บทย่อ
เมื่อ "ความรัก" แขวนอยู่บน "เส้นด้าย" เมื่อชีวิตเต็มไปด้วย "อุปสรรค" สาวน้อยหน้ามน "พริ้มพราว" ต้องโคจรไปพบกับ เขา "เจนิสัน" แวมไพร์ตัวฉกาจ ความบังเอิญหรือฟ้าลิขิตที่ทำให้ความรักเจริญงอกงามข้นมาได้ในเมื่อทั้งสองอยู่คนละสายเลือดแต่ความรักมิอาจแบ่งแยกได้ เขาทั้งสองจะทำอย่างไร จะ "สานต่อ" หรือจะ "จบ" สิ่งนี้มันขึ้นอยู่ที่ใจมิใช่สิ่งที่เป็นอยู่
1.ความลับแวมไพร์
EP.1 ความลับแวมไพร์
ช่วงเวลาเย็นจัดเกือบค่ำมืด เมื่ออยู่ในป่าก็ยิ่งเงียบและน่ากลัว !! ผืนป่าใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือตอนนี้บรรยากาศเริ่มหนาวเย็นเหล่าสัตว์ร้ายบางจำพวกกำลังจะออกล่าเหยื่อ แต่ทว่าสัตว์ร้ายพวกนั้นอาจไม่น่ากลัวเท่าไอ้ชุดดำสองคนที่กำลังเร่งฝีเท้าตามเด็กผู้หญิงคนหนึ่งผู้มีนามว่า" พริ้มพราว รุ่งอมรเทพ" สาวน้อยวัยสิบสองปีที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้คนหน้ากลัว ช่วงเย็นวันนี้สาวน้อยได้ยืนรอแม่อยู่ที่หน้าโรงเรียน แต่เธอกลับถูกไอ้พวกแก๊งลักเด็กฉวยตัวมาเสียก่อน แต่นับว่ายังมีความโชคดีอยู่ ที่รถกลับยางระเบิดกลางทาง สาวน้อยผู้กลัวตายจึงอาศัยจังหวะเผลอจึงรีบวิ่งหนีเข้ามาในป่า
"หยุดนะว้อยยย นังเด็กบ้า"
คนร้ายรีบวิ่งตามสาวน้อยอย่างไม่หยุดหย่อนแถมยกปืนมาขู่เสียด้วย ยังดีที่พริ้มพราวเป็นนักวิ่งของโรงเรียน สาวน้อยจึงมีทักษะการวิ่งมากพอสมควร
ปัง ปัง ปัง!! คนร้ายสองคนตัดสินใจเด็ดเดียว ในเมื่อนังเด็กบ้านี่เล่นตัวก็ต้องเสี่ยง ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตายก็ต้องลากตัวมันไปให้ได้ คนชั่วคิดอย่างเลือดเย็น
"กรี๊ดดดดดดดดด!"
สองมืออุดหูเป็นพลวัน สองเท้าของสาวน้อยเริ่มเปรอะเปื้อนไปกับดินที่ชุ่มชื้น น้ำตาร่วงไหลรินราวกับจะตายเสียให้ได้ ใบหน้าผู้มีพระคุณลอยมาในโสตประสาทของสาวน้อยอย่างหดหู่ เธอจะวิ่งไปให้ไกลที่สุด เด็กน้อยสัญญากับตนเองว่าจะยอมไปตายเอาดาบหน้า
ณ คฤหาส์ฮาวเบิร์ด ที่ตั้งอยู่ใจกลางป่าใหญ่ ร่างกายกำยำกำลังนอนแช่อยู่ในอ่างน้ำอย่างสบายใจ " เจนิสัน ฮาวเบิร์ด" หรือคุณนิฟ ทายาทคนที่สามผู้สานต่อความลับของตระกูล เขา .. ไม่ใช่คน! เขา ... มีอายุครบร้อยปีในอาทิตย์ที่ผ่านมา เขา....มีความหน้ากลัวแฝงอยู่ในใบหน้าที่หล่อเหลา ถ้าหากเป็นมนุษย์รูปร่างหน้าตาผิวพรรณของเขาจะอยู่ในอายุราวๆสามสิบปี เขาตายได้แต่ตายยาก
(กรี๊ดดดด ช่วยด้วยยยย)
ดวงตาที่หลับพริ้มอย่างสบายลืมขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงมนุษย์!! กลิ่นคาวเลือดของมนุษย์ทำให้ดวงตาเขาเปล่งประกายวาววับออกมา ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบสวมเสื้อผ้าตรงดิ่งไปยังจุดเกิดเหตุทันที
พลั่กกก!
"โอ้ยย ฮื่อๆ เจ็บ หนูเจ็บ"
พริ้มพราวล้มลงเมื่อข้อเท้าของเธอพลิกอย่างจัง รวมทั้งร่องรอยเศษไม้ขีดข่วนที่ขานั่นอีกทำให้สาวน้อยเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว
"สิ้นฤทธิ์แล้วใช้มั้ย นังเด็กดื้อ"
เพี้ยะ! ฝ่ามือหนาฟาดลงที่ใบหน้านวลใสของเด็กน้อยอย่างแรง ส่งผลให้พริ้มพราวร้องออกมามากกว่าเดิม
"หนูกลัวแล้วอย่าทำอะไรหนูเลยน่ะ ฮึก ฮื่อๆ"
สาวน้อยพนมมือไหว้อ้อนวอนอย่างหน้าเวทนา ชุดนักเรียนเปราะเปื้อนไม่เหลือคราบสีขาว
"กลัวหรอ ตายซะเถอะ อีเด็กเวร"
ชายฉกรรจ์จ่อปืนไปที่ศรีษะทุยของพริ้มพราว สาวน้อยกรี๊ดออกมาสุดพลังเมื่อได้ยินเสียงปืน เธอคิดว่าจะตายไปแล้วแต่มันไม่ใช่ จู่ๆก็มีผู้ชายคนนึงวิ่งเข้ามา เขาวิ่งเข้ามาเร็วมาก มันเร็วกว่าปกติที่มนุษย์จะวิ่งได้
"โอ้ย ไอ้เวรเอ้ย มึงเป็นใครว่ะ"
ชายฉกรรจ์สองคนด่าทอเจนิสันเมื่อถูกถีบเข้าอย่างจัง พริ้มพราวนั่งอ้าปากเหวอเมื่อเห็นผู้ชายคนนั้นต่อสู้กับคนร้าย เขาใช้พลังอะไรสักอย่างพลักร่างคนชั่วให้ไปกระแทกต้นไม้จนกระอักเลือดตายไปทั้งสองคน เมื่อร่างกายสูงกำลังเคลื่อนเข้ามาหาสาวน้อย สายตาของหญิงสาวก็เริ่มพร่ามัว พร่ามัวจนหมดสติไปในที่สุด
"หนู หนู หนูฟื้นสิ"
เจนิสันพยายามเรียกสติเด็กน้อยตรงหน้า สงสัยคงจะช็อกกับตาสีแดงกับเขี้ยวที่ยื่นออกมาของเขาสินะ เอ๋? แต่ทำไมเด็กคนนี้ถึง... เหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง ทำให้เขาจ้องหน้าอ่อนของเด็กสาวอยู่อย่างนั้น
"เธอ.............."
ภาพที่เจนิสันล่วงรู้คือ อีกสิบปีข้างหน้าเขากับเด็กคนนี้จะพบเจอกับเรื่องสำคัญในรอบร้อยปี นอกจากนั้นเขายังมองเห็นความรักที่มันงอกเงยขึ้นมาอีกครั้งของเขา มันอาจจะเป็นเรื่องดี แต่สำหรับเขา มันไม่ดีเลยสักนิด แต่ทว่าเขาไม่อาจฝืนโชคชะตานั้นได้ เมื่อห้าปีก่อนเขาเคยมีคนรัก เธอชื่อ ใบโพธิ์ เเต่เสียที่ว่าเธอคือมนุษย์ต้องมีเกิดแก่เจ็บตาย แต่กระนั้นเวลาที่เธอตาย มันยังไม่สมควรเลยสักนิดสำหรับอายุยี่สิบเก้าปี ยิ่งคิดเขายิ่งรวดร้าว ร่างหนาจึงสลัดความคิดนั้นทิ้งแล้วพาสาวน้อยในอ้อมกอดย่างกายเข้าไปในคฤหาส์หลังใหญ่กลางป่าของตน
ณ ห้องนอนของคุณนิฟ
"เธอเป็นยังไงบ้าง"
เจนิสันเอ่ยถามเจอร์ร่าพี่สาวของเขา เพราะเขาได้ขอร้องให้เจอร์ร่าช่วยมาเช็ดตัวดูอาการสาวน้อยคนนี้ เพราะหากว่าให้เขาทำเกรงจะไม่เหมาะ
" ก็แค่เป็นลมหมดสติไป เดี๋ยวอีกสักพักก็คงฟื้น แล้วไอ้คนชั่วสองคนนั่นล่ะ"
เจอร์ร่าถามน้องชาย เกี่ยวกับไอ้คนชั่วสองคนนั้น มนุษย์ชอบกล่าวหาว่าแวมไพร์ร้ายกาจและน่ากลัว แต่หารู้ไม่ ว่าตนเองนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
"จัดการเรียบร้อยแล้ว อ้อ! ช่วยเตรียมอาหารให้หนูน้อยคนนี้ด้วยน่ะ"
เจอร์ร่าพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินออกไป ถึงเธอจะเป็นแวมไพร์แต่ก็ยังชอบการกินอาหารของมนุษย์และชอบทำอาหาร ภายในบ้านหลังนี้จะมีเธอเป็นผู้หญิงคนเดียว และเป็นคนเดียวที่ทานอาหารจำพวกที่มนุษย์ชอบกิน
ไม่นานร่างกายบอบบางที่รอดจากการหนีตายมาได้ก็รู้สึกตัวขึ้นมา ร่างน้อยสั่นสะท้านไปหมด ปวดเมื่อยร่างกายจนแทบทนไม่ไหว
"ฟื้นแล้วหรอ"
เจนิสันที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวเอ่ยถาม
"คะคุณ .....!!!"
พริ้มพราวทำหน้าตกใจเมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาทำไปก่อนหน้านี้ เขาไม่ใช่มนุษย์!
"ใจเย็นๆหนูน้อย อย่ากลัวฉัน"
เจนิสันปลอบสาวน้อยหน้าใส แปลกดีเวลาอยู่ใหล้หนูน้อยคนนี้ราวกับว่าหัวใจของเขาได้มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
"คุณไม่ใช่คน อย่าเข้ามาใกล้หนู หนูกลัว"
พริ้มพราวสั่งห้ามเสียงดัง โอ้ยจะว่าเธอแก่แดดก็ได้น่ะ แต่ตอนนี้ไม่รู้จริงๆว่าหัวใจเต้นแรงเพราะกลัวหรือเต้นแรงเพราะซิกแพ็กนั่น
"โอเคๆ เลิกกลัวฉันเถอะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเธอ เอางี้ดีมั้ย! เธออยากรู้อะไรเกี่ยวกับตัวฉันถามมาได้เลย ฉันยินดีตอบ"
เมื่อได้ยินอย่างนั้น สาวน้อยวัยกำลังอยากรู้อยากเห็นก็ตกลงทันที
"คุณเป็นใคร"
พริ้มพราวถามอย่างไม่รอช้า
"ฉันชื่อเจนิสัน เป็นแวมไพร์ที่อาศัยอยู่ในป่านี้มานานมาก"
ชายหนุ่มตอบตามความจริง ในเมื่อยังไงสาวน้อยคนนี้ก็ต้องตกเป็นของเขาอยู่แล้ว บอกให้เธอรู้ตอนนี้ไปเลยดีกว่า
"แวมไพร์ !!"
พริ้มพราวใช้มือปิดปากตัวเองแน่น ตอนนี้เธอกำลังคุยอยู่กับแวมไพร์หรือ
" แล้วหนูล่ะชื่ออะไร แล้วทำไมถึงโดนไอ้พวกนั้นล่าเอาได้"
คนตัวโตถามอย่างอยากรู้
"หนูชื่อ พริ้มพราว หรือเรียกว่าพราวก็ได้ค่ะ พวกมันจับตัวหนูมาเพื่อที่จะเอาไปขาย แต่รถยางระเบิดหนูจึงวิ่งหนีเข้ามาในป่า แล้วคุณเจนิสันก็เลยมาช่วยเอาไว้ ขอบคุณมากนะคะที่มาช่วยหนู"
สองมือเล็กพนมมือไหว้อย่างนอบน้อมแทนคำขอบคุณ
"ไม่เป็นไร ฉันเต็มใจช่วย เรียกฉันว่าคุณนิฟก็ได้น่ะ"
เจนิสันลูบหัวสาวน้อยอย่างเอ็นดู อดใจไว้ก่อนแค่อีกสิบปีเท่านั้น
"ค่ะคุณนิฟ ทำไมคุณไม่ดูดเลือดหนูเหมือนในหนังละคะ แวมไพร์กินเลือดมนุษย์มันน่ากลัวมาก"
เด็กน้อยถามตาเเป๋ว
"อื้ม สักวันนึงหนูจะรู้เอง แต่ขออย่างเดียวหนูห้ามบอกเรื่องนี้กับใครนะ"
เจนิสันชูนิ้วก้อยให้สาวน้อยตรงหน้า
"สัญญาค่ะ "
พริ้มพราวใช้นิ้วก้อยของตนเองเกี่ยวก้อยกับเขา
"หิวหรือยัง ไปทานข้าวดีกว่าเดี๋ยวฉันจะส่งกลับบ้าน"
สาวน้อยพยักหน้างึกงักแล้วเดินตามร่างสูงไป ภายในบ้านหลังนี้ตกแต่งด้วยของราคาแพงมันดูล้ำค่าและสวยงามในเวลาเดียวกัน
"นี่ข้าวต้ม ทานเยอะๆล่ะ"
เจนิสันตักข้าวต้มที่เจอร์ร่าทำไว้ให้ให้พริ้มพราวชามโต
"คุณไม่กินหรือคะ เอ่อ ลืมไปว่าคุณไม่กินของพวกนี้"
เด็กสาวเอ่ยเก้อๆ
"ก็กิน แต่ไม่ค่อยนิยม"
"อะแฮ่ม อ้าวพี่นิฟ เดี๋ยวนี้กินเด็กขนาดนี้เลยหรือพี่ ระวังโดนข้อหาพากผู้เยาว์น่ะ เอ้! แต่เด็กคนนี้หน้าตาคุ้นๆน่ะครับ เหมือนรู้สึกคุ้นเคย ไม่ต้องกลัวสาวน้อยฉันไม่รบกวนเธอหรอก ไปน่ะพี่บาย ไว้พบกันใหม่"
"โจลิเวอร์ ฮาวเบิร์ด" หรือไนจ์ ทายาทคนเล็กสุดของตระกูลฮาวเบิร์ด เดินมาทักทายพี่ชายกับสาวน้อยหน้าใส แล้วก็วิ่งออกไปยังไม่ทันที่คนนั่งอยู่จะได้ตอบ
"เอ่อ เขาคือใครคะ"
พริ้มพราวเอ่ยถามอึ้งๆ ผู้ชายคนเมื่อกี้เดินมาพูดๆๆๆแล้วก็วิ่งออกไปโดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว
"ไนจ์ น้องชายฉันเอง"
เมื่อหมดเวลาความตื่นเต้นแล้ว เจนิสันจึงอุ้มร่างน้อยของพริ้มพราวล่องลอยขึ้นไปบนฟ้าเพื่อมาส่งสาวน้อยที่บ้าน
"ว้าวสวยจังเลยค่ะ"
พริ้มพราวเอ่ยอย่างตื่นเต้น เขาพาเธอลอยท่องนภา มันวิเศษกว่าขึ้นเครื่องบินอีกแนะ ใช้เวลาไม่นานร่างสูงก็พาร่างน้อยมาส่งที่หน้าระเบียงห้อง
"ขอบคุณนะคะ ที่มาส่งหนู"
"อื้ม ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะ ฉันไปล่ะ"
"เดี๋ยวค่ะ"
เมื่อร่างสูงกำลังจะก้าวออกไป แต่มือเล็กก็ดันมาจับแขนแกร่งไว้เสียก่อน
"แล้วหนูจะได้พบคุณอีกมั้ย หนูยังอยากฟังเรื่องเกี่ยวกับแวมไพร์นะคะ"
สาวน้อยเอ่ยอย่างเศร้าๆ
"แน่นอน เราจะได้พบกันอีก"
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างหนักแน่น
"เมื่อไหร่คะ"
"ฉันจะมาหาเธอในวันเกิดของเธอทุกๆปีสาวน้อย ฉันต้องไปแล้ว เเล้วพบกันใหม่"
ริมฝีปากหนักก้มลงไปจุ่มพิตหน้าผากสวยของสาวน้อยอย่างแผ่วเบา นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น จากนั้นร่างสูงก็ล่องลอยไปบนท้องนภาปล่อยให้พริ้มพราวยืนงงกับการกระทำเมื่อครู่คนเดียว
"แล้วคุณจะรู้วันเกิดหนูหรอคะ"
หญิงสาวเอ่ยพึมพัมคนเดียว
"อ้าว ยัยพราวอยู่นี่นี่เอง แม่ไปรับที่โรงเรียนไม่เห็น เขาก็เลยตามหากันให้ทั่ว"
คุณหญิงพริ้งเพชรเดินเข้ามาหาลูกสาว
"ขอโทษค่ะแม่ที่กลับมาก่อนโดยไม่ได้บอก"
พริ้มพราวเดินเข้าไปกอดผู้เป็นแม่อย่างอุ่นใจ เธอคิดว่าจะไม่ได้กลับมาเสียแล้ว
"ไม่เป็นไร คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ไปไหนต้องโทรบอกแม่ก่อนเข้าใจมั้ย"
ในระหว่างที่สองแม่ลูกยืนคุยกัน เจนิสันก็ยิ้มออกมา เขาจะเฝ้ามองเด็กสาวคนนี้ทุกวัน ไม่มีวันห่างไปไหนแน่นอน เขาโรคจิตหรือเปล่าน่ะที่หลงรักเด็กอายุสิบสองปี....