บทที่ 6 ยังเป็นหญิงร้ายกาจ (6/2)
แม้อยากจะเอาจักรยานมาใช้แค่ไหน แต่ครั้งนี้โจวเพ่ยชิงกลับยั้งความคิดของตนเอง ก่อนจะเดินไปรอเกวียนกลับเข้าหมู่บ้าน
‘เฮ้อ... เมื่อเช้าแกก้าวเท้าไหนออกมาจากบ้านนะ เพ่ยชิง ดันเจอทั้งไปทั้งกลับเลย’ โจวเพ่ยชิงบ่นในใจ
ไม่รู้เพราะอะไร ถึงได้เจอสองคนนี้ทั้งไปทั้งกลับ
“แหม ซื้อข้าวของมามากมาย ไม่รู้ว่าผลาญเงินของพี่ฮั่นตงไปเท่าไร” ลู่เสี่ยวเหมยคล้ายกับบ่นลอย ๆ แต่คำพูดพวกนี้กลับกระทบไปยังโจวเพ่ยชิงเต็ม ๆ
โจวเพ่ยชิงถอนหายใจอย่างระอา ก่อนจะตอบกลับไปอย่างเจ็บแสบ ไม่ทิ้งคราบนางร้ายประจำหมู่บ้าน
“แล้วยังไง อิจฉาเหรอ ว่าแต่ทำไมของเธอน้อยจัง หรือว่าไม่¬มีเงิน ฉันให้ยืมเอาไหม พอดีว่าสามีฉันส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือน เดือนละเกือบยี่สิบหยวน หากไม่มีบอกได้นะ ฉันยินดีให้ยืม”
“กะ แก นังเพ่ยชิง!!”
คราวนี้ลู่เสี่ยวเหมยโกรธจัด ไม่คิดว่าจะโดนย้อนกลับอย่างนี้ ปกติต่อให้โจวเพ่ยชิงจะร้ายกาจ แต่ร้ายแบบไม่ค่อยมีสมอง ไม่คิดว่าครั้งนี้จะกล้าเล่นงานเธอกลับอย่างนี้
“จะเสียงดังทำไม ฉันรู้ว่าฉันชื่อเพ่ยชิง” หญิงสาวตอบกลับด้วยท่าทียียวนเล็กน้อย
ต่อให้กลับมาครั้งนี้เธอเปลี่ยนแปลงตนเองก็จริง แต่ใช่ว่าจะเป็นกับทุกคน สำหรับเธอ ดีมาดีกลับ แต่ถ้าร้ายมาเธอร้ายกลับเป็นร้อยเท่า เธอไม่ยอมให้เสียชื่อหญิงร้ายกาจประจำหมู่บ้านหรอกนะ
“เพ่ยชิง เธออย่าตำหนิหรืออย่าดูถูกพวกเราเลย ฉันรู้ว่าพี่-ฮั่นตงส่งเงินให้เธอกับลูกทุกเดือน เพียงแต่เธอไม่รู้หรือ ว่าการเป็นทหารนั้นมันลำบากและเสี่ยงอันตรายแค่ไหน เธอควรจะใช้สอยอย่างประหยัด แต่นี่อะไร ซื้อข้าวของมากมายมาปรนเปรอตนเอง”
“เดี๋ยวก่อนนะหลันจี เธอพูดอย่างนี้มันไม่ถูก เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันซื้อของปรนเปรอตัวเอง ก่อนจะใส่ร้ายฉัน ตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดก่อนดีหรือไม่ ฉันรู้ว่าเธอหมายปองสามีฉัน เนื่องด้วยพี่ฮั่นตงเป็นชายที่หล่อเหลา เรื่องนี้เข้าใจได้ แต่ฉันและพี่ฮั่นตงแต่งงานกันห้าปีกว่าแล้ว เธอควรตัดใจได้แล้วนะ หรือไม่ เธอควรจะไปบอกพี่¬ฮั่นตงให้มาหย่ากับฉัน ถ้าเขายอมฉันก็ยินดี”
ชาวบ้านที่กำลังรอเกวียนและเดินผ่านไปมา มองทั้งสามคนด้วยความสนใจ ยิ่งเจอบทสนทนาของโจวเพ่ยชิง หลายคนจึงหันมามองสองสหายรักอย่างไม่วางตา
เจอสายตาของใครหลายคนมองมาอย่างตำหนิ หม่าหลันจีและลู่เสี่ยวเหมยรู้สึกอับอายมาก จนต้องเดินหลบไปยืนมุมอื่น
ไม่นานเกวียนของหมู่บ้านก็มาถึง จากนั้นทั้งหมดจึงเดินทางกลับหมู่บ้านด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน
เมื่อมาถึงหมู่บ้านโจวเพ่ยชิงจ่ายค่าเกวียนเสร็จ เธอหอบหิ้วสิ่งของและสะพายตะกร้าขึ้นหลัง ก่อนจะมุ่งตรงกลับบ้านทันที
ระหว่างนั้นมีสายตาชาวบ้านที่ว่างงานนั่งจับกลุ่มแทะเมล็ดฟักทองมองอย่างอิจฉาและไม่พอใจ รวมถึงสายตารังเกียจผสมอยู่ด้วย ทว่าหญิงสาวกลับไม่สนใจ เวลานี้เธอกำลังคิดถึงลูกทั้งสองคน หากอาเฉินและซานซานเห็นของฝากจะดีใจแค่ไหนกันนะ
“แม่กลับมาแล้ว อาเฉิน ซานซานเปิดประตูให้แม่หน่อย”
“แม่ / แม่กลับมาแล้ว เย้!”
สองพี่น้องทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของแม่ จึงรีบวิ่งออกมาเปิดประตูรั้วให้แม่ทันที พอเห็นว่าแม่ของตนหอบหิ้วของมากมาย จึงได้เอ่ยปากและช่วยถือเข้ามาในบ้าน