บทที่ 6 ยังเป็นหญิงร้ายกาจ (6/1)
บทที่ 6 ยังเป็นหญิงร้ายกาจ
“ทั้งหมดสามร้อยหยวนค่ะ ว่าแต่ลูกค้ามีคนมาช่วยขนใช่-ไหมคะ” หญิงสาวรับเงินมา แต่ไม่วายเป็นห่วงลูกค้า
“ฉันมีคนมาด้วย เรื่องนี้แม่ค้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ แต่ฉันต้องการสั่งวัตถุดิบทุกสัปดาห์และให้ไปส่งที่บ้านได้ไหม ตามรายการนั้นเลย ยกเว้นข้าวสาร”
“ตามจำนวนนี้เหรอคะ”
“ใช่แล้ว ถ้าหากต้องการสั่งของเพิ่ม แม่ค้าส่งสองรอบได้ไหม ฉันยินดีให้ค่าส่ง”
“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นขอที่อยู่ด้วย สัปดาห์หน้าฉันจะนำสินค้าไปส่งให้ค่ะ” แม้จะลังเลและกลัวว่าจะถูกตรวจสอบ แต่ในเมื่อเธอมีมิติจะ¬กลัวอะไร รอไปถึงหน้าบ้านนั้นก่อนค่อยเอาของออกมาก็ได้
ป้าแม่บ้านจึงยื่นที่อยู่ให้ ทำให้โจวเพ่ยชิงรู้ว่าที่นี่คือบ้านของท่านนายพลคนหนึ่ง เธอจึงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
“ฉันจะไม่โดนจับใช่ไหมคะลูกค้า”
“ฮ่า ๆ ไม่หรอก หากโดนจับ ฉันคงโดนด้วยแล้ว เรียกฉันว่าป้าซือเถอะ”
“จริงด้วยนะคะป้าซือ ฉันชื่อเพ่ยชิงค่ะ ยินดีที่ได้ทำการค้าด้วยกันนะคะ”
“ยินดีเช่นกัน วันนี้ป้ากลับก่อนนะ สัปดาห์หน้าอย่าลืมไปส่งของล่ะ”
หลังจากป้าซือกลับไป ยังคงมีลูกค้ามาถามซื้ออาหารอีกไม่-น้อย วันนี้จึงทำเธอให้มีเงินเข้ากระเป๋าหลายพันหยวน แม้ว่าจะเหนื่อยแต่ก็คุ้มค่า “อีกไม่นานคงเป็นเศรษฐีหมื่นหยวนแล้ว เพ่ยชิงเอ๋ย”
เมื่อทำการค้าจนเงินเข้ากระเป๋ามากมาย โจวเพ่ยชิงจึงเดินออกมาจากตลาดมืดอย่างอารมณ์ดี แต่ไม่วายเดินไปถามคนดูแลตลาดเพื่อจ่ายค่าเช่า
“พี่ชาย ฉันต้องการจ่ายค่าเช่าวันนี้ ต้องไปจ่ายที่ไหนเหรอ”
คนดูแลได้แต่แปลกใจกับการกระทำของหญิงสาวคนนี้นัก มี-อย่างที่ไหนเดินมาถามว่าต้องการจะจ่ายค่าเช่า ทั้งที่ไม่มีหน้าร้าน
“หากไม่เช่ารายเดือนหรือไม่มีหน้าร้าน ก็ไม่ต้องจ่ายหรอก คุณกลับไปเถอะ”
“ไม่ได้หรอกพี่ชาย ฉันมาค้าขายและขายได้ไม่น้อย ยังไงต้องจ่ายค่าเช่า ว่าแต่ที่นี่คิดค่าเช่าวันเท่าไรคะ”
“ที่นี่ไม่คิดค่าเช่า ส่วนมากจะคิดเฉพาะร้านค้าที่มาเช่าเป็นเดือน ผมว่าคุณกลับไปเถอะ”
คนดูแลมึนกับคำถามของหญิงสาวที่เห็นแต่ดวงตา มีอย่างที่ไหน จะมาจ่ายค่าเช่ารายวัน นายท่านที่นี่ไม่เก็บเงินชาวบ้านทั่วไปที่¬หาของป่า หรือนำของมาขายนาน ๆ ครั้ง
“อย่างนั้นพี่ชายทั้งสองคนรับน้ำใจนี่ไปนะ ฉันจะได้ไม่รู้สึกติด¬ค้าง ขอบคุณสำหรับวันนี้”
โจวเพ่ยชิงไม่ดื้อดึงอีกต่อไป และไม่อยากติดค้างใครเช่นกัน วันนี้เธอทำการค้าได้หลายพันหยวน หากจ่ายค่าเช่าหรือให้สินน้ำใจคนดูแลตลาดก็ไม่ขาดทุน ดังนั้นเธอจึงหยิบเนื้อหมูชิ้นใหญ่พร้อมกับขาหมูออกมาสองชุด ส่งให้คนดูแลตลาดทั้งสอง ก่อนจะกล่าวลา
“พี่ชายทั้งสองรับไปเถอะ ฉันไม่ต้องจ่ายค่าเช่า วันนี้สินค้าที่-รับมาขายแทบไม่เหลือ วันหน้าฉันจะมาขอขายของอีกนะ”
พูดจบเธอจึงเดินจากมาทันที การกระทำของเธอสร้างความแปลกใจให้กับคนดูแลทั้งสองไม่น้อย
“นายว่าหญิงสาวคนนี้สมองถูกกระทบกระเทือนหรือเปล่า มีอย่างที่ไหน เอาเนื้อหมูชั้นดีกับขาหมูราคาแพงมาให้เราสองคน นี่-มันแพงกว่าค่าเช่าทั้งเดือนเสียอีก”
“นั่นสิ บ้านไหนกันนะปล่อยลูกสาวสมองไม่ดีออกมาอย่างนี้ แต่ยังไงก็ต้องขอบใจเธอ ที่มอบเนื้อและขาหมูให้ วันนี้เมียฉันจะมีเนื้อกินแล้ว”
“นั่นสิ ครั้งต่อไปคงต้องดูแลเธอคนนี้ให้ดีเสียแล้ว เอาของมาขายใช่ว่าจะไม่โดนโกงหรือ”
ในสายตาของคนดูแลตลาดทั้งสองคน โจวเพ่ยชิงกลายเป็นหญิงสาวสมองได้รับการกระทบกระเทือนเสียแล้ว
แต่ไม่ว่าทั้งสองจะมองโจวเพ่ยชิงเป็นคนสติไม่ดีอย่างไร
ทุกครั้งที่เธอเข้ามาขายของ ทั้งสองมักจะคอยดูตลอด เพราะกลัวว่าจะโดนชาวบ้านหรือลูกค้าที่มาซื้อของจะโกง และเธอก็ยังตอบแทนทั้งสองด้วยอาหารและของกินของใช้ทุกครั้งเช่นกัน
เมื่อออกมาจากตลาดมืดแล้ว โจวเพ่ยชิงจึงเดินเตร็ดเตร่อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะหามุมลับตาเพื่อเอาอาหารและเสื้อผ้าใหม่ออกมาให้¬ลูกทั้งสองคน รวมถึงของฝากบ้านเธอและบ้านสามี
“อยากเอาจักรยานออกมาใช้จัง แต่ต้องรออีกสักพักดีกว่า”