๑ คนน่ารำคาญ (๓)
บิดาของหล่อนจ่ายเงินบำรุงรักษาแต่ละปีหนักพอสมควร หญิงสาวจึงแทบไม่โดนทำโทษสักครั้ง มีเพียงตักเตือนเท่านั้น
“อือ”
“พี่หมอกน่ารักที่สุดในโลก” กอดแขนหนาเอาไว้จนคนที่กำลังทำโจทย์ต้องพรูลมหายใจเสียงหนัก เหมือนเป็นการบอกทางอ้อมว่าไม่ชอบ หล่อนจำต้องปล่อยเขาเป็นอิสระ เอาแต่จ้องมองเมืองหมอกตาแป๋ว ยอมเป็นเด็กดีของชายหนุ่ม
“จากนี้พี่คงต้องอ่านหนังสืออาจกลับค่ำ โซ่กลับก่อนพี่เลยนะ ค่อยเจอกันที่บ้านตอนเย็นก็ได้” ต้องพูดย้ำอีกรอบไม่ให้เธอตามติด หากหญิงสาวเจอกับศิศิราเกรงว่าจะเกิดปัญหาอื่นตามมาให้ต้องแก้ไข เขาไม่อยากผิดใจกับหญิงในดวงใจด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“โซ่ไปอ่านเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่ต้องหรอก กลับไปทำขนมให้พี่กินดีกว่า คราวก่อนทำคุกกี้กาแฟอร่อยมากเลย” รู้ว่าใครใช้จุดไหนเพื่อให้เธอคล้อยตาม จึงได้ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยพลางเอ่ยชมฝีมือในการทำขนมของหญิงสาว
“โอเคค่ะ! โซ่จะทำขนมไว้รอตอนเย็นนะ” เจ้าตัวดีใจเป็นอย่างมาก เริ่มวางแผนจะทำขนมไปให้เขากินทุกวัน ไม่ได้มารบกวนการทำข้อสอบของร่างสูงอีก
“ครับ” เขาจึงใช้ช่วงนี้แอบส่งข้อความเพื่อนัดพบกับศิศิรา
จ้องมองข้อความตอบกลับของฝ่ายหญิงด้วยรอยยิ้ม...หากได้เป็นแฟนกับเธอ
เขาจะได้ถอนหมั้นจากชีวาพรสักที
การติวหนังสือผ่านไปกว่าสองสัปดาห์ พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้นยามอยู่ด้วยกันสองคน กล้าพูดกล้าหยอกล้อ ขณะเดียวกันหากอยู่ในโรงเรียนก็ทำเหมือนไม่เคยรู้จัก น้อยคนจะรู้ว่าคู่นี้กำลังแอบสานสัมพันธ์กันเงียบๆ
เพื่อนแฝดล้อเหมืองหมอกไม่หยุด แต่ก็ปิดเป็นความลับเก่งไม่ให้ชีวาพรล่วงรู้ ไม่อย่างนั้นสภาพของศิศิราคงเละเป็นแน่
รุ่นน้องคนนั้นเก่งการต่อสู้เพราะถูกบิดาพาไปเรียนตั้งแต่เด็ก ถูกขนานนามว่ามือตบประจำโรงเรียน ไม่มีใครกล้าไปหาเรื่องด้วยสักคน
ชีวาพรเองก็ไม่หาเรื่องใครก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะมายุ่งกับคนของตน หล่อนก็ไม่สนใจจะใช้กำลัง...
“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ ไว้เจอกัน” นั่งรถสาธารณะมาส่งหล่อนถึงหน้าบ้าน จ้องมองกันนานราวไม่อยากแยกจาก แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจเดินเข้าบ้านของตัวเอง แม้จะเสียดายเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม
“น้ำค้าง” เขาเรียกเธอเอาไว้แล้วตัดสินใจหยิบดอกไม้ออกมาจากกระเป๋า
“หือ...”
“เราเห็นว่าสวยเลยซื้อมาให้น่ะ เป็นรางวัลที่ทำคะแนนวิชาคณิตดี” ยื่นดอกลิลลี่สีชมพูให้แก่หล่อน กลิ่นหอมของมันนุ่มนวลชวนฝัน กลีบก็บอบบางเหมือนคนตรงหน้าไม่มีผิดที่เขาอยากทะนุถนอมเอาไว้
“ขอบคุณนะ เราชอบมากเลย” รับดอกไม้มาถือไว้ แม้มันจะเป็นเพียงดอกเดียวแต่ก็ทำให้หัวใจของหล่อนอบอุ่นยามได้รับ
สองสายตาสบกันไม่ยอมหลบ ต่างรู้ความในใจแต่ก็ไม่มีใครเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน เขามองเธออย่างนั้นหลายนาที เห็นว่าค่ำแล้วจำต้องโบกมือลาเพื่อกลับบ้าน
“เจอกันพรุ่งนี้ครับ” ศิศิราพยักหน้า มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินไกลออกไป ก้มลงดมกลิ่นหอมของดอกไม้แล้วได้แต่ยิ้มเขิน
การมีความรักมันดีอย่างนี้เอง...
ช่วงบ่ายระหว่างคาบเรียนสามารถมาเข้าห้องน้ำได้ หล่อนจึงเดินมาล้างหน้าล้างตาไม่ให้รู้สึกง่วงยามเรียน ช่วงนี้การบ้านเยอะไม่ค่อยมีเวลาไปหาเมืองหมอกเท่าไหร่ อีกทั้งเขาไม่มากินข้าวเที่ยงที่โรงอาหาร บอกว่าต้องอ่านหนังสือไม่อยากให้ไปรบกวน
ไหนจะไปกลับเองอีกต่างหาก เธอไม่ได้เจอหน้าเขาหลายวันทั้งที่บ้านอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วยังเรียนที่เดียวกันอีก
แต่การจะบุกไปหาก็เกรงว่าชายหนุ่มจะโกรธ ทำได้อย่างเดียวคือรอพ้นช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย หากผ่านไปได้เมื่อไหร่คงอยู่เกาะติดร่างสูงทั้งวัน
“อุ้ย ขอโทษนะ พอดีฉันไม่เห็นน่ะ” น้ำอัดลมสาดเข้าที่เสื้อสีขาวจนเปียกชุ่ม หล่อนถึงกับผงะแล้วจ้องคู่กรณีที่เข้ามาในห้องน้ำพร้อมเพื่อนอีกสามคน คุ้นหน้าเพราะอยู่ชั้นเดียวกันแต่คนละห้อง ทว่าตนไม่เคยหาเรื่องอีกฝ่าย
แล้วทำไมจะต้องมาหาเรื่องกันด้วย
“มีเรื่องอะไรก็พูดมา ไม่ต้องทำตลบตะแลงหรอก มันดูออกว่าปลอม”
“คราวก่อนแกตบรุ่นน้องฉันยังไม่ได้เอาคืน วันนี้เลยอยากมาสั่งสอนสักหน่อย จะได้รู้ว่าอย่าทำร้ายคนมั่วซั่ว” เรื่องนั้นผ่านไปหลายสัปดาห์เพิ่งสบโอกาสมาแก้แค้นหรือไง แต่มีหรือที่คนอย่างชีวาพรจะกลับ ทักษะการต่อสู้ของเธอไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว
เพี้ยะ
ยังไม่ทันที่คู่กรณีจะง้างมือตบ เธอก็ใช้จังหวะนั้นตบคนที่สาดน้ำใส่ตนจนหน้าหัน เสียงดังก้องห้องน้ำเล่นเอาเจ้าตัวเบิกตากว้างตกตะลึง ไม่คิดว่าจะโดนตบเร็วขนาดนี้
“ขอโทษที พอดีมือฉันไวไปหน่อย” ยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ยิ่งยั่วยุอารมณ์คู่กรณีมากกว่าเดิม
“อีโซ่! มึงเจอตีนกูแน่!”
“มาเลยสิ ใครว่ากูกลัวมึงล่ะ!”
หลังจากนั้นคนที่เหลือก็รุมชีวาพร แต่หล่อนเก่งการต่อสู้ ไม่นานก็ทำให้คนที่เข้ามาหาเรื่องตนนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น หมดสภาพในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนจะเดินเข้าห้องปกครองอย่างไม่เกรงกลัว เพราะอย่างไรก็คงมีคนไปฟ้องแล้วใส่ความหล่อนเหมือนเดิม
อีกอย่างถึงเข้าห้องปกครองก็ไม่มีใครทำอะไรได้ พ่อของหล่อนจ่ายให้โรงเรียนไปหนักเท่าไหร่ ครูน่ะหรือจะกล้าทำโทษ