6.เปียกกาย หวามใจ
เป็นยามนั้นที่นางเห็นว่าประตูห้องเปิดออกคนที่ก้าวมาด้วยสีหน้าอมยิ้มกรุ้มกริ่มคือบุรุษรูปงาม ร่างกายสูงใหญ่พอๆ กับบุรุษอาภรณ์สีน้ำเงิน ดวงหน้าเขาหล่อเหลา และสง่างาม หากมีความเจ้าสำราญ อีกทั้งผิวเข้มดูสุขภาพดี
“เมื่อครู่แม่นางน้อยคนนี้ แอบดูข้าหรอกรึ เฮ้อ...เสียดายที่แสดงฝีมือตื้นเขินเกินไป” คนที่เอ่ยเสียงชอบใจคือหยวนเจี้ยนหยางซึ่งเป็นรัชทายาทนั่นเอง
โม่เยี่ยเยี่ยตกอยู่ในฐานะจำเลย และเป็นจำเลยที่กระทำความน่าเสื่อมเสียต่อตนเอง อีกทั้งตอนนี้นางรู้สึกหน้ามืด ด้วยมีเลือดไหลออกมาจากจมูก และมันอาบที่ลำคอระหงด้วย
“แล้วนั่น เลือดยังไหลออกจากจมูกไม่หยุด ทำไมเจ้ายังใจร้ายไม่รีบเรียกหมอเล่าอี้หลง”
อี้หลง!
โม่เยี่ยเยี่ยไม่ได้หูฝาดเป็นแน่ นางได้ยินหยวนเจิ้นหยาง เรียกคนตัวโตผิดซีดเผือดว่า อี้หลง...เช่นนั้นเขาคงเป็นจางอี้หลง ว่าที่สามีของนาง
ดวงตาคมกริบมองสตรีน้อย ก่อนคำรามอย่างขุ่นใจ เหตุใดเขาจะไม่รู้ว่าเลือดที่ไหลออกจากจมูกโม่เยี่ยเยี่ย เกิดจากร่างกายนางร้อนรุ่ม สาเหตุย่อมมาจากการแอบดูการอุ่นเตียงของหยวนเจี้ยนหยางกับคณิกา
“รัชทายาท อย่าให้เรื่องนี้ยุ่งยากไปกว่านี้ ข้าจะดูแลและอบรมว่าที่ภรรยาข้าด้วยตนเอง” จางอี้หลงกล่าวจบ ดวงตาเขาส่งไอเย็นเยียบมาถึงร่างที่สั่นด้วยความโกรธของโม่เยี่ยเยี่ย
“ทะ ท่านมีสิทธิอันใด ถึงจะมาอบรมข้า และเรายังไม่ได้เข้าหอกัน” โม่เยี่ยเยี่ยแผดเสียงดังใส่คนตัวสูง ใบหน้าขาวซีด
“ฮึ ในฐานะว่าที่สามี และไม่อยากให้เจ้าต้องขายหน้าผู้อื่นไปมากกว่านี้” เขาเอ่ยจบจึงคว้าข้อมือเรียวโม่เยี่ยเยี่ยหมับ ก่อนออกแรงบีบแรงๆ เสียด้วย
“ปล่อย ข้าเจ็บ!” นางว่าและคำรามขู่ และตั้งใจดิ้นหนีจากร่างกายสูงใหญ่
“ดื้อรั้น” เขาว่า พร้อมส่งสายตาคมกริบเพ่งไปที่ร่างกายเบื้องล่างนาง ความเย็นชวนให้ขนลุกซู่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นโม่เยี่ยเยี่ยที่อยากหวีดร้องเพื่อกลบเกลื่อนความอับอาย
จางอี้หลงเม้มริมฝีปากสีสดตัดกับใบหน้าขาวซีดจนเป็นเส้นตรง จึงรั้งร่างนางมาอยู่แนบอกแกร่ง การเสียดสีร่างกายนุ่มนิ่มกับเรือนกายกำยำทำให้โม่เยี่ยเยี่ยร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้ง นางบีบขาทั้งสองข้างตนเองเอาไว้แน่น ใบหน้าแดงซ่านราวกับคนกินของเผ็ดร้อน
“อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้หรืออย่างไร”
จางอี้หลงเอ่ย สีหน้าเขาไม่ยินดียินร้าย หากเป็นโม่เยี่ยเยี่ยที่อยากร้องไห้ ด้วยนางชื้นแฉะไปทั้งเบื้องล่าง
“ทะ ท่าน!”โม่เยี่ยเยี่ยชี้หน้าเขา นางทำได้เท่านั้นก่อนจะตัดสินใจทำเรื่องเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตน
หญิงสาวแกล้งหมดสติ และทำตัวอ่อน พอสบโอกาสที่จางอี้หลงจะอุ้มนางขึ้น โม่เยี่ยเยี่ยพลันบิดตัวด้วยความเร็ว ก่อนแสร้งเซถลาลงสู่สระน้ำจนเกิดเสียงดังตูมใหญ่!
ดวงหน้างดงามจิ้มลิ้ม
ริมฝีปากแดงสดชวนชิมให้ถวิลหา
เรือนร่างอรชน ยืนหนึ่งในใต้หล้า
แน่งน้อยยอดกัลยา ตัวข้าปรารถนาอยากครอบครอง
จางอี้หลงมองคนที่แกล้งสลบอย่างไม่แนบเนียน เขาอุ้มนางขึ้นก่อนพาเข้าไปส่งที่ห้องพักส่วนตัว เขาจับชีพจรนางตรวจดูอาการทั่วไป ซึ่งแน่นอนนางไม่ได้เจ็บป่วยสักนิด เลือดลมไหลเวียนดี ออกจะดีเกินไปด้วยซ้ำ โดยเฉพาะจุดแสนหวานในร่มผ้าซึ่งฉ่ำเยิ้มส่งความหวามไหวให้ชายหนุ่มคึกคัก
ดรุณีนางนี้อายุสิบสี่ปี นางเป็นสาวเต็มกาย มีความดื้อรั้น และผยอง อีกทั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เขารู้ว่านางพยายามหาเรื่องที่จะพบเขาให้ได้ พบเพื่อสิ่งใดหากไม่ใช่คิดก่อเรื่องอาละวาด และหาทางล้มเลิกการแต่งงานระหว่างเขากับนาง
ชายหนุ่มมองใบหน้าเรียวสวยซึ่งงามหมดจดและหาผู้ใดเทียบ หลังจากที่เขาดึงผ้าปิดใบหน้านางออก พบว่าสองแก้มนั้นแดงจัด หน้าผากนางมีไอร้อน อีกทั้งกลิ่นหอมๆ จากเรือนกายนุ่มนิ่มที่ลอยเข้าจมูกเขา ทำให้จางอี้หลงต้องปกป้องนาง แต่โม่เยี่ยเยี่ย กลับเป็นแม่นางน้อยจอมแก่น และถือดีเป็นที่สุด นางแผลงฤทธิ์ไม่หยุด แต่นางฉลาดพอที่ปกปิดบางสิ่งจากสายตาผู้อื่นด้วยการกระโดดลงสู่สระน้ำ หวังให้กลิ่นปลาในสระ และโคลนกับดอกบัวกลบความฉ่ำหวานที่แตกซ่านของนางออกมา
นิ้วยาวเรียวแตะหัวคิ้วเรียวโค้งสวย ก่อนวาดช้าๆ ไปที่ขมับ เขามันเขี้ยว จึงกดน้ำหนักลงไป แต่สตรีนางนี้ยังหลับตาพริ้มราวกับไม่สนใจเขา
กระทั้งเขาเลื่อนนิ้วไปตรงปลายจมูกเชิดสวย แล้วบีบมันเบาๆ ซึ่งนางยังเล่นงิ้วเป็นองค์หญิงขี้เซาไม่เลิกรา
นิ้วชี้ของเขาจึงแตะที่ริมฝีปากสีสดแสนชุ่มชื่น แตะวนซ้ำๆ ก่อนรั้งริมฝีปากล่างอวบอิ่มลงเล็กน้อย เป็นยามนั้นที่เขาเกิดความคิดไม่งามต่อโม่เยี่ยเยี่ย หากเขาแกล้งทำเสียงเข้มถามไถ่นาง
“เจ้าจะแสร้งเล่นละครไปอีกนานหรือไม่”
โม่เยี่ยเยี่ยอยากหวีดร้อง นางกำลังถูกจางอี้หลงกระทำหยาบคาย นอกจากหวีดร้องใส่จางอี้หลงแล้ว นางยังต้องตามไปสั่งสอนพวกที่ให้ข้อมูลเท็จของบุรุษน้ำแข็ง จากนั้นก็หลอกลวงวาดภาพเขาออกมาให้นางต้องเข้าใจผิด
“เยี่ยเยี่ย...เจ้าต้องการทำสิ่งใด หากยังหลับอยู่เช่นนี้ ข้าจะให้เจ้านอนอย่างสาสมใจสักเจ็ดทิวาและราตรีดีหรือไม่”
เขาเอ่ยแล้วจึงรั้งริมฝีปากล่างนางลงอีกนิด เป็นตอนนั้นที่หญิงสาวที่แกล้งหลับใหล หมดความอดทน
หญิงสาวคำรามเสียงดัง ตามด้วยการงับนิ้วชี้ยาวๆ ของจางอี้หลงเอาไว้ แต่การงับของนางแทนที่จะทำให้เขาเจ็บปวด กลับกลายเป็นว่ายามที่ตาประสานตา ทั้งคู่ก็เหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่ร่าง
โม่เยี่ยเยี่ยตะลึงต่อใบหน้าของจางอี้หลง เขาสง่าผ่าเผย คิ้วกระบี่พาดเฉียง ดวงตาเรียวดุดันเปี่ยมด้วยพลังที่คุกคามนาง เหนืออื่นใดคือริมฝีปากเขาบางสวย ดูยียวนเจือร้อยยิ้มร้ายกาจเอาไว้ และหนวดเคราบางๆ ขึ้นเขียวครึ้ม ก็ขับให้เขาหล่อเหลา มัดใจผู้พบเห็นให้สยบอยู่แทบเท้า ผิดแต่ดูรวมๆ ผิวเขาขาวซีดอยู่สักหน่อย มันเหมือนคนขี้โรคที่ใครๆ กล่าวถึงนั่นแหละ
ดวงตาสีดำสนิทจดจ้องนาง และนางท้าทายเขาเช่นกัน
“ปล่อยข้า! เจ้ากระทำเช่นนี้ กับว่าที่สามีได้รึ”
โม่เยี่ยเยี่ยหวีดร้อง นางรังเกียจคำพูดจี้ใจดำของจางอี้หลง เขากล้าดีอย่างไรถึงยกตนเป็นว่าที่สามีนาง เมื่อหวีดร้องเสร็จ นางก็กัด กัดแรงๆ หวังให้นิ้วมือเขาขาด แต่ผลลัพธ์หาเป็นเช่นนั้น พอนางกัด เขาจึงตอบโต้ด้วยการซุกไซ้จมูกโด่งสวยกับซอกคอขาวผ่อง
ความรู้สึกเดิมหวานฉ่ำยังไม่ทันจะเหือดหาย ครานี้โม่เยี่ยเยี่ยจึงเคลิ้มไหว แรงที่กัดนิ้วชี้ของจางอี้หลงพลันอ่อนแรง ตามด้วยการหลุดเสียงคราง มันเป็นเสียงครางเล็กๆ แสนอัปยศ
จางอี้หลงยังไม่หยุดล่วงเกินโม่เยี่ยเยี่ย ดูเหมือนเขาจะติดใจความสาว ความงามล่มเมืองของนางเข้าแล้ว
จมูกโด่งรุกล้ำซอกคอขาวผ่อง ปลายลิ้นไล้เลียสลับกันไป ครั้นได้ยินเสียงรัญจวนใจเขาก็เหมือนได้พลังชี้นำ
ริมฝีปากบางขบเม้มลำคอระหง มือใหญ่ข้างหนึ่งนวดเฟ้นหน้าอกสวยอย่างย่ามใจ โม่เยี่ยเยี่ยไม่ได้ตอบโต้ หรือปกป้องตนเอง ร่างกายนางเตลิดไปไกล หัวใจเต้นระรัวแรง อยากให้เขากระทำแบบเดียวกันกับที่รัชทายาทปรนเปรอคณิกานางนั้น
ร่างเปลือยของหยวนเจี้ยนหยาง ขยับไหว สะโพกสอบของเขากระแทกแท่งหยกใส่กลีบบุปผาหญิงนางโลม ภาพที่โม่เยี่ยเยี่ยเห็นทั้งชวนสยิว ทั้งน่าอับอาย แต่ยามนี้เป็นนางที่อยากก่อเกิดความซาบซ่านที่เต็มเปี่ยมด้วยไฟราคะ
ภายในร่มผ้าของโม่เยี่ยเยี่ยมีน้ำเกาะพราว เตาของนางร้อน เต้าหู้ขาวอวบก็ปรารถนาอยากถูกบีบเค้น