บทที่ 8 : งานแสดงดนตรี
เจนนอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างอารมณ์ดีบนเตียงนอน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูเบอร์โทรของเขาและดูรายชื่อเพื่อนในไลน์ นัยน์ตาเธอก็เป็นประกายวิบวับเมื่อเห็นชื่อและรูปภาพเขา “GUY”
‘..พี่กายจะชอบฉันบ้างหรือเปล่านะ ..ไม่มั้งเขาบอกว่าไม่ชอบเด็ก แต่วันนี้เขาก็ให้เบอร์มานะ ส่งไลน์ไปหาดีไหม? ก็แค่ทักไลน์เอง..’
ฉันไม่รู้จะทักเขายังไงเลยส่งรูปสติกเกอร์ไปแทน สายตามองจ้องหน้าจออย่างใจจดใจจ่อแต่ก็มีแต่ความเงียบและก็เงียบสนิท เขาทำอะไรอยู่น้านี่ก็เพิ่งสามทุ่มเอง หลับไปแล้ว? ไม่น่าใช่.. หรือร้องเพลงอยู่ที่ผับ? แต่ตอนเย็นพี่กายบอกว่ามีธุระ หรือจะติดธุระอยู่หรือเปล่านะ ฉันมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่นานมากจนฟังเพลงจบไปได้หลายเพลงก็ยังไม่ให้เขาเปิดอ่านข้อความสักที
“เฮ้ออ.. นานจังไม่เห็นตอบมาสักที ง่วงแล้วด้วยทำไงดี” เธอบ่นพึมพำกับโทรศัพท์ สายตาก็จ้องดูหน้าจอตาไม่กระพริบ
เสียงข้อความไลน์ดังขึ้น เธอผลุนผลันรีบลุกขึ้นด้วยความเร็วแสง ตาที่กำลังปิดๆ อยู่เบิกกว้างขึ้นในทันที
GUY : ใคร?
Jane : เจนเองนะ พี่กายทำอะไรอยู่คะ
GUY : ดูหนัง
Jane : ดูเรื่องอะไรคะ
GUY : ยังไม่นอนเหรอ 4 ทุ่มแล้ว
Jane : ยังค่ะ วันนี้ไม่ไปร้องเพลงที่ผับเหรอคะ
GUY : วันนี้พัก 1วัน
Jane : เจนส่งข้อความมารบกวนพี่หรือเปล่า
GUY : ไม่ แต่ดึกแล้วไปนอนเถอะ good night!
Jane : กู้ดไนท์ค่ะ
ฉันนอนอมยิ้มขณะมองดูข้อความของเขา แค่นี้ฉันก็ฝันดีแล้ว กู้ดไนท์จริงๆ เลย เมื่อกี้เขาบอกว่ากำลังดูหนังแต่ถามแล้วไม่เห็นตอบเลยว่าดูเรื่องอะไรอยู่ ช่างเถอะนอนดีกว่า
กายถอนหายใจออกมาเบาๆ ขณะหันหน้ากลับมาดูหนังโป๊ต่อ “..ตอนนี้แทบหมดอารมณ์เลยพับผ่าสิ ไม่น่าหยิบโทรศัพท์มาดูเลย”
ที่จริงผมก็ไม่คิดว่าเด็กนั่นจะส่งข้อความมาหา ผมไม่ชอบเด็กมันน่ารำคาญแถมงี่เง่าไร้สาระแต่เวลาที่ผมอยู่กับเจนมันทำให้ความรู้สึกดีแปลกๆ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่อุตส่าห์สลัดความคิดเรื่องนั้นออกไปได้แล้วเชียว เป็นเพราะเรย์แท้ๆ ทำให้ผมต้องเก็บเอามาคิดมากแถมตอนนี้ก็ชักจะรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านและพาลอารมณ์เสียขึ้นมาซะเฉยๆ สายตาผมก็ยังจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊คที่มีกิจกรรมเข้าจังหวะและเสียงร้องครวญครางที่ดังออกมาเป็นระยะพร้อมกับความคิดที่แว๊บขึ้นมาในหัวสมอง ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกทันที
“พี่เกดทำอะไรอยู่ คืนนี้ว่างไหมครับ”
“กาย! ดีใจจังที่กายโทรมา พี่คิดถึงกายมากเลยอ่ะ ว่างจ้ะ ให้พี่ไปหาที่คอนโดไหม”
“โอเคครับ กายก็คิดถึงพี่นะ” เขายกยิ้มตรงมุมปาก
เธอเป็นสาวรุ่นพี่ในคณะของผมเอง สาวสวยทรงโตลีลาเด็ดแถมไม่เรื่องมาก ไม่มีพันธะไม่มีการผูกพันและไม่ตามหึงหวงไร้สาระให้รำคาญใจ เป็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นบนความพอใจเป็นหลักและก็วินวินด้วยกันทั้งสองฝ่ายถ้าให้พูดง่ายๆ ก็คือ.. ซั่มกันน้ำแตกก็แยกย้าย
เสียงดังจากนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ทำให้เขาลืมตาตื่นขณะที่ฝ่ามือควานหาโทรศัพท์ที่ตอนนี้ตกลงไปอยู่ข้างล่างเตียง เขาก้มลงหยิบขึ้นมากดปิดเสียง สายตาสะดุดเข้ากับกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
..พี่กลับก่อนนะมีเรียนเช้า เมื่อคืนสนุกมากเลยเจอกันที่มหาลัยนะ จุ๊บๆ ..
ฝ่ามือใหญ่ขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำและออกมาแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวไปมหาลัย เขาก้มลงมองข้อความในไลน์ที่เจนส่งมา มันก็แค่สติ๊กเกอร์ไลน์ธรรมดาแต่ก็เรียกรอยยิ้มเล็กๆ ให้ผุดขึ้นบนใบหน้าโดยที่เขาไม่รู้ตัว
ที่มหาวิทยาลัยวันงานแสดงดนตรี..
“อีกยี่สิบนาทีจะถึงคิววงเราแล้ว ตื่นเต้นเหรอไงวะ นั่งหน้าเครียดเชียว” กายพูดขึ้นเสียงดังเล็กน้อยพลางยิ้มขำๆ เมื่อเห็นเจนั่งหน้าเครียดขณะที่มือจับกีต้าร์ไว้แน่น
“เออดิ.. ตอนแรกก็เฉยๆ พอจะขึ้นเวทีเสือกตื่นเต้นขึ้นมาซะงั้นว่ะ” เจพูดออกมาเบาๆ
“ฮ่าๆ ..เขาเรียกว่าตื่นเวที มึงทำใจให้สบายๆ อย่าเครียดว่ะ เวลาอยู่บนเวทีมึงจะรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปไวมาก แป๊บเดียวก็จบ” กายหัวเราะพลางตบฝ่ามือลงบนไหล่เจเบาๆ เขาเดินมานั่งลงเก้าอี้ข้างๆ เจ พลางลวงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดดู ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างแปลกใจเมื่อเห็นข้อความและสติ้กเกอร์ที่เจนส่งมา รอยยิ้มเล็กผุดขึ้นที่ริมฝีปากขณะที่ไล่สายตามองดูข้อความ
“เห็นเรย์บอกว่ามึงจะไปเซ็นสัญญากับค่ายเพลงแล้วเหรอวะ”
เจเอ่ยถามขึ้นมาราวกับเพิ่งจะนึกออก กายมันรักในการเล่นดนตรีและร้องเพลงและเขาก็รู้สึกว่ามันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ สีหน้าและแววตาเวลามันร้องเพลงและเล่นดนตรีดูเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา มันเป็นคนมีพรสวรรค์แต่ก็ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง แต่สำหรับเขาแล้วการเล่นดนตรีก็มีแค่เหตุผลเดียวเพราะชอบเล่นดนตรีแค่นั้นเอง ในฐานะเพื่อนสนิทพอเห็นมันจะก้าวหน้าในสิ่งที่มันรักก็อดรู้สึกดีใจไปกับมันไม่ได้
“ยัง..แต่เพิ่งจะไปคุยรายละเอียดมาเมื่อวาน คงอีกสักพักว่ะ” กายเอนหลังพิงเก้าอี้พลางครุ่นคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง สายตาเหลือบไปมองดูเรย์ที่เดินมาสะกิดพวกเขา
“ถึงคิววงเราแล้ว ไปเหอะ” เรย์พูดออกมาก่อนที่ทั้งคู่จะลุกขึ้นยืนและเดินขึ้นไปบนเวที
พิธีกรบนเวทีพูดแนะนำวงสักครู่ก่อนที่กายจะเอ่ยพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับคนที่มายืนดูอยู่ เมื่อเขาเริ่มร้องเพลงเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ก็ดังขึ้นตาม เสียงร้องที่เพราะและทรงพลังสามารถสะกดตรึงอารมณ์คนฟังได้อยู่หมัดและทุกคนในวงดูจะเล่นได้ดีตามที่ซ้อมกันมาอย่างหนัก งานแสดงดนตรีของพวกเขาก็จบลงและผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“ไปฉลองกันหน่อยไหมวะ” บอลเอ่ยขึ้นมาหลังลงจากเวทีได้สักพักใหญ่
“เย็นนี้กูมีร้องเพลงที่ผับวะ” กายพูดโพล่งออกมา
“ง่ายๆ ไปเที่ยวผับที่มึงร้องเพลงไง เล่นดนตรีเสร็จก็ดื่มต่อ ฮ่าๆ ” เรย์พูดอย่างอารมณ์ดี
“เออๆ ก็ดีว่ะ พรุ่งนี้มีเรียนบ่ายตื่นสายได้วะ” เจพูดสมทบ
“เฮ้ย..ไอ้เอกกับไอ้มิกมึงห้ามเบี้ยวนะ คราวที่แล้วพวกกูชวนก็ไม่ไป คราวนี้ไม่ไปแม่งเลิกคบ” เรย์พูดน้ำเสียงไม่จริงจังพลางหันไปมองหน้าทั้งสองคนเขม็ง
“ไปดิวะ” มิกพูด
“กูขอโทรบอกแฟนก่อน” เอกพูดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
เพื่อนทุกคนหันมามองหน้าเอกด้วยความตกใจและประหลาดใจเพราะไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะมีแฟนแถมไม่เคยเอ่ยเรื่องพวกนี้ให้พวกเขาฟัง
“ใครวะแฟนมัน มันมีแฟนทำไมกูไม่รู้เลย” กายพูดออกมาเสียงดัง
“ขนาดกูยังไม่รู้เลยพวกมึงจะไปรู้ได้ยังไงวะ เดี๋ยวกูเคล้นคอให้มันบอกเอง แม่งใครวะแฟนมัน” เรย์พูดตอบเสียงดังไม่แพ้กัน
“พวกมึงสองคนจะทำเป็นกระซิบกระซาบทำไมวะ พูดเสียงดังขนาดนั้น แฟนกูก็น้องฝ้ายที่อยู่คณะนิเทศไง” เอกพูดออกมาเสียงดังพลางยิ้มขำๆ กับท่าทีของเพื่อนทั้งสองคน
“หา! น้องฝ้ายดาวคณะนิเทศนั่นเหรอว่ะ” บอลพูดออกมาเสียงดัง นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“มึงนี่เห็นเงียบๆ แอบหยิบชิ้นปลามันนะ โอ้ยย..น้องฝ้ายของกู พวกมึงไปจีบกันตอนไหนวะ” เรย์พูดออกมาเสียงดัง
เอกไม่ได้พูดตอบอะไรออกมานอกจากรอยยิ้มยียวนกวนประสาทที่คนเห็นก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกรอดๆ