยง
“วันนี้วันซวยอะไรของเปิ่นหวาง”
“บ่าวสมควรตายได้เจ้าค่ะ” สาวใช้นางนั้นโขกศีรษะไม่หยุด
“เอาตัวนางไปโบย” ตาก็ปวด ขาก็โดนลวก มันน่านัก เพราะสตรีนางนั้นแท้ๆ ที่ทำให้เขาเจอเรื่องอัปมงคลทั้งวัน…
หอบุปผาในเพลานี้เหล่าบุรุษคับคั่งยิ่งนัก การแสดงของเหล่าสาวงามเฉิดฉายบนเวที พวกนางร่ายรำอย่างอ่อนช้อย เหล่าบุรุษมองสาวงามแทบจะฉีกอาภรณ์ของพวกนาง เมื่อการแสดงร่ายรำจบลง พวกเขาต่างปรบมือให้พวกนาง
“คุณชาย ดื่มอีกสิเจ้าคะ” สาวงามอิงแนบอก บุรุษชุดฟ้า หลี่ซูไป๋ปลอมเป็นบุรุษมาที่หอบุปผาเพื่อที่จะมาสืบความเกี่ยวกับคนตระกูลฉู่ นางจำได้ว่าตระกูลฉู่มีบุตรชายเสเพลอีกคนคือ ฉู่หนานเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลฉู่อายุยี่สิบห้าปี ชอบเที่ยวหอนางโลมเป็นที่สุด วันนี้ก่อนที่จะไปหาพี่สาว หลี่ซูไป๋กะจะเล่นงานฉู่หนานก่อนดีกว่า
“แม่นางข้าดื่มมิไหวแล้ว” หลี่ซูไป๋แสร้งเมา มืองามกอดสาวงามไม่ปล่อย
สาวงามเหนียมอาย
“คุณชายอย่าเพิ่งเมาสิ คืนนี้มีการประมูลสาวงามเชียวหนา ถ้าประมูลได้จะได้หลับนอนกับนาง คุณชายไม่สนใจหรือเจ้าคะ”
ประมูลสาวงามอย่างนั้นรึ ฉู่หนานคงไม่พลาดการประมูลกระมัง
“ดี ข้าจะร่วมด้วย”
“คุณชายมันต้องเยี่ยงนี้เจ้าค่ะ” สาวงามจุมพิตแก้มหลี่ซูไป๋ ทำให้นางในคราบบุรุษขนพองขนลุกเลยทีเดียวเกิดมายังไม่เคยโดนใครจุมพิต แต่ดันมาพลาดท่าให้หญิงคณิกาจนได้ หลี่ซูไป๋ยิ้มจนหน้าตาหยี สายตาพลันไปเห็นเป้าหมายที่ตามหามานาน
เขานั่งฝั่งตรงข้ามนางกับสาวงาม แนบซ้ายแนบขวา บุรุษชุดน้ำตาลลายตารางหมาก นางจำเขาได้ดีฉู่หนานนั่นเอง ดูท่ามีความสุขเชียว
“คุณชายรู้จักกับคุณชายฉู่หรือเจ้าคะ” สาวงามเอ่ยถาม
หลี่ซูไป๋ นางเห็นหลี่ชูไป๋มองดูฉู่หนานมิกะพริบตาแม้แต่น้อย
หลี่ซูไป๋ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้สาวงาม “ข้าเพิ่งมาหนานอันครั้งแรก ไม่รู้จักคุณชายท่านนั้นหรอกนะ” นางแสร้งโกหกหญิงคณิกา
“คุณชายฉู่เป็นแขกประจำหอบุปผา อีกทั้งยังชอบมีเรื่องกับบุรุษที่มาประมูลสาวงามเป็นประจำ ครั้งนี้ข้าหวังว่าเขาจะไม่ก่อความวุ่นวายอีก” คณิกานางนั้นเล่าอย่างเศร้าสลดราวกับฉู่หนานเป็นตัวซวยไปที่ใดไม่มีใครอยากจะต้อนรับ
หลี่ซูไป๋พลันยิ้มหวานทันที
การประมูลสาวงามได้เริ่มขึ้นแล้วสาวงามยืนอยู่บนเวที ใบหน้างามหยาดฟ้า สวมชุดสีขาวลายดอกเหมย บนศีรษะประดับด้วยปิ่นมุกงดงาม เรือนผมยาวสยายลงมาราวกับเทพเซียน บุรุษใดได้เห็นราวกับต้องมนตร์สะกดเอาไว้ อยากที่จะละสายตาไปจากนาง ผู้มีนามว่า เทพธิดาบัวสวรรค์ขึ้นชื่อเป็นหนึ่งบุปผาที่ใครๆ ต่างหมายปอง
แม่เล้าอี๋ยิ้มแป้นที่บุรุษต่างมองสินค้าชั้นดีของนาง แม้แต่หลี่ซูไป๋ยังมองอย่างตกตะลึง นางช่างงามนัก
“เริ่มที่หนึ่งตำลึง บุรุษใดจะให้มากกว่านั้นก็ได้” แม่เล้าอี๋เอ่ยขึ้นแล้วยิ้มเฉิดฉายอยู่บนเวที
“หนึ่งร้อยตำลึง” ทุกคนหันไปมองบุรุษที่เอ่ยขึ้น
ฉู่หนานนั่นเองที่กล้าประมูลสาวงามราคาสูงขนาดนี้ ดูเหมือนสาวงาม เทพธิดาบัวสวรรค์จะไม่เต็มใจเท่าใดนักที่ฉู่หนานเสนอราคาออกมา เทพธิดาบัวสวรรค์ถูกใจบุรุษชุดน้ำเงินมากกว่า นางจึงส่งยิ้มไปให้หลี่ซูไป๋ หลี่ซูไป๋เข้าใจความหมาย
“สองร้อยตำลึง” ทุกคนหันทางต้นเสียง พบว่าบุรุษชุดสีน้ำเงินใบหน้าเกลี้ยงเกลาเอ่ยขึ้น คือหลี่ซูไป๋นั้นเอง
ฉู่หนานมองไปที่หลี่ซูไป๋ บุรุษชุดน้ำเงินนี้เป็นใครถึงกล้ามาหักหน้าเขา บิดาเป็นขุนนางอัครเสนาบดีฝ่ายขวาแห่งแว่นแคว้น แต่ทว่าบุรุษสามหาวนี้ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามเขารึ
แม่เล้าอี๋ดีใจแทนเพทธิดาบัวสวรรค์ ที่บุรุษชุดน้ำเงินจะให้ราคาสูงกว่าฉู่หนาน
ฉู่หนานลุกขึ้นสาวเท้าเดินมาหาหลี่ซูไป๋ที่โต๊ะ
“คุณชาย ไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร” ฉู่หนานเอ่ยอย่างทระนง
หลี่ซูไป๋ประเมินบุรุษหน้าเหม็นผู้นี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า “คุณชายไม่รู้ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร” วาจาของนางตอกกลับไป ทำให้เหล่าบุรุษในหอบุปผาอดขันมิได้
ฉู่หนานใบหน้าเขียวคล้ำอย่างมาก มือหนาชี้ไปที่หลี่ซูไป๋ “เจ้า…จะเอายังไงว่ามา” ฉู่หนานไม่มีทางเสียเทพธิดาบัวสวรรค์ไปแน่คืนนี้ เขาเฝ้ารอนางมาหลายวันแล้ว
ใบหน้าเกลี้ยงเกลายิ้มอย่างมีเลศนัย “แค่คุณชายประลองฝีมือกับข้า ข้าจะสละสิทธิ์ให้คุณชาย แต่คุณชายต้องชนะข้า” หลี่ซูไป๋ยักคิ้วอย่างกวนเท้า
ลูกผู้ชายท้าได้แต่หยามไม่ได้ “ตกลง”
ล้านประลองกระบี่คือบนเวทีนั่นเอง ซึ่งแม่เล้าอี๋เต็มใจให้พวกเขาประลองฝีมือกัน บุรุษที่อยู่ในหอบุปผาต่างคิดว่างานนี้สนุกแน่
“ข้าเพิ่งมาถึงแคว้นต้าฮั่น ก็ได้ดูอะไรที่สนุกเสียแล้ว นึกไม่ถึงว่าแค่สตรีที่เป็นหญิงคณิกา เหล่าบุรุษจะให้ความสำคัญถึงเพียงนี้” บุรุษรูปหน้าสี่เหลี่ยมเอ่ยขึ้นพร้อมยกจอกเหล้าขึ้นกระดกอย่างรวดเร็ว
“รัชทายาท บุรุษกับสาวงามก็เป็นเยี่ยงนี้ละพ่ะย่ะค่ะ…” คนที่ถูกเรียกว่ารัชทายาทตาเขียวใส่ลูกน้อง
“ใครบอกให้พวกเจ้าเรียกข้าเยี่ยงนี้ เรียกข้าว่าคุณชาย เสิ่น” รัชทายาทเสิ่นแห่งแคว้นเหลียงมิพอใจยิ่งนัก
“ขอรับคุณชายเสิ่น” หวงหวงเอ่ยขึ้น พวกเขาทั้งสามคนเดินทางมาก่อนกลุ่มใต้เท้า เพราะพวกนั้นจะตามมาสมทบภายหลัง
ที่บนเวทีการประลองเพลงกระบี่เป็นไปอย่างคึกคะนอง หลี่ซูไป๋ยิ้มให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างเย็นยะเยือกยังไงคืนนี้ นางก็จะต้องชนะอย่างขาดลอย
หญิงสาวชักกระบี่ขึ้นมา ด้านฉู่หนานตั้งท่ารับกระบี่ฝ่ายตรงข้าม เขาบุตรชายคนโตของอัครเสนาบดีฉู่ บิดานั้นได้ส่งอาจารย์สอนให้เขาเรียนวิทยายุทธ เหตุใดเขาจะไม่รับคำท้าไอ้หน้าอ่อนนั้น เขาหยักยิ้มขึ้น คืนนี้ยังไงเขาก็ต้องชนะมันแล้วได้สาวงามมาครอบครอง
หลี่ซูไป๋แทงกระบี่ไปทางฉู่หนาน แต่ทว่าฉู่หนานปัดออกได้ทัน ข้างเวทีเหล่าคนดูต่างเชียร์ฉู่หนานเพราะพวกเขารู้ว่า
ฉู่หนานเป็นบุตรชายอัครเสนาบดีจะไม่มีวันแพ้ พวกเขาทั้งสองสู้กันสองกระบวนท่า หลี่ซูไป๋ไม่คิดว่าบุตรชายที่อ่อนแอของอัครเสนาบดีฉู่ เพียงไม่กี่ปีจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้
“ยอมแพ้เสีย แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” ฉู่หนานเอ่ยขึ้น
คำว่ายอมแพ้ไม่เคยมีในหัว หลี่ซูไป๋ มีแต่คำว่า ชนะเท่านั้น!!!
นางวิ่งไปหมายจะฟันฉู่หนานให้แขนขาดให้สมกับหายแค้น แต่ทว่าฉู่หนานหลบทัน หญิงสาวไม่ยอมแพ้ เตะไปที่เป้าเขาจนชายหนุ่มหน้าแดง นางชักมีดสั้นในสาบเสื้อออกมา
พลิ้ว!!!
ท่ามกลางสายตาทุกคนที่มองอย่างอึ้งงัน ใบหน้าฉู่หนานมีเลือดออก ใช่แล้วนางเฉือดจมูกฉู่หนาน ตอนนั้นฉู่หนานมัวแต่กุมเป้า แผลนี้นางจะให้เขาอับอายไปชั่วชีวิต
“จมูกข้า” ฉู่หนานแทบจะเป็นลม