บทที่ 3
ชีวิตของเธอที่ผ่านมา...มันก็ทำให้เธอแก่เกินตัวแบบยัยหมูหวานนี่ล่ะ เธออยากให้ลูกสดใสแบบเด็กๆ บ้าง มีโอกาสได้เล่นได้สนุก ไม่ต้องคิดอะไรมาก ใช้ชีวิตวัยเด็กให้คุ้ม เพราะเวลามันผ่านไปเร็วมาก
“หลับตาข้างหนึ่ง” เด็กหญิงขมวดคิ้ว
“หมายถึงแม่จะหลับตาข้างหนึ่งสักให้ครูของหนูเหรอ?”
“ไม่ใช่”
บางอย่างเด็กก็ต้องอธิบายกันเล็กน้อย เธออ้าแขนออก ลูกสาวจึงเดินมานั่งตักแม่ มันเป็นท่าของสองแม่ลูกที่ใช้ยามคุยปรึกษากัน
“หลับตาข้างหนึ่งหมายถึง บางทีเราก็มองข้ามสิ่งที่เรารู้สึกว่าไม่ดี ผิด ทำเหมือนมองไม่เห็นมันแล้วก็ต้องทำในสิ่งที่เรารู้สึกฝืนใจน่ะ”
“ถ้าแม่ต้องฝืนก็ไม่ต้องทำ”
“อืม แม่คิดว่าแม่อยากทำ ฝืนนิดหน่อยแต่ก็ทำได้ เพื่อลูกสาวของแม่ไง”
เธอว่าแล้วหัวเราะ โลกใบนี้เป็นสีเทาๆ ไม่ได้มีอะไรขาว และดำ เธอค่อยๆ สอนบุตรสาว เพิ่มเขี้ยวเล็บในการใช้ชีวิตให้กับฐานุตรา นอกเหนือจากตำราในบทเรียน
“ก็ถ้าแม่สักให้กับครูของหนู แม่ก็จะเหมือนมีเส้นสายกับครูของหนูเหมือนกัน หนูอาจจะได้สิทธิพิเศษนิดหน่อย มันก็ดีออกน้า”
“หนูไม่ค่อยชอบ” ฐานุตราว่า
“ปู่ทวดบอกว่าไม่ชอบการใช้อภิสิทธิ์ เส้นสาย อย่าทำตัวเป็นพวกนักการเมือง คนพวกนี้อะ...เหะ...อุ๊บ”
เธอเอามือปิดปากแล้วทำตาโต พลางสั่นหน้าดิกๆ นุตรามองหน้าลูกสาว เกือบแล้วจะขำ เพราะรู้ว่าลูกจะพูดคำว่าอะไรต่อ แหม...ก็ฟังเธอสบถ ฟังเธอคุยแต่คำพวกนี้มาสองสามเดือนเต็มๆ ล่ะตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับเธอแบบถาวร มันก็มีเกือบติดคำพวกนี้กันบ้าง นุตราทำหน้าเคร่ง แล้วแสร้งทำเสียงเข้ม
“เมื่อกี้จะพูดคำว่าอะไร? หืม...”
“หนูเกือบพูดคำหยาบ หนูตกใจหมด”
เจ้าหล่อนเอามือทาบอก พลางถอนใจเฮือก นุตราหัวเราะคิก แล้วกอดลูกสาวไว้แน่น
“บางอย่างก็อย่าทำตามแม่นะ แม่น่ะต้องสร้างภาพ เลยต้องพูดอะไรแบบนั้น รู้รึเปล่า?”
“สร้างภาพว่า...”
เด็กหญิงมองหน้ามารดาก่อนจะเอียงคอ บางทีการกระทำของผู้ใหญ่ เธอก็ยังไม่เข้าใจนักหรอก
“สร้างภาพว่าเถื่อนไง ก็แม่ขายของเถื่อนๆ แถมสักหลังลายพร้อยขนาดนี้ ก็เลยต้องทำเถื่อนๆ น่ะสิ แต่จริงๆ แล้วแม่ของหมูหวานคือนางฟ้านะคะ”
“หนูจะพยายามเชื่อนะ”
“ย่ะ...คืนนี้แม่ไม่ไปเปิดร้าน อยากนอนไวๆ หมูหวานอ่านหนังสือให้แม่ฟังหน่อยสิ”
อ้อนลูกสาวไปแบบนั้น ทำเอาหล่อนถึงกับขำกิ๊ก เด็กหญิงปีนขึ้นเตียงแล้วเลือกหนังสือที่หัวเตียง เป็นหนังสือที่เธอหอบหิ้วมาด้วยจากต่างจังหวัด พร้อมกับหันมายิ้มแป้นให้กับมารดาแล้วตบที่หมอนเบาๆ
“มามะมานอน เดี๋ยวหนูจะอ่านหนังสือเล่มนี้ให้ฟัง”
“หนังสืออะไรน่ะ”
เธอปีนขึ้นเตียงตามบุตรสาว แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ เด็กหญิงเอาหน้าปกให้กับมารดาดูแล้วเอ่ยเสียงแจ๋ว
“การสร้างมัมมี่”
“อืม...”
นุตราทำตาปริบๆ ไม่เข้าใจนักหรอกว่าทำไมลูกสาวชอบอ่านอะไรแบบนี้ แต่เธอก็สนับสนุนทุกทางล่ะที่ลูกสาวชอบ การที่เธอให้ฐานุตราอ่านหนังสือให้ฟังก่อนนอน เจตนาคือสร้างความสัมพันธ์ในแบบแม่ลูก และเสริมสร้างทักษะการอ่านของเด็กหญิงให้เพิ่มพูน ตัวเธอเรียนมาแค่มอสาม...ก่อนจะออกมาโลดแล่นใช้ชีวิต พออ่านออกเขียนคล่อง ทักษะของเธอที่โดดเด่นคือด้านศิลปะของงานสัก เธอเขียนลายสัก ออกแบบลายสักได้สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ จึงใช้สิ่งนี้ในการดำเนินชีวิต แม้จะไม่ได้เรียนต่อ ไม่ได้อยากเรียนสูง แต่กับลูกสาว เธอก็อยากให้แกได้เรียนเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ อยากจะส่งลูกให้ได้มากที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ในโอกาสที่เธอไม่มี
เธอมองแก้วตาดวงใจด้วยนัยน์ตาอ่อนโยนเปี่ยมไปด้วยความรัก พลังใจของเธอในการใช้ชีวิต และดึงรั้งไม่ให้เธอนั้นเถลไถลไปกับการใช้ชีวิต มีเป้าหมายแน่นอนมั่นคง คือสิ่งนี้...ลูกสาวของเธอ
ฐากูร...เธอเสียดายเหลือเกินที่เขาไม่ได้มานั่งมองลูกของพวกเขาเติบโตมาด้วยกัน
ผู้ชายที่ดึงความเป็นศิลปินออกมาให้เธอ ทำให้เธอมีอาชีพ มีรายได้เพื่อเลี้ยงดูตัวเองและเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขา เจ้าของรอยสักรอยเดียวบนหลังของเธอ รอยสักนกฟีนิกซ์...นกที่เป็นสัญลักษณ์ของอมตะ
ผู้ชายที่ทำให้เธอเรียนรู้ชีวิต รู้จักความรัก และจากไปในระยะเวลาอันสั้นเหลือเกิน
คิดถึงเขาแล้วก็ถอนใจน้อยๆ ในความรักและความทรงจำที่ดี เธอมีผู้ชายคนนี้เสมอ ฟังเสียงแจ้วๆ ของลูกสาว ที่ออกเสียงได้อย่างไพเราะ ออกเสียงควบกล้ำได้อย่างน่าฟัง ก็เพลิน จนค่อยๆ ผล็อยหลับลง