๑ แรกพบสบตาก็เกลียดเลย (๑)
๑
แรกพบสบตาก็เกลียดเลย
บีทหนักของเพลงในคลับชื่อดังทำให้นักเต้นต่างออกมาวาดลวดลายกลางฟลอร์อย่างสนุกสนาน มีเสียงเชียร์อยู่รอบข้างพร้อมกับจำนวนผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ แสงไฟกระพริบสร้างบรรยากาศให้ชวนหลงใหลในดนตรีและของมึนเมามากกว่าเดิม
ส่วนกลางของคลับมีไว้สำหรับคนที่มาสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน โต๊ะกลมทรงสูงมีเก้าอี้ล้อมรอบห้าตัว ซึ่งความจริงทางร้านวางไว้เพียงสามตัว แต่เพราะมากันห้าคนจึงขอหยิบยืมจากโต๊ะข้างๆ จะได้นั่งกันให้ครบ
มองปราดเดียวก็รู้ว่ายังเป็นกลุ่มนักศึกษาที่ออกท่องราตรียามค่ำคืน หญิงสาวสี่คนและชายหนุ่มอีกหนึ่งคน โยกย้ายเบาๆ พร้อมยกแก้วสีสดใสขึ้นดื่มจนหมด
“แกไม่ขึ้นไปเต้นกับเขาเหรอลิน” เจ้าของชื่อหันมองเพื่อนที่นั่งข้างๆ แล้วผินหน้ามองบนฟลอร์ที่พากันจัดท่าเต้นสุดฮิตไม่มีใครยอมใครเลยสักคน เพลงที่ได้ยินประจำเพราะกำลังโด่งดังถูกเปิด แถมยังมีท่าเต้นเป็นเอกลักษณ์จนเอามาเต้นตามทั่วบ้านทั่วเมือง
เห็นแล้วก็อยากออกไปเหมือนกัน แต่หล่อนตัดสินใจส่ายหน้าพร้อมบอกเหตุผลที่ฟังขึ้น และเพื่อนก็เข้าใจ
“ไม่เอาหรอก คนเยอะ อึดอัด” แค่คิดว่าต้องไปเต้นเบียดกับคนนับสิบก็ขอนั่งอยู่ตรงนี้ดีกว่า ถึงจุดประสงค์หลักที่ออกมาเที่ยวยามค่ำคืนก็เพื่อฉลองให้เธอที่สอบติดมหาวิทยาลัยก็ตาม
ไรลินยา พิชาญเมธ คุณหนูผู้เป็นที่หวงแหนของบิดาและพี่ชาย กว่าจะออกมาเที่ยวได้ต้องโกหกบิดาว่าไปนอนบ้านเพื่อนเพื่อสังสรรค์ เพราะหากท่านทราบว่าลูกสาวเพียงคนเดียวมาในที่อโคจร คงไม่อนุญาตเป็นแน่
มือเรียวยาวยกแก้วขึ้นดื่มแอลกอฮอล์รสหวาน ที่ให้ความมึนมากกว่ารสขมเสียอีก หล่อนปัดผมที่ปรกหน้าออก เผยให้เห็นความสวยที่ชายหลายคนต่างหลงใหล ดวงตากลมโต จมูกโด่งเชิดรั้น ริมฝีปากอวบอิ่มที่ชวนสัมผัส...
ส่วนสูงกว่าหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเอ็ดเซนติเมตร ทรวงทรงองค์เอวราวนางแบบ ทั้งหน้าอกที่ดันเป็นทรง ก้นงามงอนมองปราดเดียวก็รู้ว่าผ่านการปั้นแต่งด้วยการออกกำลังกายมาเป็นอย่างดี เธอใส่ใจอาหารการกินและออกกำลังกายสม่ำเสมอ
“ไม่ได้นะเว้ย แกจะให้เสียชื่อนักเต้นสิบรางวัลศิษย์รักครูพี่แป้งได้ยังไง ขึ้นไปวาดลวดลายกับเขาสักหน่อยสิ” ยังไม่เลิกตื้อเพราะอยากให้ไรลินยาไปวาดลวดลายที่ทำให้ทุกคนตะลึง
เธอเรียนเต้นมาตั้งแต่อายุสิบขวบ เคยประกวดได้รางวัลมาก็เยอะ แถมยังคิดจะเอาดีทางด้านนี้ด้วยการไปออดิชั่นบริษัทบันเทิงต่างประเทศ แต่บิดาไม่สนับสนุน ท่านอยากให้บุตรสาวสานต่อธุรกิจของครอบครัวมากกว่า อีกทั้งไม่อยากให้ไปไกลบ้านด้วย
เมื่อพ่อเอ่ยเช่นนั้น ลูกสาวที่แสนน่ารักก็ตกลงอย่างจำใจ เธอทำเพียงเต้นเพื่อความสนุกไม่ได้หวังให้เป็นอาชีพเหมือนแต่ก่อน
“มันขึ้นไปจะได้ลงมาไหมเถอะ แกดูผู้ชายแต่ละคนมองมันสิ ขนาดใส่ชุดมิดชิดยังมองตาวาวจนน่าขนลุกเลย” กวาดสายตาไปรอบบริเวณ พบว่าทุกคนให้ความสนใจในตัวไรลินยาพอสมควร ถึงหล่อนจะสวมเสื้อแขนยาวสีดำเข้ารูป ไม่ได้โชว์หน้าโชว์หลัง และกางเกงยีนส์ขายาวไม่โป๊หรือฉีกขาดสักนิด
หล่อนก็ยังดึงความสนใจจากทุกคนได้อยู่หมัด แม้กระทั่งชายหนุ่มที่มีแฟนสาวนั่งข้างกายไม่ห่างก็ตาม
“คนมันสวย ช่วยไม่ได้” ยักไหล่พลางยิ้มอย่างมีชัยชนะ เธอรู้ตัวว่าเป็นคนสวยและยอมรับในความจริงข้อนั้น แต่ไม่ได้ใช้หน้าตาเป็นใบเบิกทาง เพราะตนมีความสามารถมากพอ
เคยมีคนมาติดต่อให้ไปเล่นละครซึ่งหญิงสาวปฏิเสธเพราะเคยไปเรียนการแสดงแล้วไม่มีอารมณ์ร่วมกับบทเลย เล่นแข็งมากจนรับตัวเองไม่ได้ ถ้าเลือกเล่นละครหล่อนต้องเจอคำวิจารณ์แรงๆ จากชาวเน็ตแน่ เลยต้องบอกปัดคนที่มาเสนองาน
ส่วนมากเธอรับงานถ่ายแบบสำหรับวัยรุ่น ได้เงินเป็นค่าขนมบ้างหรือเก็บเอาไว้สำหรับต่อยอดเรื่องอื่น ช่วงนี้กำลังสนใจเล่นหุ้นและลองถามบิดาบ้าง แต่ท่านไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ ยุ่งกับงานทั้งยังหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลา
“โอ๊ย แม่คนหลงตัวเอง” พูดทีเล่นทีจริง เพราะทั้งกลุ่มต่างก็รู้ดีถึงความนิยมของเพื่อนคนสวยอย่างไรลินยา วาเลนไทน์ทีไรของขวัญเต็มโต๊ะจนล้นมาโต๊ะข้างๆ เสื้อนักเรียนมีสติ๊กเกอร์รูปหัวใจแปะเต็มไปหมด
มีงานของโรงเรียนก็ได้ถือป้ายตลอด รุ่นน้องรุ่นพี่รุ่นเดียวกันมาบอกชอบไม่เว้นว่าง แต่เหมือนเพื่อนเธอจะบอกปัดไปหมด คงเพราะไม่อยากเจอคำนินทาเหมือนตอนคบแฟนคนแรก
มีอย่างที่ไหนเลิกกันไปแล้วยังใส่ร้ายเธอว่าเป็นคนเอาไม่เลือก ได้กับผู้ชายไปทั่วจนสร้างความเสื่อมเสีย บุกไปเอาเรื่องถึงบ้านมาก็แล้ว พยายามแก้ข่าวแต่เรื่องฉาวๆ คนในโรงเรียนเหมือนจะชอบ เอาไปพูดต่อกันสนุกปาก
สุดท้ายทุกคนก็เข้าใจว่าเธอเป็นผู้หญิงง่ายๆ
“อ้าว ฉันพูดความจริงต่างหาก แกว่าฉันสวยไหมล่ะ สวยไหม สวยไหม” เอียงหน้าซ้ายขวาให้เพื่อนดู จนทั้งกลุ่มต้องยอมรับความจริง
“จ้า สวยจ้าแม่” ใครจะกล้าปฏิเสธล่ะ ทุกคนรักและเอาใจไรลินยาหมด เหมือนเป็นศูนย์รวมของกลุ่มถึงอีกฝ่ายเพิ่งจะจบมัธยมศึกษาปีที่หก เรียนช้ากว่าเพื่อนหนึ่งปีเพราะไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกาหนึ่งปีเต็ม
“ฉันดีใจจริงๆ นะที่แกมาเรียนที่เดียวกัน ยินดีต้อนรับนะว่าที่นิสิตคณะบัญชีฯ” ยกแก้วขึ้นชนเพื่อฉลอง ทุกคนต่างก็ดื่มจนหมดแก้วจนเริ่มมึนหัวเพราะนั่งมาเกือบชั่วโมงแล้ว
“อือ แกห้ามรับน้องฉันแรงนะ ขอแบบเบาๆ พอ” กลัวเรื่องที่เลื่องลือ แต่เชื่อว่าคณะที่เข้าคงไม่รับน้องแรงหรอก ยิ่งช่วงนี้กำลังรณรงค์ให้รับน้องแบบสร้างสรรค์ด้วย คงไม่มีรุ่นพี่อยากแหกกฎแล้วโดนทางคณะทำโทษหรอก
“ไอ้ลินไปเต้นกัน ผู้ชายกลุ่มนั้นมองฉันใหญ่เลย” เพื่อนชายเพียงคนเดียวในกลุ่มรีบจับมือไรลินยาแล้วพาออกไปเต้น
พออยู่กลางฟลอร์เธอก็วาดลวดลายอย่างน่าตกตะลึง เต้นเข้าจังหวะกับเพลงที่เปิด ทั้งความดึงดูดเพศตรงข้ามทำให้ชายหลายคนมาเต้นล้อมรอบตัวอย่างน่าประหลาด เหมือนมีกลิ่นบางอย่างที่เรียกคนเหล่านั้นให้สนใจหล่อนมากกว่าเดิม
ไรลินยากำลังสนุกสนานกับการออกลีลาที่สั่งสมมาตั้งแต่เด็ก ทว่าพอเริ่มโดนลวนลามเนื้อตัวถึงได้หันไปมองด้วยแววตาดุ จนอีกฝ่ายรีบผละมือออก เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วคิดว่าจะง่ายหรือไง...
แต่ถ้าถูกใจก็ไม่แน่
“ฉันไปนั่งรอที่โต๊ะนะ” หันไปบอกเพื่อนผู้ชายที่กำลังสนุกกับการเต้นข้างชายหนุ่มมากมาย ดูปราดเดียวก็รู้ว่าชานนท์ จุลปรีชามีใจรักในเพศเดียวกัน ถึงจะไม่แสดงออกแบบชัดเจนแต่แววตาที่ไม่เหลือบมองผู้หญิงก็บอกหมดแล้ว
“ทำไมเดินหน้ามุ่ยมาเลยล่ะ” พรพนิต ชีวันลิขิตถามขณะซ่อนรอยยิ้มขำขันเอาไว้ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าทำไมแต่ก็ต้องการถามเพื่อหยอกเย้าเท่านั้น
“คนเยอะ รำคาญ” หน้าตาบึ้งตึงแล้วหยิบน้ำมาดื่มดับร้อน แต่เหมือนจะยิ่งร้อนกว่าเดิม
“ไอ้นั่นมันฉวยโอกาสกับแกใช่ไหม มีเมียแล้วไม่ใช่เหรอ นั่งมองแกตาดุอยู่เลย” เพื่อนอีกคนกล่าวขึ้น แล้วเหลือบมองผู้หญิงที่แต่งตัวด้วยชุดเดรสเกาะอกสีดำ นั่งหน้าบึ้งมองสามีแล้วตวัดมามองไรลินยาอย่างไม่สบอารมณ์
มายาวี ณัฐวรรธน์เองก็ไม่ชอบคนที่มองเพื่อนตนแบบนั้นเหมือนกัน รู้จักมาตั้งแต่ชั้นประถมเจอเหตุการณ์แบบนี้ค่อยข้างบ่อย และเธอก็ช่วยเพื่อนสู้กับคนพวกนั้นเสมอ
หลายครั้งที่ไรลินยาไม่ได้เริ่ม แต่ดันมีคนมานัดตบเพราะไปยุ่งกับผู้ชายของอีกฝ่าย แน่นอนว่าเป็นชายเหล่านั้นมากกว่าที่มาหาเพื่อนเธอ พอไม่เล่นด้วยก็ใส่ร้ายต่างๆ นานาจนสงสารคนที่เกิดมาหน้าตาดี
หลังจากนั้นพวกเธอเลยตัดสินใจไปเรียนศิลปะการต่อสู้ ต้องเก่งเรื่องพวกนี้จะได้ต่อกรกับคนที่เข้ามายุ่งได้
“เฮ้อ พวกเจ้าชู้” พึมพำเสียงเบาแล้วแหงนหน้ามองไปยังชั้นสอง หล่อนชะงักเมื่อได้เห็นชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทและกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะยามได้มอง ลมหายใจขาดห้วงยิ่งตอนชายหนุ่มเหมือนจะชายตาลงมาข้างล่างหล่อนก็รีบก้มหน้าหลบอย่างรวดเร็ว
อาการแบบนี้เคยเกิดขึ้นตอนหล่อนกำลังตกหลุมรักใครสักคน แน่นอนว่าเคยเป็นตอนชอบแฟนคนแรก พอเกิดขึ้นในสถานบันเทิงเช่นนี้ก็ไม่แน่ใจว่ามันคือการตกหลุมรัก หรือบรรยากาศพาไป
ใบหน้าคมเข้มกับดวงตาเรียวดุ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักได้รูป ผมทรงอันเดอร์คัตที่กระชากใจหล่อนตั้งแต่มองครั้งแรก ไรลินยาไม่เป็นตัวของตัวเองเลยจนต้องยกน้ำพั้นช์ขึ้นดื่ม หวังให้หัวใจที่เต้นรัวลดระดับความเร็วลงบ้าง
ชั้นสองของคลับมีไว้สำหรับคนเงินหนา เปิดห้องขนาดใหญ่ร้องเพลงคาราโอเกะ เคล้านารีและสังสรรค์แบบเป็นส่วนตัว เธอก็ได้แต่หวังว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ใช่เสี่ยที่หนีเมียมาเที่ยวสถานที่อโคจร
“มองอะไรน่ะ” เห็นไรลินยามองไม่วางตาก็รีบพากันมองขึ้นไปชั้นสอง ทันเห็นผู้ชายใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ในชุดสูท ก่อนเขาจะเข้าไปในห้องส่วนตัว
“อ้อ Sugar daddy แบบที่แกชอบใช่ไหม” ต่างยิ้มกริ่มเพราะรู้ไทป์ที่อีกฝ่ายชอบ เมื่อก่อนเป็นหนุ่มตี๋หน้าตาสะอาด แต่ตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนแนวชอบคนอายุมากกว่าแล้ว อย่างนี้เพื่อนรุ่นเดียวกันหรือรุ่นน้องก็คงหมดสิทธิ์
ทว่าอาจต้องดูกันต่อไป ถึงจะมีไทป์ในใจก็ใช่ว่าจะลงเอยกับคนแบบนั้นเสมอ มันต้องมีคนไม่ตรงปกบ้างล่ะ
“หือ ชอบอะไร” แสร้งไม่เข้าใจแล้ววางแก้วน้ำไว้ที่เดิม
“เดี๋ยวนี้แกชอบผู้ชายออกแนวเสี่ยคะ เสี่ยขาไม่ใช่เหรอ มองตาวาวเลยนะ” ล้อเลียนอย่างพร้อมเพรียง จนร่างบางต้องรีบหลบ เธอไม่เคยปิดบังอะไรเพื่อนได้เลยจริงๆ จึงต้องรีบปลีกตัวหนี
“พูดอะไรของแกเนี่ย ฉันไปเข้าห้องน้ำดีกว่า” หยิบกระเป๋าของตนของถือไว้ ผละจากโต๊ะแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ เธอจ้องตนเองในกระจกแล้วคิดถึงหน้าของผู้ชายคนนั้น
ถึงไฟชั้นสองจะไม่ส่องสว่างจนเห็นชัด แต่ก็จำดวงตาคมยามกวาดมองลงมาข้างล่างได้ ชอบเขาจนใจเต้นแรงต้องยกมือขึ้นมาจับตำแหน่งหน้าอกข้างซ้าย หรือเป็นเพราะเสียงเพลงที่ดัง แอลกอฮอล์แทรกซึมถึงได้หลงใหลชายผู้นั้นง่ายดายเช่นนี้
“ชอบอ่อยผัวคนอื่นเหรอ” เสียงที่ดังตามมาทำให้ต้องหันมอง พบหญิงสาวหน้าตาสะสวย แต่งตัวดีแล้วค่อนข้างมีฐานะ ดูจากแบรนด์เนมที่ใส่ประโคมทั้งตัวเหมือนกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าตัวเองรวย
“พูดด้วยไม่พูด หรือเก่งแค่เรื่องบนเตียง” เธอเลิกจะเมินคำพูดนั้น แล้วล้างมือเพื่อออกจากห้องน้ำกลับไปนั่งโต๊ะเดิม ทว่าเจอคำพูดจาดูถูกจึงชะงักเท้าแล้วมองคนมาหาเรื่อง มือเรียวกำเข้าหากันแน่น
“เป็นบ้าอะไร”
“แกมาอ่อยแฟนฉันทำไม” เดินเข้าหาแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าต้องการมีเรื่อง ไรลินยาถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย มันจะมีอีกกี่ครั้งที่ต้องเจอเรื่องน่าปวดหัวแบบนี้
เธอไม่เคยอ่อยใคร และไม่คิดจะอ่อยสักนิด!
ยกเว้นผู้ชายคนนั้น...
“ฉันไม่ได้อ่อย ไม่เคยคิดจะอ่อยแฟนเธอแต่แฟนเธอต่างหากที่เข้าหาฉันเอง” พูดความจริงแต่ดันไปยั่วอารมณ์คนตรงข้ามซะงั้น
“อ้อ แล้วที่เต้นยั่วเขาล่ะ ไม่เรียกอ่อยจะเรียกว่าอะไร เพื่อนฉันบอกว่าเธอชอบนอนกับผู้ชายไม่เลือกหน้าไม่ใช่เหรอ แต่ดันมายุ่งกับคนของฉัน” แค่เดินเข้ามาความสนใจที่ควรเป็นของหล่อนก็ไปหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้น แล้วจะไม่ให้โมโหได้อย่างไร
“แล้วไง จะตบเลยไหมเรื่องจะได้จบ” เข้ามาหาในห้องน้ำขนาดนี้คงไม่อยากด่าอย่างเดียวหรอก และเพียงแค่พูดจบฝ่ามือที่ยกขึ้นมาก็ถูกจับเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“อย่าเล่นทีเผลอแบบนี้สิ เพราะฉันไม่ยอมเจ็บฟรีหรอกนะ” ถ้าเธอไม่โดนบ่อยจนจับสังเกตได้คงถูกตบไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่เก่งจนสามารถเอาคืนได้อย่างง่ายดาย
ไรลินยาตบหญิงคนนั้นจนหน้าหัน แล้วผลักออกให้พ้นทางเดิน ทันได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากห้องน้ำ ก่อนที่บอร์ดี้การ์ดของคลับจะรีบกรูกันเข้าไป
“คุณฝ้ายครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไปตามจับมัน จับอีผู้หญิงเสื้อดำกางเกงยีนส์ ไปสิ!”
แย่แล้ว! อย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นลูกเจ้าของคลับแห่งนี้ ใบหน้าหวานแสดงชัดถึงความกังวลก่อนจะรีบมองชุดของตนเอง