2.คิดถึงคนึงหา
EP. 2 คิดถึงคนึงหา
สวัสดีไดอารี่ที่รัก
"ฉันเคยพบกับผู้ชายคนนึง เขาไม่ใช่มนุษย์แต่เขาเป็นผู้ชายที่ช่วยฉันเอาไว้จากความตาย นี่ฉันน่าจะดีใจหรือเสียใจดีน่ะที่ได้พบกับเขา เขาทั้งหล่อและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน หลังจากวันนั้นเขาก็ทำตามสัญญามาตลอดเพราะว่าทุกๆวันที่ยี่สิบเอ็ดเมษาเขาจะมาหาฉันมันคือวันเกิดของฉันเอง พอถึงวันนั้นตอนหกทุ่มเขาก็จะมายืนอยู่ที่ระเบียงห้องฉันพร้อมกล่องของขวัญ ของขวัญคืออะไรหน่ะหรอ มันคือสิ่งลี้ลับที่ฉันไม่เคยได้รับรู้จากโลกมนุษย์ นั่นก็คือหนังสือตำราเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของเขา
( คุณเอามาให้หนูทำไมคะ มันคือความลับไม่ใช่หรือ)
(เก็บเอาไว้เถอะ สักวันนึงเธอจะได้ใช้มัน)
สักวันฉันจะได้ใช้มัน คำนี้ฉันจำได้ขึ้นใจ และทุกๆปีเขาก็จะเล่านิทานให้ฉันฟังด้วยล่ะ มันคือเรื่องเกี่ยวกับความรักที่ไร้ขอบเขตและพรหมแดน ฉันเฝ้าคิดถึงเขาทุกวัน เมื่อนึกถึงรอยยิ้มของเขามันทำให้หัวใจฉันพองโตได้อย่าน่าอัศจรรย์ ฉันนอนหลับก่อนทุกครั้งเมื่อเขาเล่านิทาน แต่พอตื่นขึ้นมาเขาก็หายไปแล้ว ฉันรู้สึกไม่ชอบเลย ฉันอยากพบเขาให้นานกว่านี้ ปีหนึ่งได้พบเพียงครั้งนึงมันทรมานเกินไป
( หนูอยากพบคุณให้มากกว่านี้ค่ะคุณนิฟ)
( มันยังไม่ถึงเวลาสาวน้อย)
ยังไม่ถึงเวลา! คำนี้มันสามารถทำให้ฉันร้องไห้ได้เพียงชั่วพริบตา วันนี้เป็นปีที่เก้าแล้วที่เขาจะมาพบฉันตามสัญญา หกทุ่มของคืนนี้ฉันจะรอพบเขาอยู่ตรงนี้ ฉันกว่าเขาจะมา.....
ฉันอยากพบเขาไดอารี่ที่รัก
พริ้มพราววางปากกาลงหน้าตาเศร้าๆ ตั้งแต่อายุสิบสองปีจนจะจวบยี่สิบเอ็ดปีเธอได้พบเขาเพียงแค่เก้าครั้ง เขาไม่รู้จริงหรือว่าเธอคิดถึงเขาเพียงใด ใจร้ายชะมัด! จะเล่าจะปรึกษาใครก็ไม่ได้
ไลน์! ไลน์!
เมื่อเสียงแอปพลิเคชั่นดังขึ้นพริ้มพราวจึงหยิบสมาร์ทโฟนของตนเองที่นอนแน่นิ่งอยู่ขึ้นมาเปิดอ่าน
' เขมรา = พรุ่งนี้ว่ายังไงคะ ที่ไหนดี
นุ่นนิ่น= นั่นสิคะคุณพราว อะไรยังไงคะวันเกิดทั้งที่เอามันส์ๆหน่อย
ไอก้อง= ป๋าก้องใจดีอาสาเลี้ยงเองครับ นานๆทีจะเจอกัน
พริ้มพราว = ร้านเดิมจ้ะเพื่อนๆทั้งหลาย อย่าลืมของขวัญเด็ดขาดไม่งั้นมีรูดเสาโชว์น้ะจ้ะ
เหล่าเพื่อนๆในแก๊งค์ ม.ปลายต่างพากันชักชวนเจ้าของวันเกิดกันยกใหญ่ ที่เดิมสำหรับพวกเขาทั้งสี่คนคือผับชื่อดังที่ชอบไปนั่งเล่นกันเป็นประจำ สี่ปีแล้วที่ไม่ค่อยได้เจอะเจอหน้ากันเพราะเมื่อจบ ม.6 ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไป เหลือเเต่เพียงเขมราที่เรียนคณะเดียวกันกับพริ้มพราว และถือว่าโชคดีมากที่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ทั้งสองสาวเลือกเรียนด้านบริหารธุรกิจเพราะทางครอบครัวของทั้งสองต่างอยากให้ผู้เป็นลูกได้ถ่ายทอดธุรกิจของตนเอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"พราวเปิดประตูให้แม่หน่อยสิลูก"
คุณหญิงพริ้งเพชรตะโกนเรียกลูกสาวที่อยู่ในห้อง พริ้มพราวได้ยินดังนั้นจึงเดินมาเปิดประตูให้มารดา
"ค่ะคุณแม่ มีอะไรคะ"
"แม่ไม่บอกล่ะกัน ลงไปดูข้างล่างเอง"
หญิงสาววัยสวยสะพรั่งมองหน้ามารดาอย่างงงๆ มารดาจึงยิ้มและพยักหน้าให้ พริ้มพราวจึงรีบลงบันไดมาดูว่าข้างล่างมีอะไรหน้าตื่นตาตื่นใจ
"ฮายย ว่าไงสาวน้อย"
"พี่พงษ์ มาได้ยังไงเนี่ย"
พริ้มพราวยิ้มจนปากเกือบฉีกเมื่อเห็นพงษ์พัฒน์ พี่ชายของตนเองกลับมาจากเมืองนอกโดยไม่บอกกล่าว ร่างบางวิ่งไปกอดพี่ชายด้วยความคิดถึง
"วันเกิดยัยน้องทั้งทีพี่จะพลาดได้ยังไงล่ะ"
พงษ์พัฒน์ตอบขณะที่ยังกอดน้องสาวอยู่
"พราวเกิดพรุ่งนี้นะคะจำผิดวันหรือเปล่าเนี่ย จะกลับมาก็ไม่บอกจะได้ไปรับที่สนามบิน"
พริ้มพราวคลายอ้อมกอดและพูดหยอกพี่ชายอย่างน่ารัก
"ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพรสนะสิ แล้วของขวัญวันเกิดปีนี้อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า"
"อื้มมมม อยากค่ะ "
พริ้มพราวทำท่าครุ่นคิดและพยักหน้างึกงัก
"หื้ม อยากได้อะไรว่ามาสิ พี่ให้เราได้ทุกอย่าง"
พงษ์พัฒน์พี่ชายวัยยี่สิบแปดปีของพริ้มพราว ผู้รักน้องหวงน้องมากที่สุดในสามจักรวาล ตอนนี้กำลังฝึกงานกัปตันบินอยู่ที่อเมริกา อีกไม่นานชายหนุ่มก็จะเรียนจบและกลับมาทำงานที่ประเทศไทย
"เอ่อ พรุ่งนี้ช่วยขออนุญาติคุณพ่อให้ทีนะคะ พราวจะออกไปปาร์ตี้กับเพื่อน"
พริ้มพราวซุบซิบใกล้ๆใบหูของพี่ชาย
"อะแฮ่ม ซุบซิบอะไรกันสองพี่น้อง"
คุณอนันศักดิ์ รุ่งอมรเทพ เดินมาพบเจอลูกทั้งสองแอบซุบซิบกันจึงส่งเสียงดุๆไปทักทาย ทำเอาพริ้มพราวสะดุ้งโหยงเมื่อรู้ว่าบิดาเดินมา
"เปล่าค่ะคุณพ่อ พราวแค่บอกรักพี่พงษ์เท่านั้นเอง พราวขอตัวนะคะพี่พงษ์ อย่าลืมทำตามที่ขอน้าาา"
พริ้มพราวพูดจบก็วิ่งปลิวขึ้นห้องไปทันที ปล่อยให้พี่ชายต้องทำตามที่บอกอย่างเลี่ยงไม่ได้
ณ ห้องนั่งเล่นของคฤหาสหลังใหญ่ใจกลางป่า สองพี่น้องกำลังนั่งถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียด
"นี่นิฟ นายช่วยจิ้มหน้าจอเบาๆหน่อยได้มั้ย จิ้มแรงแบบนั้นเดี๋ยวหน้าจอก็แตกหรอก"
เจอร์ร่าบ่นเจนิสันที่ขอให้เธอช่วยสอนเล่นโทรศัพท์ เธอสอนมาเป็นชั่วโมงแล้วเจ้าตัวก็ไม่มีท่าทีว่าจะเล่นเป็น
"ก็มันไม่ถนัดนี่ เกิดมาร้อยสิบปีก็เพิ่งเคยเล่น จะบ่นทำไมนักหนาจิวลี่"
เจนิสันเอ่ยอย่างไม่ค่อยสนใจนักเพราะเจ้าตัวกำลังมีสมาธิอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ที่เพิ่งไปถอยมาใหม่
"อืม ถ้าอยากส่งข้อความไปหาคนบางคนต้องทำยังไง"
เจนิสันเงยหน้าถามพี่สาวด้วยความสงสัย
"แล้วใครล่ะ คนบางคนของนาย"
"เด็กคนนั้นที่ชื่อพริ้มพราว เธอยังจำได้มั้ยเมื่อสิบปีก่อนที่ฉันช่วยเอาไว้"
"อื้ม ฉันจะพยายามหาไลน์เธอให้น่ะ"
พูดจบเจอร์ร่าก็หยิบโทรศัพท์จากมือเจนิสันออกมาและพยายามทำอะไรบางอย่างจะเรียกว่าเสกเวทย์มนตร์ก็ว่าได้ เวทย์มนตร์ก็มีออกมาเรื่อยๆตามยุคสมัยของมนุษย์นั่นนา หลังจากนั้นสิบนาที เจอร์ร่าก็ทำสำเร็จ
"อะ ได้แล้ว ว่าแต่นายยังไม่ลืมเด็กคนนั้นเลยหรอ หรือว่านาย......"
เจอร์ร่ามองน้องชายตาแวววับ หรือตลอดสิบปีที่ผ่านมาที่ไม่ยอมแตะต้องผู้หญิงคนไหนจะเป็นเพราะเด็กคนนั้นน่ะ
"ไม่ต้องมามองแบบนั้นเลยจิวลี่ จะไปไหนก็ไป"
เจนิสันพูดกลบความเป็นจริงพร้อมโบกมือไล่พี่สาวออกไป
"แหม๋ รีบไล่เลยน่ะ ฉันไปหาสูตรอาหารกับเพื่อนๆดีกว่า"
พูดจบเจอร์ร่าก็เดินออกไปปล่อยให้เจนิสันนั่งยิ้มกับรูปโปรไฟล์ของพริ้มพราวอยู่คนเดียว
ตอนนี้เป็นเวลาหกทุ่มแล้ว พริ้มพราวนั่งหลับอยู่ตรงประตูกระจกใสที่ติดกับระเบียงห้อง ตอนแรกนั้นยังไม่หลับ หญิงสาวนั่งรอชายหยุ่มตั้งแต่สามทุ่มจึงเผลอหลับคอพับไป ด้านเจนิสันที่ลอยตัวมากลางเวหาก็ต้องยืนยิ้มอยู่นอกระเบียงเมื่อเห็นคนตัวเล็กนั่งหลับคอห้อยรอเขาอยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ชายหนุ่มนั่งย่อลงให้ตัวเท่ากับคนที่นั่งหลับอยู่ จากนั้นจึงเคาะประตูจนทำให้พริ้มพราวสะดุ้งตื่นขึ้นมา
"คุณนิฟ!"
หญิงสาวเผลอเรียกเขาเสียงดัง มือเล็กรู้ตัวจึงปิดปากตนเองไว้ ท่าทางน่ารักทำให้ชายหนุ่มขำน้อยๆ จากนั้นพริ้มพราวจึงเปิดประตูให้เขาเข้ามาภายในห้องที่เปิดโคมไฟไว้เพียงตัวเดียว ถ้าหากเปิดไฟสว่างจ้ามีหวังพงษ์พัฒน์ได้ขึ้นมาบ่นเธอกลางดึกแน่
"หนูคิดถึงคุณ"
เจนิสันก้าวเข้ามาได้เพียงสองก้าวเท่านั้นร่างกายอรชรก็วิ่งเข้าไปกอดเขาอย่างไม่รีรอ
"อื้ม ฉันก็คิดถึงเธอสาวน้อย"
เจนิสันรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่มันดันหน้าท้องเขาอยู่ ไม่ต้องเดาก็รู้ขนาดว่ามันใหญ่แค่ไหน อ่าซ์ ถ้าหากไม่หยุดเขาอาจจะจับเธอปล้ำตอนนี้ก็ได้ เมื่อรู้ดังนั้นมือหนาจึงจับร่างบางให้ออกห่าง
"คุณดึงหนูออกทำไม หรือว่าคุณรังเกียจหนู"
พริ้มพราวถามด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เธออุส่าห์รอคอยเขามาเป็นปี เขากลับไม่ให้เธอกอด ใจร้าย!
"มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดน่ะพริ้มพราว"
ชายหนุ่มไม่รู้จะอธิบายเช่นไร สำหรับเขาเธอยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจเรื่องพวกนี้
"แล้วทำไมคุณไม่ให้หนูกอด"
"ฉันเป็นผู้ชาย ส่วนเธอก็โตเป็นสาวแล้ว เธอไว้ใจฉันขนาดนั้นเลยหรอ"
เจนิสันพยายามหาทางออก
"ถ้าคุณจะหมายถึงเรื่องอย่างว่า หนูไม่กลัวหรอก เพราะสักวันหนูก็ต้องตกเป็นของคุณ"
พริ้มพราวส่ายหน้ายืนยัน มันเป็นความผิดของเธอเองทีเผลอได้ยินเขาพูดเรื่องนี้
"เธอรู้ได้ยังไงพริ้มพราว"
เจนิสันตกใจ เขาไม่คิดว่าเธอจะล่วงรู้เรื่องนี้
"หนูขอโทษ วันนั้นที่คุณพูดตอนเล่านิทาน หนูได้ยิน"
เจนิสันหวนนึกถึงวันนั้นตั้งแต่หญิงสาวสิบสี่ขวบ เขาได้เล่านิทานให้เธอฟัง เขาคิดว่าเธอหลับไปแล้วจึงเผลอมองใบหน้าหวานแล้วพูดคำนั้นออกมา
"ช่างมันเถอะ รู้แล้วก็แล้วไป"
เจนิสันถอนหายใจก่อนจะตอบออกมา
"หนูขอกอดคุณได้มั้ย คุณจะทำเรื่องแบบนั้นหนูก็ยอม หนูคิดถึงคุณ หนูรักคุณนิฟ มันทรมานมากคุณรู้มั้ยกว่าเราจะได้พบกัน"
หญิงสาวบอกความในใจออกไปพร้อมร้ำตาร่วง มันเกิดขึ้นเมื่อไรเธอไม่รู้เลย มารู้อีกทีในสมองก็มีแต่เขาเสียแล้ว เจนิสันเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกใจอ่อน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาของเขาและเธอ
"เอาเป็นว่าฉันจะให้เธอกอด แต่จะไม่ทำอะไรโอเคน่ะ เลิกร้องไห้ได้แล้วเด็กขี้แย"
ชายหนุ่มเลือกที่จะเลิกพูดถึงคำว่า รัก ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ารักเด็กคนนี้มากเพียงใด แต่เขาเพียงขอเวลาทำใจเรื่องใบโพธิ์ให้ได้ก่อน มันยังเร็วเกินไปสำหรับความรักครั้งใหม่ และอีกอย่างเขารู้ดีว่าสุดท้ายความรักครั้งนี้ก็คงไม่ต่างจากเดิม สุดท้ายเขาเองที่เป็นคนเจ็บ
"หนูตกลง"