บทที่ 5
“กินเบาๆ หน่อยอีถุงทอง แหมๆ อีข้าวปุ้น เกรี้ยวกราดนะมึง เกรี้ยวกราด แดกไม่เกรงใจเงินกูเลย หัดกินให้สุภาพ เจียมเนื้อเจียมตนแบบอีบุญมาได้มะ ยามมีกูซื้อแซลมอนแมวให้พวกมึงแดกได้ แต่ยามกูไม่มี พวกมึงต้องแดกปลากระป๋องปลาทูให้ได้เด้อ”
นุตรานั่งขัดสมาธิ มองดูบรรดาแมวของหล่อน ที่กำลังกินอาหารกัน ปากก็บ่นกับเจ้าเหมียวไปด้วย บ่นไปงั้นประสาเอ็นดู หล่อนเลี้ยงแมวสามตัว เป็นเปอร์เซียสองตัวสีขาวและสีเทา อีกตัวเป็นแมวจรไม่ระบุพันธุ์ หน้าเป็นแมวไทยสีดำ แต่หางฟูเป็นพวง จริงๆ ไม่ได้อยากเลี้ยงแมว แต่ตอนแรกรับมาเพราะเกรงใจคนให้ คนให้คือพี่เจ้าของร้านสัก ที่หล่อนเคยไปทำงานด้วยแล้วถูกด่ามาเพราะอินดี้จัดนั่นล่ะ ตอนแรกกะจะเลี้ยงไว้ก่อนแล้วหาคนมาดูแลอีกที เพราะตอนแรกนุตราเช่าคอนโดอยู่ แต่เอาไปเอามา หล่อนก็ถูกเจ้าสองตัวนี้ตกไปเป็นทาสแมวเรียบร้อย รู้ตัวอีกทีก็มาซื้อบ้านที่หมู่บ้านนี้ เพื่อให้แมวและลูกสาวอยู่สบายไปซะงั้น แถมพอไปเจอเจ้าบุญมา นอนพะงาบๆ อยู่หน้าร้านยาดองเพราะถูกหมากัดจนไส้ไหลออกมา ก็พาไปโรงพยาบาล ยอมเสียเงินเฉียดแสนพยาบาลจนมันหายดี มาทำหน้าบ๊องแบ๊วตามติดหล่อนราวกับเงา ไปไหนไปกัน ขณะที่แมวเลี้ยงอีกสองตัวอินดี้เหมือนเจ้าของ คืออยากมาก็มา ไม่เรียกก็ไม่มา ไม่สงบเสงี่ยมน่ารักเหมือนนังบุญมาเลยสักนิด
พวกแมวๆ ของหล่อนก็เป็นตัวเมีย สรุปบ้านนี้ก็มีแต่สาวๆ ตั้งแต่คนจนถึงสัตว์เลี้ยง นุตราคิดแล้วก็หัวเราะเบาๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปหลังบ้าน บ้านของหล่อน...บ้านหลังแรกในชีวิต ความภาคภูมิใจที่ได้มีทรัพย์สินไว้ให้กับลูกสาวคนเดียวของหล่อน อย่างน้อยๆ ฐานุตราจะไม่ต้องลำบากเหมือนหล่อน หล่อนทำทุกอย่างเพื่อคนตัวเล็กที่มอบพลังงานชีวิตอันสูงค่าให้
“ปู่ส่งอะไรมาให้มั่งหว่า ไหนดูสิ”
เธอรื้อค้นกล่องบรรจุบรรดารากไม้ สมุนไพร ตัวยาที่ใช้ดองเหล้า ที่ปู่ของอดีตสามีส่งมาให้ ท่านยังแข็งแรงดีแม้จะอายุเกือบแปดสิบแล้ว เตะปี๊บแตก...ท่านโฆษณาตัวเองว่าแบบนั้น ก็น่ะ...ตอนนี้ก็มีเมียเด็ก เป็นการการันตีว่าสมุนไพรสูตรยาดองเหล้าของท่านนั้น เป็นของดีของโด๊ปชั้นเลิศ
“สูตร...หื้ม สูตรอะไรวะนั่น”
ปู่ปานใส่ชื่อสูตรมาด้วย แต่ล่ะสูตรก็มีชื่อหวือหวาพาจิ้น และบอกสรรพคุณไว้อย่างชัดเจน
เห็นชื่อสูตรของปู่เข้า นุตราก็บังเกิดความลังเล ว่าจะทำดีไหมนะ เอาวะ! ปู่ให้มาก็ต้องจัดไป หล่อนเริ่มผสมสมุนไพรลงในโหล ตามสัดส่วน แล้วก็เทเหล้าลงไป...หมักบ่มไว้เจ็ดวัน ปู่ว่าไว้ จะได้ยาดองเหล้าสูตร...แม่หม้ายเกรียงไกรเจ็ดคืนไม่พัก
“อีดอก...ชื่อสูตรเปลี่ยนได้ไหมวะ แม๊ะ! ขืนกูแปะชื่อไปล่ะก็ ลูกค้าจะต้องหาว่ากูโฆษณาตัวเองแหงๆ”
บ่นกับตัวเอง เมื่อทำเสร็จ แล้วก็หัวเราะคิก แล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัว หล่อนยังอยู่ในชุดนอนหลังจากลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าไว้ไปโรงเรียนให้ลูกแล้วกลับมานอนต่อ จนถึงสิบโมงโดนนังเหมียวทั้งหลายร้องปลุก เลยมาหาข้าวให้แมว และทำงานประจำวัน
เกือบเที่ยง นุตราก็พร้อมจะลุยงานประจำวันของหล่อน หญิงสาวขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่ร้านยาดองของหล่อนเป็นมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ตอนแรกหล่อนมีรถยนต์แต่ขายมันไปแล้วเพราะเอาไปดาว์นบ้าน รถแลกบ้าน ก็คุ้มอยู่ล่ะ หล่อนทำมาหากินใกล้ๆ กับบ้านไม่ได้ไปไหนไกล มีแค่นี้ก็พอ ไว้ค่อยมีมากกว่านี้ก็ค่อยขยับขยายกันไป
ในรถมีกล่องพลาสติกเรียงเป็นตั้งสูง และโหลยาดอง หล่อนจัดเรียงโหลยาดองพร้อมกับมะม่วง มะขามเปียกไว้ให้กับลูกค้าได้จิ้มกินแกล้มยาดอง หล่อนกางโต๊ะออก วางสินค้าของหล่อนไว้ข้างๆ หล่อนรับน้ำพริกมาขาย กำไรดีเลยล่ะ น้ำพริกตาแดงนี้หล่อนเพิ่งร่วมมือกับป้าแอ๊ว ลูกค้าขาประจำที่ทำน้ำพริกได้อร่อยจนต้องร้องขอชีวิต ป้าแอ๊วประสบอุบัติเหตุในชีวิตเนื่องจากมีผัวใหม่ผิด ชีวิตเกือบพัง ผัวใหม่ผู้เข้ามาและหอบทุกอย่างของป้าแอ๊วไปจนหมด แม้กระทั่งลูกสาวของป้าแอ๊วเอง...น่ะ ชีวิตจริงมันก็โหดร้ายแบบนี้ เมื่อผัวดันเป็นชู้กับลูกสาว หนีจรจากไป ทิ้งไว้แต่ป้าแอ๊วที่จะเกือบจะไม่เป็นผู้เป็นคน มาเมามายอยู่ที่ร้านยาดองของเธอ เมาอาละวาดอีกต่างหาก ทำยาดองของนุตราแตกไปหลายโหล แถมตบตีกับนุตราที่โมโหจัด ในคืนนั้นที่พราวไปด้วยรอยเล็บและรอยตบ ป้าแอ๊วก็กอดคอร้องไห้กับนุตรา ผู้ที่ให้พลังชีวิตกับป้าแอ๊ว ด้วยคำปลอบโยนในแบบฉบับของเจ๊นิว