บทที่ 7 : Just kidding??
กายพยักหน้าตอบเฮียเข้ม ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูและเดินออกไปจากห้องอย่างหัวเสีย เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินออกมา ฝ่ามือใหญ่เสยผมที่เปียกชื้นไปไว้ด้านหลังก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาคมกริบมองผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนพิงผนังรออยู่ด้านนอก
“กายเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหม ไหนรี่ขอดูหน่อยสิ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง มือเรียวสัมผัสใบหน้าของเขาแผ่วเบา
“ไม่เป็นไร กลับไปก่อนไป คืนนี้กูอารมณ์ไม่ดีแล้วก็ไม่มีอารมณ์” กายพูดเสียงตอบแข็ง น้ำเสียงที่พูบ่งบอกว่าเขากำลังหงุดหงิด ฝ่ามือใหญ่ปัดมือของเธอออกจากใบหน้าอย่างรำคาญ
“กายจะไปไหนอ่ะ รี่ไปด้วยสิ”
กายไม่ได้ตอบเธอ ร่างสูงเดินก้าวเท้ายาวๆ ตรงไปที่รถยนต์ของเขาจอดอยู่ เชอรี่เดินตามเขาจนทันมือเล็กดึงแขนข้างหนึ่งของเขาไว้แน่น
“ไม่รู้ล่ะ วันนี้รี่จะไปกับกาย” ไม่พูดเฉยๆ เธอเบียดหน้าอกเข้ากับลำตัวของเขา
ฝ่ามือใหญ่ผลักร่างของเธอออกอย่างแรงจนเซไปชนกับรถยนต์ข้างหลัง สายตาคมกริบมองจ้องเธอเขม็ง
“เธอเสนอตัวเองนะ แล้วอย่ามาเปลี่ยนใจทีหลังก็แล้วกัน”
“ไม่เปลี่ยนใจหรอก รี่ไปกับกายได้ใช่ไหม”
“ขึ้นรถสิ”
เขาขับรถเลี้ยวเข้ามาจอดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ร่างสูงเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับร่างของหญิงสาวที่เดินเบียดเสียดแนบชิดจนแทบจะสิงร่างเขา
คืนนี้อารมณ์ของกายดูฉุนเฉียวและใบหน้าก็ดูเย็นชาแตกต่างออกไปจากทุกที เขาไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรฝ่ามือใหญ่ผลักตัวเธอให้นอนคว่ำลงบนเตียงนอนทันที ก่อนจะดึงถลกกระโปรงรัดรูปของเธอขึ้นจนถึงเอวคอด หญิงสาวชะงักตัวแข็งทื่อขณะที่ใบหน้าสวยของเธอแลดูตื่นตระหนก ถึงเธอจะมีอะไรกับเขามาหลายครั้งแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ท่าทางและใบหน้าดุดันทำให้เธอรู้สึกตื่นกลัว ฝ่ามือใหญ่ดึงกระชากแพนตี้ลูกไม้จีสตริงสีดำออก ก่อนจะหยิบซองถุงยางออกจากกระเป๋ากางเกง
“กาย เดี๋ยวก่อน รี่เจ็บบบ อื้ออ” เธอร้องออกมาเสียงดัง
ท่อนเอ็นใหญ่ที่ทั้งแข็งและขยายตัวเต็มที่สอดแทรกเข้ามาในร่องของเธอที่ไร้น้ำหล่อลื่นใดๆ แรงกระแทกกระทั้นจากสะโพกแกร่งที่ถาโถมเข้ามาอย่างไร้ความปราณียิ่งทำให้หญิงสาวใต้ร่างร้องออกมาเสียงดัง ร่างกายบิดสั่นเร่าขณะที่ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นคลึงหน้าอกทั้งสองข้างไปมา ชายหนุ่มชะโงกหน้าลงไปใกล้จนชิดใบหน้าของเธอ
“ก็บอกแล้วไงว่าอารมณ์ไม่ดี ก็ยังอยากจะตามมาเอง”
..คืนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะเล้าโลมอะไรเลยแค่อยากจะกระแทกแรงๆ ให้มันหายอารมณ์เสียเท่านั้น แต่เซ็กซ์มันก็ดีจริงๆ หัวสมองโล่งดีชะมัด สายตาคมกริบมองดูหญิงสาวที่นอนครวญครวงไม่ได้ศัพท์อยู่ใต้ร่างของเขา
เจนนั่งเหม่อมองดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นพลางหันมามองพ่อที่นั่งดูทีวีสลับกันไป หัวสมองน้อยๆ ครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เธอกำลังรอให้พี่เจเดินลงมาชั้นล่างและวันนี้เธอก็ดึงดันขอตามพี่เจไปดูซ้อมดนตรีอีก อาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์เธอคงไม่ได้เจอเขาอีก เห็นพี่เจบอกว่าต้องไปซ้อมดนตรีที่มหาลัยแทน
เจเดินลงมาพร้อมกับถือกีต้าร์ไว้ในมือ สายตามองดูน้องสาวที่ขยับตัวลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นหน้าเขา
“เจน..ไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
วันนี้ก็ไม่แตกต่างจากเมื่อวานกลุ่มสาวๆ กลุ่มเดิมก็ยังยืนอยู่บริเวณหน้าห้องดนตรี อาจจะเป็นเพราะพวกเธอรู้แล้วว่าฉันเป็นน้องสาวพี่เจ รอยยิ้มและสายตาทุกคู่ที่มองมาถึงดูเป็นมิตร ฉันยิ้มน้อยๆ ตอบพวกเธอก่อนจะรีบเดินตามพี่ชายเข้ามาในห้อง สายตามองดูกายที่นั่งหันหลังดีดกีต้าร์อยู่ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนหน้าด้วยความดีใจ ฉันรีบเดินเข้าไปหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เขา ฉันเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าของเขาชัดๆ คราวนี้มีแผลเพิ่มขึ้นมาอีกตรงโหนกแก้มที่เริ่มเขียวช้ำ ฉันเอื่อมมือขึ้นไปแตะใบหน้าของเขาอย่างลืมตัว
“หน้าพี่มีแผลอีกแล้ว”
“อืม”
สายตาคมกริบมองสบสายตากับเธอนิ่งพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่ค่อยๆ ปัดมือเล็กออกจากใบหน้าของเขาก่อนจะก้มลงมองคอร์ดกีต้าร์ในมือต่อ สายตาที่ไร้อารมณ์ใดๆ และท่าทางที่เย็นชาของเขาทำเธอใจหายวาบ
“มาพร้อมกันครบแล้วเริ่มซ้อมเลยไหม” กายพูดออกมาเสียงดังเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อนๆ
“กาย มึงไปมีเรื่องกับใครมา” เจพูดพลางขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัยขณะใช้สายตาสำรวจใบหน้าของกาย
“เมื่อคืนมีเรื่องนิดหน่อย อย่าสนใจเลยว่ะ เริ่มซ้อมดนตรีเหอะ” เขาพูดตอบน้ำเสียงปกติ
เจนนั่งมองดูเขาเงียบๆ วันนี้พี่กายแทบไม่หันมามองทางเธอเลย พวกเขาซ้อมดนตรีไปสักพักใหญ่ๆ ช่วงพักเบรกเธอก็อาสาไปซื้อพวกเครื่องดื่มขนมให้แต่วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวานเมื่อคนที่เสนอตัวไปด้วยกลับเป็นพี่เรย์แทนและที่น่าแปลกใจก็คือพี่เจก็ไม่ได้พูดขัดอะไรสักคำ เจนมองหน้ากายด้วยอารมณ์ผิดหวัง เธอคงหวังมากไปคิดว่าวันนี้เขาจะไปกับเธอเหมือนเมื่อวาน
“หน้ามุ่ยเชียว ผิดหวังที่วันนี้กายไม่ได้มาด้วยหรือเปล่า” เรย์พูดยิ้มๆ ขณะก้มหน้าลงมองคนตัวเล็กที่เดินซึมอยู่ข้างๆ เขา
“ไม่ใช่ค่ะ” เธอส่ายหน้าเบาๆ
ฉันชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มให้เขา ..ฉันก็ทำตัวปกตินะหรือจะทำหน้าแบบนั้นจริงๆ ไม่มั้งพี่เรย์แค่พูดเล่นหรือเปล่า เพื่อนพี่เจคนนี้รู้สึกจะเป็นคนช่างสังเกตุและดูเหมือนจะคาดเดาความคิดของฉันได้อย่างทะลุปุโปร่งจนฉันรู้สึกหวั่นใจพิกล เขาพูดราวกับจะรู้ว่าฉันชอบพี่กายอยู่ ในใจส่งสัญญาณเตือนว่าควรอยู่ห่างๆ เขาหน่อยดีกว่า
“น้องเจนมีแฟนหรือยังครับ”
“เอ่อ..ยังไม่มีค่ะแล้วยังไม่คิดเรื่องพวกนี้ด้วย” เธอพูดอ้อมแอ้มตอบเขา
“พี่ก็ยังไม่มีแฟนนะ สนใจคบคนแก่กว่าไหม” เรย์พูดด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“พี่เรย์ล้อเจนเล่นใช่ไหมคะ” เธอแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน รู้สึกประหม่าเล็กน้อย ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อมองหน้าผู้ชายข้างๆ ที่ยิ้มกว้างให้เธออยู่
“ฮ่าๆ พี่ล้อเล่นน่า ไปเถอะ” เรย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้เธอพลางหยิบถุงเครื่องดื่มและขนมไว้ในมือ
“คิดไว้หรือยังครับว่าถ้าเรียนจบม.ปลายแล้วจะเรียนคณะอะไร?”
“ก็คิดไว้เหมือนกันค่ะ เจนเพิ่งอยู่ม.4เองอีกตั้งสองปีกว่าจะจบ แต่เจนก็เล็งๆ ไว้เหมือนกัน เจนอยากเข้าคณะบริหารธุรกิจค่ะ”
“ก็ดีนะ น้องเจนจะสอบเข้ามหาลัยนี้ไหมครับ”
“ก็คิดไว้แบบนั้นแต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ”
“ว้าา.. แต่น่าเสียดายจังพอน้องเจนเรียนจบพวกพี่ก็คงเรียนจบกันแล้วเหมือนกัน อดเจอกันที่มหาลัยเลย”
พี่เรย์เป็นคนคุยสนุกแล้วก็ขี้เล่น เขาสรรหาสารพัดเรื่องมาพูดคุยกับเธอระหว่างเดินกลับไปที่ห้องดนตรี สายตาของเธอหันไปมองร่างสูงโปร่งที่เดินดุ่มๆ ตรงเข้ามาหาพวกเราทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ หน้าตากายดูเรียบเฉยขณะมองดูเธอและพี่เรย์
“ถึงขนาดออกมาตามเลยเหรอวะ หิวน้ำเหรอไง?” เรย์พูดพร้อมกับรอยยิ้มยียวนกวนประสาทขณะจ้องใบหน้าเรียบเฉยของกาย
“เออ.. หิวน้ำ ไม่งั้นไม่ออกมาตามหรอกหายไปซื้อน้ำถึงดาวอังคารหรือยังไงนานขนาดนี้”
กายพูดตอบด้วยท่าทางเรียบเฉยแต่น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหงุดหงิด ไม่วายจะชายสายตาคมกริบลงมามองคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ เรย์
“นานที่ไหนวะ กูไปยังไม่ถึงยี่สิบนาทีเลย”
กายไม่ได้พูดตอบแต่ยืนจ้องหน้าคนตัวเล็กที่มองเขาตาแป๋วอยู่ เรย์ยื่นถุงเครื่องดื่มส่งให้เขา ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินกลับเข้ามาในห้องดนตรี กายชำเลืองมองเธออยู่สักพักก่อนจะเดินมาหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เธอท่ามกลางสายตาเพื่อนๆ ของเขาที่มองดูอยู่
“กินขนมไหม?” กายฉีกซองขนมอีกสองถุง ก่อนจะยื่นส่งให้เธอ
“ยังกินซองนี้ไม่หมดเลยนะพี่กาย”
“กินเยอะๆ จะได้โตไวๆ ไง เมื่อกี้คุยอะไรกับเรย์มันเห็นหัวเราะคิกคักกันใหญ่”
“ถ้ากินหมดนี่คงอ้วนลงพุงก่อนจะโตแล้วค่ะ ฮ่าๆ คุยเรื่องทั่วๆ ไปค่ะ ไม่เกี่ยวกับพี่กายสักหน่อยจะอยากรู้ไปทำไมคะ” เจนพูดออกมายิ้มๆ เธอไม่ได้คิดอะไรแต่คำพูดของเธอก็ทำให้คนตัวโตที่นั่งข้างๆ ชะงักไปเล็กน้อย
“พี่ไม่ชอบ เอ่อ..เอาโทรศัพท์ของเราให้พี่หน่อยได้ไหม” กายพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะหยิบขนมเข้าปาก
“นี่ค่ะ” ฉันยื่นโทรศัพท์ส่งให้เขา
“อืม.. นี่เบอร์พี่เอง มีอะไรก็โทรหาพี่ได้นะ” กายเมมเบอร์ของตัวเองลงในเครื่องของเจนและกดโทรออก
เธอมองใบหน้าเรียบเฉยของเขาอย่างคาดเดาอารมณ์คนตรงหน้าไม่ถูก ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวขณะที่หัวใจก็เต้นตึกตักไปกับคำพูดของเขา เจนยกแก้วน้ำในมือขึ้นมาดื่มแก้เขิน ร่างบางชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่ชายเดินเข้ามานั่งลงเก้าอี้ข้างๆ เธอ
“คุยอะไรกันวะ มึงไปนั่งห่างๆ น้องกูหน่อยได้ไหม”
“ไม่ กูชอบนั่งตรงนี้” กายยิ้มยียวนกวนประสาทใส่เจ
“งั้นเจนเปลี่ยนที่นั่งกับพี่” เจพูดออกพร้อมกับจ้องหน้ากายเขม็ง
“เอ่อ.. นั่งตรงนี้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่เปลี่ยนค่ะ”
“พี่บอกว่าเปลี่ยนก็เปลี่ยนสิ” เจขึ้นเสียงเล็กน้อยก่อนจะดึงเจนให้ลุกขึ้นมานั่งลงข้างๆ เขา เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะทำตามที่พี่ชายบอก
เพื่อนทุกคนนั่งมองดูกายและเจที่กำลังพูดเถียงกันไปมาด้วยสายตาเอือมระอา
“แม่ง.. เถียงกันยังกะเด็กไม่อายน้องมันที่มองดูอยู่เลย มึงไปจับมันแยกออกจากกันหน่อยไป” มิกพูดพลางส่ายหน้าไปขณะที่หันหน้าไปพูดกับเรย์ที่อมยิ้มขำๆ
“หมดเวลาพักแล้วโว๊ย.. มาซ้อมกันต่อได้แล้วหรือมึงสองคนจะกัดกันต่อพวกกูจะได้แยกย้ายกันกลับ” เรย์ตะโกนออกมาเสียงดัง เสียงของเขาทำให้ทั้งคู่เงียบลงทันที กายและเจหันมาจ้องหน้าเขาเขม็ง
“เสือก! ไอ้เรย์.. มึงว่าให้พวกกูเป็นหมาเหรอ” เจหันมาพูดตอกกลับด้วยหน้าตาหงุดหงิด
“อ้าวไอ้เจ มึงพูดของมึงเองนะ” เรย์พูดขำๆ
“เออๆ ไปซ้อมกันต่อเถอะ วันนี้กูขอเลิกเร็วหน่อยนะ ตอนเย็นกูมีธุระ” กายพูดออกมาพร้อมกับตบฝ่ามือลงบนไหล่ของเจเบาๆ เขาแกล้งยื่นซองขนมให้เธอผ่านหน้าเจ รอยยิ้มกระตุกขึ้นที่มุมปากขณะมองดูเจที่ดึงซองขนมจากฝ่ามือของเขาออกไปทันที
‘..บางครั้งผมก็รู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเจ ผมไม่เคยเห็นใครหวงน้องสาวแบบมันเลยและก็ทำให้ผมอดรู้สึกหมั่นไส้มันไม่ได้ แต่ก็ยอมรับว่าน้องมันน่ารักมากจริงๆ ถ้าผมมีน้องสาวบ้างอาจจะเป็นเหมือนมันก็ได้ใครจะไปรู้..’
การกระทำและรอยยิ้มที่เขายิ้มให้มันทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นแรง ผู้หญิงส่วนใหญ่มักคิดมโนไปไกลเพราะท่าทางแบบนั้นของผู้ชาย ยิ่งเป็นสาวน้อยอย่างเจนกลับยิ่งทำให้เธอคิดเตลิดเพ้อฝันไปไกล
หลังจากซ้อมดนตรีเสร็จ เวลาตอนนี้ก็ยังไม่ถึงห้าโมงดี พวกเขาพูดคุยกันสักพักก่อนที่พี่กายจะกลับออกไปพร้อมกับพี่เรย์และพี่เอกผู้เคร่งขรึมที่สุดในกลุ่ม ตั้งแต่มาดูซ้อมดนตรีพี่เอกเป็นคนที่ฉันสามารถนับประโยคคำพูดได้ว่าวันนี้พี่เขาพูดมากี่ประโยค ส่วนพี่ชายของฉันก็กำลังเก็บกีต้าร์ลงกระเป๋า สักพักพวกเราก็ออกมาจากห้องดนตรี
เรย์หันมามองหน้ากายที่กำลังขับรถอยู่ มองนานจนคนถูกมองเริ่มรู้สึกตัว
“มีอะไรจะพูดกับกูไหม เห็นจ้องกูมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” กายเอ่ยพูดออกมา
“กาย.. มึงคิดอะไรกับน้องเจนหรือเปล่าวะ”
“ทำไมมึงถามแบบนี้” กายถามกลับด้วยความแปลกใจ
“ถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขา มึงก็ควรระมัดระวังคำพูดกับท่าทางหน่อยก็ดีนะ ทำท่าทางอย่างกับพวกหมาหยอกไก่ เจอแบบนี้พวกผู้หญิงชอบคิดไปไกล เดี๋ยวน้องเขาก็คิดว่ามึงชอบเขาขึ้นมาจริงๆ หรอก กูไม่อยากให้มึงกับไอ้เจผิดใจกันเพราะเรื่องนี้ว่ะ” เรย์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติขณะที่สายตาก็คอยชำเลืองสีหน้าท่าทางของกายไปด้วย
“ไอ้บ้า! กูไม่ชอบเด็ก ตัวก็เล็กนิดเดียวแล้วเจนก็อายุยังไม่ถึงสิบแปดเลย กูคิดกับเจนแบบน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น ที่พูดอะไรแบบนั้นออกไปแค่จะแกล้งไอ้เจหรอก กูหมั่นไส้มันเรื่องที่มันหวงน้องสาวมากเกินไปแค่นั้นเอง”
“เออ.. เพราะอย่างนั้นแหละกูเลยเป็นห่วง กลัวเด็กมันจะคิดมากกว่า ทางที่ดีมึงก็ควรระวังไว้บ้าง เชื่อกูเถอะกาย” เรย์พูดพลางส่ายหน้าไปมาพร้อมกับสบสายตากับกายที่หันมามองหน้าเขา
กายหันกลับมามองถนนตามเดิม ตอนนี้สมองผมกำลังครุ่นคิดอย่างจริงจังตามสิ่งที่เรย์มันบอก ผมยอมรับว่าเจนหน้าตาน่ารักมากแต่เธอก็ดูใสซื่อไร้เดียงสาเกินไป คำพูดเตือนสติของเรย์มันก็ทำให้ผมเริ่มรู้สึกว่าไม่ควรล้อเล่นแบบที่ผ่านๆ มาอีก เขาไม่ชอบเด็กแล้วยิ่งเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทอีกเขายิ่งไม่อยากแตะ ผมก็พอจะเข้าใจความหมายที่เรย์มันบอกเหมือนกัน มันก็จริงอย่างที่เรย์บอก คราวหน้าผมคงต้องระวังตัวเองและเว้นระยะห่างจากเธอไว้บ้าง หลังจากจบงานแสดงดนตรีอาทิตย์หน้าผมก็คงจะไม่ได้เข้าไปที่บ้านเจอีกนาน