ตอนที่3(น้อยใจ)
เจ้านาง พรรณนิชา.....
“ฮะเฮียทำอะไรเหรอครับ?”เฮียทั่นเอ่ยถามฉันพลางก้มหน้าก้มตาหลบสายตาฉัน ฉันก็ยกมือขึ้นมากอดอกพลางหรี่ตามองเขา
“ไปยุ่งกับมันทำไม?”
“เฮียไม่ได้ยุ่งนะ”
“โกหก!!”ฉันตะโกนขึ้นเสียงใส่เฮียทั่นจนเฮียทั่นสะดุ้งตกใจ
“เปล่านะ เฮียเปล่าโกหก”เฮียทั่นยิ้มแหยๆให้ฉัน ฉันจึงเดินตรงเข้าไปหาเขาระยะประชิดตัวเขา
“มองตาเจ้านางสิคะ มองตาแล้วพูดใหม่อีกรอบ”ฉันยื่นหน้าขึ้นไปหาเฮียทั่นพลางบอกให้เขามองตาฉัน เพราะเฮียทั่นไม่ชอบการโกหกเป็นที่หนึ่ง และเขาก็คงจะไม่พูดโกหกแน่นอน
“ว่ายังไงคะ?”ฉันทวนคำถามใส่เฮียทั่นอีกรอบ พลางยื่นมือขึ้นไปคล้องคอเฮียทั่นพลางยิ้มหวานให้เขา เขาก็มองตาฉันแต่เขาไม่ได้พูดอะไร
“เจ้านางขอได้ไหมคะ อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นได้ไหมเจ้านางไม่ชอบ”ฉันพูดเสียงแผ่วเบา เฮียทั่นก็มองหน้าฉันนิ่งสงบสายตาของเขาไม่ได้แสดงอาการใดๆ เฮียทั่นเป็นคนหนึบใน ถึงบางทีเขาจะอารมณ์ดีเฟรนลี่กับทุกคนแต่เขามีอารมณ์ที่โกรธรุนแรงมาก
“ได้ไหมคะเฮียทั่น”ฉันพูดไปพลางยื่นหน้าเข้าไปหาริมฝีปากของเฮียทั่นพลางใช้ริมฝีปากของฉันคลอเคลียไปกับริมฝีปากนุ่มนิ่มสีชมพูระเรื่อของเฮียทั่น
“จุ๊ฟ”ฉันแตะริมฝีปากของฉันลงแนบชิดไปกับริมฝีปากของเฮียทั่นอย่างช้าๆและแผ่วเบา เมื่อเห็นเฮียทั่นไม่ได้ผลักไสฉัน ฉันจึงจูบเฮียทั่น ริมฝีปากที่หวานหยดย้อยของเขาทำให้ฉันหลงใหล ใช่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราสองคนจูบกัน
“เราทำแบบนี้ได้เหรอครับ?”เฮียทั่นเอ่ยถามฉันหลังจากที่ฉันผละริมฝีปากออกมาจากริมฝีปากของเขาแล้ว ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขา
“มากกว่านี้ เราก็เคยทำมาแล้วหนิคะ”ฉันตอบเฮียทั่นไป เฮียทั่นก็ยิ้มแหยๆส่งมาให้ฉันอีก มากกว่าที่ฉันกับเฮียเคยทำคือทำให้ต่างคนต่างพากันไปพบกับสิ่งที่เรียกว่าความสุข จุดสุดยอดที่เราสองคนไม่ได้ลึกซึ้งแบบที่เฮียทั่นทำกับคนอื่น
“วันนี้เฮียจะไปสนามแข่งไม่ใช่เหรอคะ?”ฉันเอ่ยถามเฮียทั่นไปด้วยพลางเอื้อมมือไปติดกระดุมเสื้อเชิ้ตนักศึกษาให้เขาไปด้วย
“อืม ตัวเองจะไปเชียร์เฮียอ่ะเปล่า^_^”
“วันนี้ของเดิมพันคืออะไร?”ฉันไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเฮีย แต่เอ่ยถามเขาไปทั้งๆที่ฉันเองก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว ตอนนี้เฮียทั่นกำลังชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ซึ่งจะว่าเขาชอบก็ไม่ใช่ เพราะเฮียมั่นไม่เคยรักใครเขาจะมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแค่ทีเดียวและทิ้งทุกความสัมพันธ์ทั้งๆทีเขาเป็นคนไปจีบพวกเธอและพอได้พวกเธอเสร็จ เขาก็เขี่ยพวกเธอทิ้งอย่างเยือกเย็น เป็นยังไงล่ะ เฮียฉันเป็นสุภาพบุรุษที่หล่อเท่รวยและดูดีแต่เบื้องหลังใครจะรู้ว่าเฮียฉันก็ไม่ต่างอะไรกับซาตานในคราบมนุษย์
“อีแตงเหรอคะ?”ฉันเอ่ยขึ้นพลางมองหน้าเฮียทั่นอย่างไม่พอใจ อีแตงที่ฉันพูดถึงก็คือแตงโมเด็กสาวน่ารักคณะนิเทศศาสตร์ปีหนึ่ง ดาวคณะหนุ่มๆทั้งมหาลัยของฉันต่างพากันเห่อของใหม่วิ่งตามขายขนมจีบให้แตงโมอย่างน่าหมั่นไส้รวมไปถึงเฮียทั่นของฉันด้วย!
“ทำไมเจ้านางพูดจาไม่น่ารักเลยละครับ!”เฮียทั่นเอ่ยบอกฉันด้วยนำ้เสียงดุๆสายตาของเฮียทั่นมองมาที่ฉันเหมือนคนที่กำลังไม่พอใจ ฉันชินแล้วล่ะ เวลาที่เฮียฉันเห่อของใหม่ อะไรที่ได้มายากๆยิ่งเป็นสิ่งที่เฮียฉันชอบมากที่สุดเพราะมันท้าทายความสามารถของเขาได้ดี แต่ถ้าเขาได้เธอแล้ว เธอก็จะโดนเขี่ยทิ้งอย่างไม่เหลือเยื่อใยเช่นกันมันเป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ที่เฮียฉันกลับมาอยู่เมืองไทยถาวรเหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนเหตุการณ์เดจาวูเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ก็เฮียทั่นทำแบบนี้ทำไมละคะ!!”
“เฮียทำอะไรครับ!!”เฮียทั่นใส่อารมณ์กับฉัน ฉันกำหมัดแน่นดวงตาสั่นไหว ทำไมทำไมฉันต้องรักเขาเกินไปมากกว่าพี่ชาย สิ่งที่ฉันทำอยู่ในสายตาของคนอื่นใครๆก็คิดว่าฉันหวงพี่ชาย และคนอื่นก็ไม่ได้คิดอะไรกับสิ่งที่ฉันทำอารมณ์เสียใส่เฮียทั่น พวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
“เฮียทั่นมัวเอาผู้หญิงไปวันๆวันๆหนึ่งเฮียนอนกับผู้หญิงกี่คน มักง่ายสำส่อน!ไม่กลัวบ้างเหรอคะ โรคนะเดี๋ยวสักวันเฮียก็เป็นโรคตาย!”
“มันจะมากไปแล้วนะเจ้านาง เธอเป็นแค่น้องสาวอย่ายุ่งอะไรกับชีวิตของเฮียให้มาก!!”เฮียทั่นตะโกนใส่ฉันทำให้ฉันร้องไห้ออกมา ฉันว่าฉันจะไม่ร้องแล้วนะแต่ฉันไม่ไหวแล้ว
“ฮืออึก”
“เฮียขอโทษเจ้านาง”เฮียทั่นที่เห็นว่าฉันกำลังยืนร้องไห้อยู่ตรงหน้าเขา เขาก็เอ่ยบอกฉันอย่างเสียงแผ่วเบา
พรึบ
“ไม่ต้องมาจับ!!”ฉันผละตัวหนีออกจากเฮียทั่นที่เขากำลังจะเดินเข้ามาหาฉัน
“เจ้านาง”เฮียทั่นเรียกฉันด้วยนำ้เสียงแผ่วเบา
“เฮียทั่นไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ เจ้านางจะไม่บอกเรื่องนี้ให้คุณพ่อคุณแม่รู้หรอกค่ะ เจ้านางขอตัว!”ฉันพูดเสร็จก็ไม่รอให้เฮียทั่นพูดอะไร ฉันก็วิ่งหันหลังออกมาจากห้องเฮียทั่นทันที
“เจ้านาง ไม่ใช่แบบนั้นครับ!!”เฮียทั่นวิ่งตามหลังฉันมาติดๆพร้อมกับเอ่ยเรียกฉันตลอดทาง แต่ฉันไม่ได้หันกลับไปมองเขา วิ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด มือก็ปาดนำ้ตาที่ไหลรินไปด้วย
ปึกๆๆๆ
“เปิดสิเปิดๆๆ!!”ฉันโวยวายเอามือทุบลิฟต์ให้เปิดออก
ติ๋ง
“เจ้านาง”เสียงเฮียทั่นเรียกฉันมาติดๆแต่โชคดีที่ประตูลิฟต์เปิดก่อน ฉันจึงวิ่งเข้าไปในลิฟต์และกดชั้นหนึ่งที่ฉันจะลงไป
“เจ้านาง!!”เฮียทั่นวิ่งมาถึงหน้าลิฟต์พร้อมกับประตูลิฟต์ที่ปิดลง
“ฮืฮๆๆๆ”ฉันทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพลางร้องไห้ออกมาอย่างฟูมฟาย กี่ครั้งแล้วที่ฉันต้องมาแอบร้องไห้ไม่ให้คนอื่นเห็นว่าผู้หญิงที่เก่งตบตีกับคนอื่นที่เข้ามายุ่งกับเฮียทั่นของฉันไปวันๆก็ร้องไห้เป็นเหมือนกัน ฉันเองก็มีหัวใจเหมือนกัน เจ็บเป็น ร้องไห้เป็น ทำไมเฮียไม่เชื่อสิ่งที่ฉันขอร้องเขา
ปิ๋ง
“ว๊าย!ผีลิฟต์หลอก!!!”เสียงคุ้นหูดังขึ้นหลังจากที่ประตูลิฟต์เปิด
“ฟางข้าว”ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองมัน มันก็เบิกตาขึ้นอย่างตกใจ
“เจ้านางเหรอวะ?!”
“ทำไมสภาพแกเป็นแบบนี้เนี่ย!!”ยัยฟางข้าวโวยวายขึ้นด้วยความเป็นห่วงฉัน และมันก็วิ่งมาพยุงร่างฉันให้ออกมาจากลิฟต์
“มีคนไหม?”ฉันเอ่ยถามยัยฟางข้าวไป มันก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ เอ้ามันจะให้ศัตรูของฉันมาเห็นฉันในสภาพนี้นะเหรอ รองเท้าส้นสูงของฉันก็เอาไปทิ้งไว้ที่ไหนไม่รู้เนี่ย สงสัยฉันจะถอดโยนทิ้งไว้ระหว่างทางที่ฉันวิ่งหนีเฮียทั่นที่ชั้นผู้บริหารนะแหละมั้ง
“ไม่มีย่ะ!”ยัยฟางข้าวหดหัวกลับมาหลังจากมันชัโงกหน้าออกไปดูหน้าลิฟต์ว่ามีใครอยู่ไหม
“ฮือๆฟางข้าวแกพาฉันกลับคอนโดหน่อย”ฉันออดอ้อนยัยฟางข้าวทันที มันก็ถอยหายใจอย่างเหนื่อยใจแต่มันก็ยอมพยักหน้าให้
“เอ่อๆๆไปๆๆ”ยัยฟางข้าวบอกฉันและก็ค่อยๆพยุงร่างฉันให้เดินตามมันไป
พรึบ
“อะไรของแกเนี่ย!!”ฉันโวยขึ้น เมื่อยัยฟางข้าวเอาเสื้อช้อปสีแดงมาคลุมหัวฉันกับหัวมัน เสื้อช้อปของฉันไม่มีเพราะลืมไว้ที่บ้านไอ้ซัน
“ปิดไว้เผื่อมีใครมาเห็น!!”ยัยฟางข้าวบอกฉันด้วยนำ้เสียงเป็นห่วง ฉันยิ้มอย่างซาบซึ้งไม่ว่าฉันจะเหงาจะเศร้าจะทุกข์ขนาดไหนก็มีมันนี่แหละที่คอยอยู่เป็นเพื่อนฉัน
“ฉันรักแกนะฟางข้าว”ฉันบอกฟางข้าวไปด้วยน้ำเสียงน่ารัก
“เปลี่ยนจากบอกรักไปอ่อยน้องไมค์ให้ฉันหน่อย”แหนะ!กูว่าแล้ว ยัยฟางข้าวมันมีแผน อีเพื่อนบ้า!!