๑ คนน่ารำคาญ (๒)
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเขามักจะได้พบหล่อนเสมอ ผู้หญิงที่แค่เห็นก็เย็นสบายเหมือนน้ำค้างยามเช้าสมชื่อของหล่อน พบกันที่ห้องสมุดก็แค่ผงกศีรษะทักทาย ไม่ได้เข้าไปชวนคุยแต่อย่างใด แค่ได้มองหล่อนไกลๆ ก็ทำให้เขายิ้มได้แล้ว
กระทั่งวันที่เมืองหมอกต้องรวบรวมการบ้านของเพื่อนในห้องไปส่งที่ห้องพักครู เปิดเข้าไปข้างในก็เห็นว่าหล่อนยืนอยู่ข้างโต๊ะของคุณครูอยู่ก่อนหน้าแล้ว หัวใจทำงานหนักเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ต้องฝืนตีหน้านิ่งเอาไว้
“ส่งการบ้านครับครู” วางกองสมุดไว้บนโต๊ะที่ว่าง แล้วเตรียมเดินออกไปข้างนอก แต่กลายเป็นถูกคุณครูเรียกเอาไว้ เขาแทบจะยิ้มกว้างเมื่อได้โอกาสมองใบหน้าหวานนานขึ้นอีกหน่อย
“เมืองหมอก ช่วงนี้ว่างหรือเปล่า...เธอต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบไหม”
“ว่างครับ พอดีผมอ่านทบทวนเรื่อยๆ อยู่แล้ว” ตอบตามความจริง คิดว่าท่านคงมีเรื่องไหว้วานให้ช่วยจึงได้ถามเช่นนั้น กุมมือไว้ที่หน้าขาแล้วเผลอมองสบตากับผู้หญิงที่ยืนฝั่งตรงข้าม หล่อนยิ้มให้เขาเล็กน้อยตามมารยาท แต่ทำเอาใจของตนเต้นไม่เป็นจังหวะ
ความรู้สึกที่มีต่อน้ำค้างคล้ายจะรุนแรงขึ้นทุกวัน ขนาดแค่เดินผ่านไม่ได้ทำความรู้จักพูดคุยสักครั้ง ยังรู้สึกรักเธอได้ขนาดนี้
หากตนได้รู้จักลึกซึ้ง ความสัมพันธ์ของเราคงรุดหน้าไปรวดเร็ว
“ดีเลย นี่เพื่อนที่เพิ่งย้ายมาใหม่ชื่อศิศิรา ยังไงเธอช่วยติวให้เพื่อนหน่อยนะจะได้ตามทันคนอื่น ครูรบกวนเกินไปไหม” ได้รู้จักชื่อจริงของหล่อนก็คราวนี้
ศิศิรา นันทิภาคย์...ชื่อเพราะเหลือเกิน
เมื่อคุณครูเอ่ยปากเอง โอกาสยื่นมาตรงหน้าแล้วเหตุใดจะไม่คว้าเอาไว้ ตนรีบพยักหน้าแล้วตอบรับเสียงหนักแน่น หากเป็นคนอื่นคงขอคิดดูก่อน แต่พอเป็นหล่อนเขาก็ยินดีและเต็มใจติวให้ ไม่เก็บวิชาเอาไว้คนเดียว
“ไม่ครับ ผมติวให้ได้”
“ขอบใจจ้ะ เดี๋ยวครูต้องไปคุยเรื่องดูงานกับผอ. ฝากหน่อยนะ”
“ครับ” คุณครูลุกออกจากเก้าอี้แล้วถือเอกสารสำคัญไปด้วย พวกเขาสองคนจึงได้ปลีกตัวออกมาคุยกันข้างนอก เมืองหมอกเป็นคนอัธยาศัยดีพูดเก่ง ทว่าพออยู่กับคนที่เพิ่งรู้จักและตนยังมีใจให้อีกฝ่ายก็กลายเป็นติดอ่างชั่วขณะ
ต้องเรียกความกล้าให้ตัวเองสักพัก จึงได้แนะนำตัวแล้วถามชื่อของหล่อนกับปาก แม้ความจริงจะรู้อยู่แล้วก็ตาม
“เราชื่อหมอก เธอชื่อศิศิราใช่ไหม”
“เรียกเราว่าน้ำค้างดีกว่า เรียกชื่อจริงมันฟังดูแปลกๆ...นายมีเวลาว่างช่วยเราจริงเหรอ ถ้ามันหนักเกินไปไม่เป็นไร...” บอกด้วยความเกรงใจ แต่ร่างสูงก็ตอบรับอย่างรวดเร็ว อุตส่าห์มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิด จะปล่อยให้หลุดมือได้อย่างไร
“ว่าง ช่วยได้ เจอกันเสาร์อาทิตย์อยู่ห้องสมุดของมหา’ลัยไหม เช้าถึงเย็นสักสองสัปดาห์น่าจะตามทันแล้ว เราจะเขียนสรุปย่อแต่ละวิชาให้ด้วย” หาสถานที่ซึ่งเป็นส่วนตัวและชีวาพรไม่เคยก้าวย่างไปหาสักครั้ง เพราะเขาเคยเตือนเอาไว้ครั้งหนึ่งว่าหากหล่อนไปรบกวนตอนอ่านหนังสือ จะไม่พูดด้วยหนึ่งเดือน
เคยมีครั้งหนึ่งช่วงปีก่อนที่เธอไม่เชื่อแล้วไปหาเขา ชายหนุ่มก็ทำตามนั้นจริงคือเมินหญิงสาวตลอดหนึ่งเดือน หล่อนจึงเข็ดไม่กล้าไปหาที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยชื่อดังอีกเลย
“เกรงใจ...”
“ไม่เป็นไร เราทำไว้สรุปให้ตัวเองอ่านด้วย...ขอเบอร์เธอหน่อยได้ไหม” ยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าศิศิรา ซึ่งเธอก็ให้เบอร์เขาไปด้วยความเต็มใจ เผลอมองดวงหน้าคมแสนหล่อเหลาอย่างหลงใหล ไม่ใช่เพียงแค่เมืองหมอกที่ตกหลุมรัก
เธอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
อุตส่าห์จะครองตัวโสดจนเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่ดันมาเจอหนุ่มหล่อตัวท็อปซะก่อน แล้วอย่างนี้จะอดใจทำตัวโสดได้ตลอดไปเหรอ
“อือ ถ้าจะติวผ่านโทรศัพท์ก็ได้นะ” หล่อนกำลังเปิดโอกาสให้เขาสามารถโทรหาได้หรือเปล่า คิดในใจแล้วพยักหน้ายิ้ม สงสัยคืนนี้คงต้องโทรไปโดยใช้เรื่องเรียนเป็นข้ออ้าง ค่อยชวนเธอคุยเรื่องอื่นสร้างความสนิทสนม
“โอเค”
แต่ต้องปิดไม่ให้ชีวาพรทราบเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเรื่องของเราคงล่มตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่ม
ถึงเวลากลับบ้านก็เก็บของแล้วเดินมาหน้าโรงเรียน เขารู้ดีว่ารถที่บ้านมารอรับจึงไม่อาจดึงดันกลับรถสาธารณะได้ อีกทั้งหญิงสาวก็ยืนรอหน้าโรงเรียน ชะเง้อมองหาคู่หมั้นของตน พอเห็นเขาก็ยิ้มกว้างดีใจ ยกมือขึ้นโบกทักทาย
“พี่หมอก! กลับบ้านกัน” เรียกเสียงดังพลางวิ่งเข้ามาเกาะแขน
ชายหลายคนที่หมายปองหล่อนเป็นต้องอกหักตามระเบียบ ชีวาพรไม่ปรายตามองใครและยิ้มให้เพียงคู่หมั้นของตน แต่เจ้าตัวกลับไม่อยากได้รับรอยยิ้มนั้นสักนิด เขาเบื่อที่ต้องตัวติดกับคนเจ้าปัญหา มีเรื่องไม่เว้นวัน
เมื่อไหร่หล่อนจะโตพอรู้ความสักทีนะ ตอนนี้อายุสิบเจ็ดปีแล้ว เหตุใดจึงได้โตแต่ตัวก็ไม่รู้
“ได้กินขนมที่โซ่เอาให้หรือเปล่า” ขึ้นบนรถเรียบร้อยก็ชวนเขาคุย แม้ดวงหน้าคมจะเรียบสนิทแล้วหยิบโจทย์ข้อสอบออกมาทำเพื่อแก้เบื่อ แต่หล่อนก็ไม่หวั่นยังคงชวนคุยไม่หยุด จ้องเสี้ยวหน้าคมอันหล่อเหลา
ผู้ชายคนนี้เป็นคู่หมั้นเธอ หลังเรียนจบเราก็จะแต่งงานกันทันที มีลูกตัวน้อยสองคนที่หน้าเหมือนเขาทุกกระเบียดนิ้ว
เธอคงมีความสุขน่าดู...
อนาคตที่วาดฝันเอาไว้มีเมืองหมอกอยู่ด้วย แทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองต้องการอะไร เพราะเธอยึดถือเรื่องเขาเป็นสำคัญ
“พวกมึงกินเถอะ กูไม่อยากกิน” คำถามของหล่อนทำให้นึกถึงช่วงบ่ายที่เพื่อนเอาขนมมาให้ บอกว่าคู่หมั้นฝากมา ร่างสูงจึงทำเมินแล้วยกขนมทั้งหมดให้สองแฝดที่ตาเป็นประกาย แต่จะให้ตอบเช่นนั้นก็ใจดำเกินไป หล่อนอุตส่าห์ซื้อมาให้ตน
“อือ” เลือกโกหกคำโตแล้วอ่านข้อสอบวิชาเคมี เขาอ่านหนังสือสอบเข้าตั้งแต่มอห้า พอถึงช่วงเวลาที่ใกล้สอบจึงเลือกจะทำโจทย์มากกว่า คะแนนเป็นที่พึงพอใจทุกครั้งที่ลองทำข้อสอบแบบจับเวลา เขาเชื่อว่าตนจะต้องเข้าคณะและมหาวิทยาลัยที่หวังได้แน่
“หายโกรธโซ่นะคะ ต่อจากนี้โซ่จะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน เชื่อฟังพี่หมอกทุกอย่าง ไม่ทำร้ายใครก่อนด้วย ให้อภัยโซ่นะ หายโกรธโซ่นะ ดีกันนะ” ใช้มือยันพนักวางแขน จ้องเขาตาปริบแล้วให้คำมั่นที่ร่างสูงไม่เชื่อสักนิดว่าหล่อนจะทำได้
ไม่ใช่ครั้งแรกที่สัญญาแล้วผิดคำพูด แต่เป็นหนที่เท่าไหร่ตนก็จะไม่ได้เหมือนกัน เกิดเรื่องทีไรก็ต้องไปเป็นผู้ปกครองทุกที คะแนนจิตพิสัยของชีวาพรคงถูกลบจนไม่เหลือแล้ว เพียงแค่ทางโรงเรียนไม่อาจทำได้มากกว่านี้