บทที่ 6 : Dark GUY
เจนหันมาสบสายตากับกายที่ยืนมองเธออยู่ เขาก้มลงเก็บอุปกรณ์และเก็บกีต้าร์ลงกระเป๋าก่อนจะหันหน้าไปพูดคุยกับพี่เจและเพื่อนคนอื่นๆ
“พี่กายไปกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันไหมคะ”
“ไม่ล่ะ พี่มีร้องเพลงที่ผับต่อ ไปก่อนนะ” กายยกยิ้มมุมปาก ฝ่ามือใหญ่จับลูบศีรษะของเธอเบาๆ ร่างสูงเดินไปเปิดประตูและเดินออกจากห้องไป
“กลับเถอะเจน ..กูกลับก่อนนะเจอกันพรุ่งนี้”
พี่เจมองเพื่อนๆ ที่พากันพยักหน้าหงึกหงักตอบ พอร่ำลากันเรียบร้อยทั้งเธอและพี่ชายก็เดินออกมาที่ลานจอดรถของคณะ ท้องฟ้าและบรรยากาศโดยรอบเริ่มมืดลงแล้ว
เธอหันไปมองดูแสงไฟข้างนอกหน้าต่างรถสลับกับใบหน้าพี่ชายที่กำลังขับรถอยู่ ในสมองครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
“พี่เจ พี่กายทั้งเล่นดนตรีเก่งร้องเพลงก็เพราะเหมือนนักร้องมืออาชีพเลยนะคะ”
“อืม.. มันเป็นคนมีพรสวรรค์ ตอนนี้มีค่ายเพลงดังๆ หลายค่ายรุมจีบมันไปเป็นนักร้องอยู่อีกสักพักคงจะเป็นศิลปินเต็มตัว สมองมันก็ดีนะ สอบทีไรได้เกรดดีตลอดไม่รู้มันทำได้ยังไงเหมือนกัน ทั้งที่ร้องเพลงที่ผับเลิกดึกดื่นทุกวัน”
“โห! พี่กายเก่งจังนะคะ” เธอพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นแกมประหลาดใจ
ฉันรู้สึกทั้งทึ่งทั้งรู้สึกแปลกใจ ไม่คิดว่าเขาจะทั้งเรียนทั้งทำงานไปด้วย วันนี้ฉันก็ได้เห็นเขาในมุมที่แตกต่างไปจากเดิม ยิ่งรู้จักก็ยิ่งอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเขามากยิ่งขึ้นไปอีก ถึงพี่กายที่ฉันรู้จักจะใจดีแต่บางครั้งก็รู้สึกเหมือนเขามีกำแพงหลายๆ ชั้นซ้อนทับตัวของเขาอยู่ บางทีก็ดูเข้าถึงยากแตกต่างจากเวลาเขาอยู่ที่บ้านของเธอมาก ที่สำคัญเขาไม่เคยหลุดเล่าเรื่องส่วนตัวเลยสักครั้งแม้ฉันจะลองถามเขาอ้อมๆ อยู่หลายครั้งก็ตาม ถ้าออกตัวถามอะไรมากไป มันก็ยิ่งน่าสงสัยดีไม่ดีพี่เขาจะคิดว่าฉันชอบเขา ทั้งๆ ที่ฉันก็ชอบเขาจริงๆ นั้นแหละ อยากเกิดเร็วกว่านี้จังจะได้ไม่ดูเด็กในสายตาเขา
“วันนี้พี่ชายเจนก็เท่น้า ฮอตด้วย สาวกรี๊ดเพียบแถมยังเล่นกีต้าร์เก่งมากด้วย” เจนพูดและยิ้มกว้างให้พี่ชาย ใบหน้าเขามีรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปาก
“ฮ่าๆ จริงเหรอ แกล้งชมพี่เปล่า”
“เจนพูดจริงๆ ”
ดูเหมือนพี่ชายเธอจะอารมณ์ดีอยู่เลยลองแย็บถามเรื่องพี่กายอีกหน่อย เมื่อตอนบ่ายเธอก็ไม่กล้าถามพี่ผู้หญิงพวกนั้นกลัวพวกเธอจะรู้ว่าเธอชอบเขา เซนส์ของผู้หญิงด้วยกันมักจะดูกันออกเธอเลยไม่ถามจะดีกว่า
“แล้วเรื่องครอบครัวของพี่กายล่ะคะ”
“เราจะอยากรู้ไปทำไม”
“เล่าให้ฟังหน่อยสิพี่เจ นะพี่เจ นะๆๆๆ” เจนพยายามทำเสียงออดอ้อน
“ครอบครัวของมันทำธุรกิจส่งออก มีพี่ชายคนหนึ่งแต่คนละแม่แต่เห็นมันบอกว่าไม่ค่อยถูกกับพี่ชายเท่าไหร่เลยออกมาอยู่เองตั้งแต่เข้ามหาลัยแล้ว ไม่ได้ขอเงินทางบ้านนะส่วนค่าเทอมกับรายจ่ายอื่นๆ มันก็หาเองแต่ที่พี่รู้มาทางบ้านมันก็โอนเงินเข้าบัญชีให้ทุกเดือนนะ ทั้งที่มันจะอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรก็ยังได้”
“อืม เป็นแบบนี้นี่เอง” เจนพูดพึมพำเบาๆ เธอไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะรถมาจอดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวพอดี
หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยเสร็จคนทั้งคู่ก็กลับเข้าบ้าน สามทุ่มกว่าๆ แล้วแต่พ่อกับแม่ของเธอยังไม่กลับจากบ้านยายเลย เจนปิดทีวีในห้องนั่งเล่นก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องนอน เธอล้มตัวลงบนที่นอนนิ่มๆ นอนกลิ้งไปกลิ้งมาพลางหยิบตุ๊กตาหมีขึ้นมากอดไว้แน่น
‘...วันนี้ฉันได้รู้เรื่องของพี่กายเพิ่มขึ้นมาทีละอย่าง ทั้งเรื่องที่มหาลัยเรื่องครอบครัวของเขา ก็พอจะเข้าใจอุปนิสัยของเขาขึ้นมาบ้าง ถึงยังไงพี่กายก็ยังเป็นกู้ดกายในสายตาของฉันอยู่ดี แล้วฉันก็ชอบเขาไปแล้วด้วย พรุ่งนี้ก็จะได้เจอเขาอีกแค่คิดก็มีความสุขแล้ว...’
ที่ผับแห่งหนึ่ง..
แสงไฟหลากหลายเฉดสีจากสปอร์ตไลท์ เสียงดนตรีที่ดีเจชื่อดังกำลังเปิดอยู่รวมถึงผู้คนที่นั่งดื่มกินและพูดคุยส่งเสียงดัง กลิ่นบุหรี่ที่ลอยคละคลุ้งและแอลกอฮอล์ล้วนเป็นสิ่งที่คุ้นเคยและชาชินตารวมถึงเสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาสาวๆ ด้วย ชายหนุ่มร้องเพลงและเล่นดนตรีสด 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก่อนจะเดินลงมานั่งพักเหนื่อยที่โต๊ะของกลุ่มเพื่อนๆ นักดนตรีด้วยกัน สายตาจ้องมองดูผู้ชายสามคนที่เดินตรงมาที่โต๊ะของเขา หน้าตาท่าทางมองดูหาเรื่องมาแต่ไกล
“มึงใช่ไหมที่มายุ่งกับเมญ่า! มึงอยากตายเหรอไงวะถึงมายุ่งกับแฟนกู!!” ชายหนุ่มพูดตะโกนออกมาเสียงดังแข่งกับเสียงดนตรี แววตาแข็งกร้าวและน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าอยากมีเรื่องเต็มที่
“มึงเข้าใจผิดแล้วมั้ง กูยังไม่รู้เลยว่าแฟนมึงเป็นใคร” กายหันมาพูดตอบกลับอย่างไม่ค่อยสนใจนัก
“แฟนกูชื่อเมญ่า มึงไม่ต้องพูดมากมาเดี่ยวกับกูเลยไหม!!”
“อืม.. เมญ่า แฟนมึงมาอ่อยแถมอ้าขาให้กูเอง กูก็แค่สนองความร่านให้ก็แค่นั้นเอง มึงควรขอบใจกูถึงจะถูกนะ จะได้เห็นธาตุแท้แฟนมึงไง ผู้หญิงเหี้ยๆ แบบนี้มึงเลิกไปเหอะ” กายพูดเคล้นเสียงตอบขณะสายตาจ้องหน้าใบหน้าชายหนุ่มเขม็ง
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!! ไม่ต้องมาพูดสั่งสอนกู วันนี้กูจะเลาะหนังหน้าหล่อๆ ของมึงออก มึงจะได้ไม่เอาไปเที่ยวหลอกผู้หญิงที่ไหนอีก!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงพูดดี ผู้ชายร่างสูงก็โจนเข้าหาพร้อมกับกำปั้นที่เหวี่ยงเข้ามาที่ใบหน้าของเขา ด้วยความไวกว่ากายเบี่ยงตัวหลบกำปั้นไปอย่างฉิวเฉียดพร้อมกับยกเท้าขึ้นถีบเข้าที่หน้าอกอย่างแรง ผู้ชายคนนั้นกระเด็นเซถลาล้มไปชนกับโต๊ะด้านหลัง เสียงกรีดร้องดังสนั่นผสมกับเสียงดนตรีที่ยังคงดังกระหึ่ม กลุ่มเพื่อนของเขาก็วิ่งเข้าตะลุมบอลกับพวกมันทันที
นั่นเป็นข้อเสียอีกข้อของเขาเวลาเลือดขึ้นหน้าสติก็ขาดผึ่งทันที เขามักจะลืมตัวทำอะไรไม่ยั้งคิด คราวนี้ก็เช่นกัน ฝ่ามือใหญ่คว้าขวดเบียร์ฟาดเข้าที่ศีรษะของผู้ชายคนนั้นอย่างแรง เลือดสีแดงสดๆ ไหลลงมาอาบใบหน้าพร้อมกับร่างของเขาที่ค่อยๆ ทรุดลงไปกองกับพื้นห้อง เสียงกรี๊ดดังขึ้นอื้ออึงก่อนจะมีผู้ชายร่างสูงใหญ่หลายคนซึ่งเป็นการ์ดของผับวิ่งกรูเข้ามาหาพวกเขา ดีเจลดเสียงเพลงในผับลงขณะที่พวกการ์ดกรูกันเข้ามาดึงตัวเขาและเพื่อนๆ ให้เดินออกไปด้านนอกร้าน
กายนั่งอยู่มุมหนึ่งในห้องพร้อมกับผู้ชาย 4-5 คน ซึ่งรวมถึงเฮียเจ้าของผับด้วยที่กำลังนั่งมองหน้าเขาอย่างหงุดหงิด
“กาย เฮียเคยบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้มีเรื่องที่ผับ”
“มันมาหาเรื่องผมก่อน เฮียก็รู้ดี ส่วนค่าเสียหายหักจากค่าจ้างผมก็ได้”
“เรื่องนั้นมันไม่ใช่ปัญหา มึงเป็นน้องไอ้กรณ์ก็เหมือนน้องของเฮียคนหนึ่งเหมือนกัน คราวหลังอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก เข้าใจไหมกาย” เฮียเข้มพูดออกมาเสียงอ่อนลงเล็กน้อย สายตามองหน้ากายเขม็ง
“ผมขอโทษเฮียด้วยนะครับ คราวหน้าผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก”
“อืม.. เข้าใจก็ดี มึงกลับไปได้แล้ว” เฮียเข้มพูดพลางจ้องหน้ากายเขม็ง