บทที่ 8 กลิ่นอาหารหอมฟุ้ง(8/2)
โจวเพ่ยชิงสาธยายให้น้องสาวฟัง และรู้ว่าน้องสาวคนนี้มีหัว¬การค้าอยู่ไม่น้อย ความทรงจำชาติที่แล้ว หลังจากนี้อีกปีสองปี เด็กสาวมักจะหาของไปขายเสมอ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ให้เธอรู้ว่าน้องสาวก็ทำการค้าเช่นกัน
“จริงเหรอพี่สาม ฉันสนใจนะ แต่เวลานี้เงินเก็บฉันแทบไม่มีเลย ที่คาดผมและผ้าผูกผม สหายในโรงเรียนชอบพูดโอ้อวดว่าซื้อจากห้างของรัฐ ราคาตั้งหนึ่งหยวน หากฉันแอบเอาไปขาย คงได้กำไรไม่น้อย”
เป็นอย่างที่โจวเพ่ยชิงคิด น้องสาวคนนี้มีหัวการค้าจริง ๆ
“เอาอย่างนี้ อีกสามวันพี่จะไปรับของและเอามาขายอีกครั้ง เม่ยเม่ยอยากได้อะไรก็เขียนลงกระดาษมาให้พี่ พี่จะลงทุนให้ก่อน พอขายได้ค่อยเอาทุนมาให้พี่ แต่ต้องสัญญานะว่า เรื่องนี้เป็นจะความลับ และอย่าทำให้ตนเองเกิดอันตราย”
“แล้วเรื่องนี้บอกพ่อกับแม่ได้ไหม พี่ใหญ่กับพี่รองล่ะ”
“บอกได้สิ พี่หมายถึงคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวเรา”
โจวเพ่ยชิงเริ่มกังวลว่าคนซื่อ ๆ แบบน้องสาวเธอจะไปรอดหรือไม่กับการค้าครั้งนี้ ไม่ใช่อยากให้น้องเจอกับเรื่องอันตราย แต่-เพราะรู้ว่าน้องสาวมีความสามารถด้านนี้จริง ๆ จึงคิดอยากจะสนับสนุน ส่วนพี่ชายทั้งสอง เธอขอดูอีกหน่อยว่าจะช่วยอย่างไร
สองพี่น้องคุยกันเรื่องสินค้าอีกพักใหญ่ โจวเพ่ยชิงจึงลุกไปเตรียมอาหารให้ทุกคน
กลิ่นหอมของเนื้อกระจายไปทั่ว ทำให้ชาวบ้านเวลานี้เลิกงานแล้ว ต่างก็หยุดมองมายังบ้านโจวไม่ได้
แม้ว่ารัฐจะจำกัดอาหาร แต่ใช่ว่าจะทำเนื้อสัตว์กินไม่ได้ เนื่องจากเนื้อหมูพวกนี้ สหกรณ์ของรัฐมีขายทุกวัน แต่ราคาแพง ชาวบ้านส่วนน้อยที่จะซื้อทำอาหาร
“เอ๊ะ! นี่มันกลิ่นเนื้อใช่หรือไม่ฮะนางหลุน บ้านไหนกันกล้าซื้อเนื้อมาทำกิน ช่างไม่ประหยัดเอาเสียเลย ล้างผลาญเสียไม่มี”
“หล่อนจะไปเดือดร้อนอะไรนางลู่ วันนี้ลูกสาวหล่อนก็เข้าเมืองกับลูกสาวคนรองบ้านหม่าไม่ใช่หรือไง ทำไมไม่ให้ซื้อเนื้อเข้ามาด้วยล่ะ อย่าอิจฉาให้มาก เดี๋ยวจะอกแตกตาย”
นางหลุนส่ายหน้าแล้วเดินแยกออกมา พอผ่านหน้าบ้านโจว กลับได้กลิ่นเนื้อชัดเจน จากนั้นจึงเดินเข้าบ้านของตนที่อยู่ติดกัน โจวเพ่ยชิงที่กำลังออกมาเก็บผักไปทำอาหารพบเข้าเสียก่อน จึงเอ่ยทักทาย แต่คำทักทายนี้แทบทำให้นางหลุนหงายหลังล้มทั้งยืน
“อ้าวป้าสะใภ้หลุนกลับมาแล้วเหรอคะ เดี๋ยวเอาเนื้อตุ๋นไปฝากลุงหลุนกับพี่ชายทั้งสองด้วยนะคะ วันนี้ฉันตุ๋นเนื้อหม้อใหญ่
แบ่ง ๆ กันกิน” บ้านโจวกับบ้านหลุนนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอมา เธอ¬จึงคิดจะแบ่งอาหารให้
“เอ่อ...” นางหลุนถึงกับหาเสียงของตัวเองไม่เจอแล้ว
“อ้าวเสี่ยวชิง มานานแล้วเหรอลูก”
พ่อโจวหรือโจวชุนเอ่ยทักบุตรสาวด้วยรอยยิ้ม เขาไม่คิดว่ากลับบ้านมาจะเจอลูกสาวอยู่ที่นี่
“ค่ะพ่อ วันนี้ฉันเข้าเมืองไปซื้ออาหารและของใช้ให้เด็ก ๆ เลยแบ่งอาหารมาที่นี่ด้วย เย็นนี้ฉันและลูกจะฝากท้องที่นี่นะคะ แล้วพี่ใหญ่กับพี่รองไปไหนเสียล่ะ” โจวเพ่ยชิงหันกลับมาตอบพ่อ-ของตน เมื่อไม่เห็นพี่ชายจึงเอ่ยถาม
“ไปดูกับดักบนเขาน่ะ แล้วนี่กำลังคุยอะไรกันอยู่”
“จริงด้วย ขอโทษด้วยนะป้าสะใภ้หลุน ฉันลืมเลย รอแป๊บนะคะ” ทันทีที่นึกได้ว่าลืมตักหมูตุ๋นให้บ้านหลุน โจวเพ่ยชิงจึงรีบวิ่งเข้าครัวอีกครั้ง เพื่อตักอาหารแบ่งให้กับนางหลุน
“ฮ่า ๆ ทำตัวเหมือนเด็กไปได้ ดูสิ ลืมไปแล้วหรือยังไงว่ามีลูกโตแล้ว” พ่อโจวหันมาคุยกับภรรยาและนางหลุน
“นั่นสิ ดูเหมือนเพ่ยชิงจะเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ”
นางหลุนยังคิดว่าโจวเพ่ยชิงเปลี่ยนไปแล้ว และยังเปลี่ยนไปยังทิศทางที่ดีขึ้นอีกด้วย
ไม่นานโจวเพ่ยชิงจึงเดินกลับมาพร้อมกับหม้อหมูตุ๋นใบ-ขนาดย่อม “ได้แล้วค่ะป้าสะใภ้หลุน ไม่รู้ว่าจะอร่อยหรือไม่ ฉันเจอตำราอาหารตอนไปซื้อของเลยซื้อกลับมาด้วย และลองทำตามตำราดู” โจวเพ่ยชิงส่งหม้อหมูตุ๋นใบไม่เล็กไม่ใหญ่ให้กับนางหลุน
“ขอบใจมากนะเพ่ยชิง” นางหลุนเมื่อรับมาจึงได้เอ่ยขอบใจยกใหญ่