ตอนที่ 2
“เฮ๊ย! นั่นพี่เรนคนที่มึงชอบตอนที่อยู่อนุบาลนี่หว่าน้ำเน่า” ริวอุทานออกมาไม่ดังมาก พลางใช้ขาสะกิดคนที่นั่งหมอบอยู่ข้างล่าง
ปึก!
“โอ๊ย! ไอ้เหี้ยริว มึงอย่าโวยวายได้ป่ะวะ กูเห็นแล้วว่าคือพี่เรน อย่าทำตัวตื่นตูมดิ มึงดูกูเป็นตัวอย่าง ขนาดคนที่ชอบมาอยู่ตรงหน้ากูยังเฉยๆเลย” น้ำค้างอุทานออกมาด้วยความเจ็บ เมื่อเข่าของริว
กระแทกเข้ามาที่บริเวณหน้าผาก มือทั้งสองก็พยายามดันขาของเพื่อนให้ออกห่าง ขณะที่ปากก็ยังขยับบ่นนั่นบนนี่ไปเรื่อยตามประสาคนพูดมาก
“แทบจะมุดดินหนีขนาดนี้ มึงยังจะคิดว่าตัวเองเฉยๆอีกเหรอวะ” ชินว่าน้ำค้างออกมาอย่างไม่จริงจัง น้ำค้างเองก็ไม่ได้สนใจเสียงของเพื่อนแล้วตอนนี้ เด็กหนุ่มเปลี่ยนจากนั่งยองๆในตอนแรก เป็นหมอบราบไปกับพื้น มือก็พยายามเอื้อมจับเก้าอี้ที่อยู่แถวนั้นมาบังตัวเองเอาไว้ เพื่อนทั้งสองก็มองการกระทำของน้ำค้างนิ่งๆ ก่อนจะพาส่ายหน้ากันไปมาแล้วหันกลับมาทานข้าวในจานต่อ พวกเขาคิดว่าถ้าน้ำค้างจะทำอะไรต่อไปก็ปล่อยให้มันทำไปเถอะ ถ้ามันคิดว่าสบายใจ
“อ้าว พึ่งกลับมาบ้านเหรอเรน ไม่เจอกันนานเลยหล่อขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย” ป้านิ่มรับไหว้พร้อมกับพูดทักทายออกมา
“ป้า ของผมๆ คนนี้อ่ะของผม” น้ำค้างพูดบ่นออกมาอยู่คนเดียวไม่ดังมาก เรนคือผู้ชายคนเดียวที่น้ำค้างชอบมาตลอด เขาเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนของน้ำค้าง แต่ได้ย้ายไปเรียนที่กรุงเทพเมื่อหลายปีก่อนพึ่งจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งก็วันนี้ น้ำค้างเองก็ยังคบกับผู้หญิงตามประสาวัยรุ่นผู้ชายทั่วไป แต่เขาก็ชอบเพียงแค่ผู้ชายที่ชื่อเรนคนนี้คนเดียวเท่านั้น
“ผมกลับมาฝึกงานน่ะครับ ปีสุดท้ายแล้ว”
“จะเรียนจบแล้วสิ ว่าแต่ฝึกงานอะไรล่ะ” ป้านิ่มยังคงยืนคุยกับเรนโดยไม่สนใจลูกค้าที่กำลังนั่งรออาหารที่สั่งอยู่เลยสักนิด
“เป็นหมอน่ะครับ” เรนตอบออกมาด้วยความสุภาพ เขาเป็นนักศึกษาแพทย์ที่เรียนอยู่ปีสุดท้ายแล้ว จึงต้องมาฝึกงานก่อนจบ เขาเคยฝึกงานที่กรุงเทพมาก่อนแล้ว ถือว่าเป็นคนที่เก่งและมีประสบการณ์มากพอที่จะบรรจุเป็นหมอได้ทันที
(หมอครับ ผมอยากโดนฉีดยา) น้ำค้างแอบคิดในใจ
“ดีๆ มีหมอหล่อแบบนี้สาวๆจะได้แห่กันไป แล้วนี่จะกินอะไรดีล่ะเดี๋ยวป้าทำให้” ป้านิ่มพูดแซวออกไป เรนก็ได้แต่ยิ้มรับ แล้วพูดสั่งอาหารที่ตัวเองจะทาน เมื่อได้แล้วก็พูดคุยกับป้านิ่มเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากร้านไป พอเห็นว่าเรนไปแล้วน้ำค้างจึงได้ขยับตัวและลุกออกมาจากใต้โต๊ะ กลับมานั่งยังเก้าอี้ตามเดิม
“ทำไมมึงไม่เดินออกไปทักพี่เรนวะ” ชินถามออกมา
“กูกลัวพี่เรนจำกูไม่ได้” น้ำค้างพูดออกมาเสียงแผ่ว แต่ก่อนตอนที่เรนยังคงเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับน้ำค้าง เด็กหนุ่มพยายามเข้าหาเรนตลอดเวลา แต่ดูเหมือนเรนจะไม่เคยจำเด็กหนุ่มได้สักที อย่างเช่นวันนี้ไปหา แนะนำตัวเองอะไรเสร็จเรียบร้อย พอวันรุ่งขึ้นไปอีก คำถามที่เด็กหนุ่มมักจะได้กลับมาตลอดจากปากร่างสูงคือ “น้องคือใครเหรอครับ” ด้วยคำๆนี้มันจึงทำให้เด็กหนุ่มไม่สามารถพัฒนาความสำพันธ์กับร่างสูงได้เลย เจอกันทีไรก็ถามแต่ชื่อ แล้วมันจะพัฒนากันได้ยังไงล่ะ
“แล้วมึงจะไปหลบใต้โต๊ะทำไมวะ ในเมื่อเขาจำมึงไม่ได้ ควายจริงๆ”
ผลั่วะ!
“อย่าว่าเพื่อน” ริวว่าออกมาอย่างไม่จริงจังเมื่อตบหัวชินเรียบร้อย ชินใช้มือลูบหัวตัวเองป้อยๆแล้วนั่งหุบปากอย่างสงบเสงี่ยม
“พี่เรนจำมึงไม่เคยได้ใช่มั้ย” ริวถามออกมา
“ใช่” น้ำค้างพยักหน้าตอบรับออกไป
“ถ้ามึงอยากให้เขาจำมึงได้ตลอดกูก็พอจะมีวิธีนะ” ริวยังคงพูดออกมาอีก ทำให้น้ำค้างกับชินหันไปมองยังคนพูดเป็นตาเดียว
“ยังไงวะ” น้ำค้างกับชินถามออกไปด้วยความงงงวยกันทั้งคู่
“ก็ทำให้ตัวเองเป็นที่น่าจดจำไงวะ”
“ทำให้ตัวเองเป็นที่น่าจดจำน่ะเหรอ” น้ำค้างพึมพำออกมาคนเดียวภายในห้องสี่เหลี่ยมที่สุดแสนจะสกปรกและรกรุงรังเหมือนป่าอเมซอนที่เป็นห้องนอนของน้ำค้างเอง เห็นสกปรกขนาดนี้แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่มีแมลงสาบหรือหนูมาเดินเผ่นพ่าน
มันไม่ใช่อะไร คือมันสกปรกจนแมลงสาบยังเอือมระอาพากันย้ายรกรากไปอาศัยอยู่ที่อื่น ไม่รู้ว่าน้ำค้างควรจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ที่ขนาดแมลงสาบยังไม่กล้าอยู่ด้วย
น้ำค้างยกแขนขึ้นมาพาดบนหน้าผากของตัวเอง สมองก็คิดไปถึงเรื่องทีริวพูดเอาไว้เมื่อตอนช่วงเย็น
