บทที่ 8 กลิ่นอาหารหอมฟุ้ง (8/1)
บทที่ 8 กลิ่นอาหารหอมฟุ้ง
หลังจากออกมาจากบ้านหลี่ โจวเพ่ยชิงจึงพาลูกทั้งสองเดิน-ต่อมายังบ้านโจว ระหว่างทางภาพของสามแม่ลูกทำให้ชาวบ้านมองกันอย่างตกตะลึง บางคนถึงขั้นขยี้ตาด้วยซ้ำเพราะไม่¬เชื่อกับสิ่ง¬ที่เห็น จวบจนทั้งสามคนเดินมาถึงบ้านโจว
“เม่ยเม่ย เปิดประตูให้พี่หน่อย ทุกคนยังไม่กลับมาเหรอ”
โจวเม่ยเม่ย เด็กสาววัยสิบห้าปี เมื่อได้ยินเสียงพี่สาวต่างแม่ก็อดที่จะตัวสั่นด้วยความกลัวไม่ได้ แต่ก็เดินมาเปิดประตูให้
“น้าเม่ยเม่ย พวกเรามาแล้ว” หลี่ซานซานร้องเรียกเม่ยเม่ย
“อาเฉิน ซานซาน ใส่ชุดใหม่ด้วยน่ารักจังเลย”
เด็กสาวเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเองกับหลานทั้งสองคนอย่างเป็นกันเอง เพียงแต่กับพี่สาวนั้นเธอยัง กล้า ๆ กลัว ๆ
โจวเพ่ยชิงเข้าใจถึงความกลัวของน้องสาวต่างแม่ เมื่อก่อนเธอร้ายไม่น้อย จึงไม่แปลกที่โจวเม่ยเม่ยจะยังคงหวาดกลัวเธอ
“ยังกลัวพี่อยู่เหรอเม่ยเม่ย”
พอเจอพี่สาวถามแบบนั้น โจวเม่ยเม่ยจึงพยักหน้ารับทันที
“พี่ไม่ขอให้เม่ยเม่ยอภัยให้พี่ แต่พี่จะทำให้เม่ยเม่ยเห็นว่าเวลานี้พี่ปรับปรุงตัวและเปลี่ยนไปแล้ว จริงสิ วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ”
“สัปดาห์นี้โรงเรียนหยุดค่ะ แม่ให้มาช่วยที่คอมมูน พี่สามไม่¬ต้องขอโทษฉันหรอก ฉันไม่เคยโกรธพี่เลย แต่...”
“แต่ยังกลัวพี่ เอาเถอะ ค่อย ๆ คลายความกลัวก็แล้วกัน จริงสิ วันนี้พี่เข้าเมืองมา ซื้อของมาฝากทุกคนด้วย ร้านขายชุด เขาบอกว่าเด็กสาวมัธยมชอบชุดแบบนี้ ไม่รู้จะถูกใจเม่ยเม่ยหรือเปล่า เราเข้าบ้านกันดีไหม จะได้ช่วยเตรียมอาหารเย็นให้ทุกคนด้วย”
รอยยิ้มและน้ำเสียงของโจวเพ่ยชิง ทำให้เด็กสาวคลายความกลัวลงไม่น้อย ไม่นานเมื่อเห็นข้าวของที่พี่สาวเอามาฝาก จึงทำให้เด็กสาวยิ้ม รวมถึงแววตาและสีหน้าดูตื่นเต้นอย่างฉายชัด แม้จะเป็นคนขี้กลัว แต่โจวเม่ยเม่ยยังคงเป็นเด็กสาวที่รักสวย รักงาม ยิ่งเห็นของฝาก ยิ่งทำให้มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า อีกทั้งยังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พี่สาม ชุดพวกนี้ราคาคงแพงมากใช่ไหม ฉันไม่กล้าใส่หรอก สหายในโรงเรียนขนาดเป็นลูกเถ้าแก่ร้านค้าของรัฐ ยังมีเนื้อผ้าไม่ดีขนาดนี้เลย”
“ถูกหรือแพงไม่สำคัญเลย ขอเพียงน้องสาวพี่ชอบก็พอ วันหน้าพี่เข้าเมืองพี่จะซื้อมาฝากอีก นี่มีผ้าผูกผมด้วยนะ”
ของพวกนี้โจวเพ่ยชิงล้วนเอามาจากมิติทั้งนั้น เธอเองก็เป็นคนรักสวยรักงาม ย่อมต้องรู้ว่าเด็กสาววัยนี้ต้องการอะไร และชอบแบบไหน เลยไม่แปลกใจหากน้องสาวจะมีอาการตื่นเต้นอย่างที่เห็น
“ไม่ต้องหรอกพี่สาม เปลืองเงิน เก็บเงินไว้ให้หลาน ๆ เรียนดีกว่า ปีหน้าก็ต้องเข้าเรียนแล้ว” โจวเม่ยเม่ยบอกอย่างเกรงใจ
ข้าวของพวกนี้เป็นของสิ้นเปลือง โจวเม่ยเม่ยจึงไม่ต้องการให้พี่สาวที่เพิ่งจะหายป่วยต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
“เม่ยเม่ยไม่ต้องห่วง เรื่องเรียนของอาเฉินและซานซาน พี่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว และคิดหาเงินเข้าบ้านเพิ่มด้วย แต่ไม่ต้องกลัว พี่ไม่ทำอะไรให้ตนเองเกิดอันตรายหรอกนะ”
“พี่จะขายของในตลาดมืดเหรอพี่สาม!!!” โจวเม่ยเม่ยได้ยินอย่างนั้นก็ถามกลับมาเสียงดังด้วยความตกใจ
“อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวหลาน ๆ ก็ได้ยินหรอก”
โจวเพ่ยชิงรีบเอามือปิดปากน้องสาวไว้ กลัวว่าจะมีใครได้ยินเข้า แม้จะอยู่ในบ้านก็ตาม เมื่อโจวเม่ยเม่ยพยักหน้าเข้าใจ
หญิงสาวจึงเอามือออก
“ก็แค่ซื้อมาขายไปเท่านั้น ดูอย่างที่คาดผมและผ้าผูกผมนี่สิ พี่รับมาจากคนรู้จักแค่อันละหนึ่งเหมาเท่านั้น พี่ขายในตลาดมืด สามเหมา ได้กำไรตั้งสองเท่า ยังมีอีกนะ นี่สบู่และแป้งทาหน้า สบู่นี้พี่รับมาหนึ่งหยวน ขายสองหยวนห้าเหมาหรือสามหยวนยังได้เลย ส่วนแป้งพี่รับมาห้าหยวน ขายสิบหยวน มีครีมกันแดดอีกนะ”