บทที่ 2
สามเดือนต่อมา...
แม้นศรีปรือตาขึ้นอย่างลำบาก รู้สึกปวดตุบๆ เล็กน้อยที่บริเวณสันกราม เธอนวดกล้ามเนื้อบริเวณนั้นไปมา แล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง ตาเหลือบมองนาฬิกา แล้วก็ตาลีตาเหลือก รีบคว้าเอาผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้ พลางก้าวยาวๆ จะไปเข้าห้องน้ำ ปากก็บ่นพึมพำไปด้วย
“ตายล่ะ ตายแล้ว สายแน่ๆ สาย...เอ...สาย...สายแล้วทำไมหว่า”
เหมือนสติจะกลับคืนมาเต็มที่ หญิงสาวขมวดคิ้ว ก่อนจะยักไหล่ เธออยู่ตรงหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ ที่ส่องให้เห็นเงาสะท้อนของเธอ ที่ทำให้แม้นศรีกะพริบตาปริบๆ เกือบจะผงะ เพราะนึกว่าผีหลอก! เพราะมันไม่ใช่รูปร่างหน้าตาของตัวเธอที่คุ้นชินมาตลอดสามสิบปี
ผีที่ไหนกันน่ะ นั่นมันไม่ใช่ผีนะยะนังแม้น เงาสะท้อนของนางฟ้าชัดๆ
หญิงสาวหน้าเรียวรูปไข่ นัยน์ตากลมโตเป็นประกาย คิ้วเรียงสวยได้รูป จมูกโด่งเรียวปลายเป็นรูปหยดน้ำ ริมฝีปากบางสีเรื่อ ใบหน้านวลขาวผ่องไร้สิวฝ้าล้อมกรอบด้วยผมยาวสลวยสีน้ำตาลอ่อน รูปร่างผอมเพรียว หน้าอกขนาดสามสิบสี่นิ้ว ที่ดันออกมาอย่างเห็นได้ชัดภายใต้เสื้อกล้ามที่เธอใส่นอน เห็นร่องอกอย่างเซ็กซี่ เอวคอดเล็ก นี่มันเป็นใบหน้าและรูปร่างของผู้หญิงที่แสนจะเพอร์เฟค สวยระดับดาราเลยก็ว่าได้
ใช่...
นางฟ้าชัดๆ
แม้นศรีเชิดหน้าขึ้น มองตนเองอย่างภาคภูมิใจ ต่อไปนี้ใครจะมาว่าเธอขี้เหร่ไม่ได้อีกแล้ว และวันนี้ ที่งานเลี้ยงรุ่นมอสามหนนี้ ทุกคนจะต้องตะลึงลาน เมื่อเห็นแม้นศรีคนนี้ในรูปลักษณ์นางฟ้า หาใช่อีแม้นคนขี้เหร่แบบเดิม เธอไปศัลยกรรม อัพเครื่องมาทั้ง หน้า นม เงินสามสิบล้านที่เธอได้มา แบ่งบางส่วนให้บิดามารดาแล้วเรียบร้อย ส่วนหนึ่งกันไว้เป็นทุน และส่วนหนึ่งที่เธอทุ่มทุนทั้งเงิน ทั้งเจ็บตัว นั่นก็คือการเอามาศัลยกรรม เพื่อลบล้างปมด้อยคำว่าขี้เหร่!
เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิตของแม้นศรีจริงๆ เธอยอมเจ็บตัวและเก็บตัวอยู่ถึงสามเดือน เพื่อให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง มีเพียงเพื่อนรักสองคนคือก้องภพและทิพย์ทิวา แต่ทั้งสองก็ผลัดเวียนกันมาดูแลเธอตอนแผลยังช้ำ บวม และเธอน่ากลัวยังกะผี ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ ได้แต่นั่งหลับ เพราะกลัวซิลิโคนที่เสริมไว้จะไหล จะทำให้จมูกเบี้ยว คางเบี้ยว เพราะความที่เสริมนมทำให้เธอยกแขนไม่ค่อยได้ไปเกือบอาทิตย์ ต้องพันตัวไว้ยังกะมัมมี่ สภาพเหล่านี้เธอไม่เคยให้พ่อแม่หรือญาติๆ ได้เห็น เลยแม้แต่น้อย เพราะพวกท่านไม่เคยสนับสนุนให้เธอต้องเจ็บตัว ผลข้างเคียงของศัลยกรรมไม่ได้สวยหรูเสมอไปเสียด้วย และพวกท่านเห็นด้านลบมากกว่าด้านดี พลางบอกกับเธอซ้ำๆ ก่อนที่เธอจะไปทำศัลยกรรมว่า
‘หนูน่ะไม่ได้ขี้เหร่นะแม้นเอ๊ย อีกอย่างหนึ่ง คนเราไม่ได้คบกันที่หน้าตา นิสัยใจคอต่างหากเล่า ที่จะทำให้มิตรภาพยืนยง ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพของคนรัก หรือมิตรภาพแบบเพื่อน’
แล้วไอ้เพราะความขี้เหร่ของเธอนี่รึเปล่าล่ะ มันถึงทำให้ไม่มีใครมาจีบเธอ
เพราะไอ้ความขี้เหร่นี่รึเปล่าล่ะ ทำให้เธอมีเพื่อนน้อยเหลือเกิน
และเพราะไอ้ความขี้เหร่นี่แหละ ทำให้แม้นศรีกลายเป็นคนปากจัด ไม่ยอมคน เพราะภาพในสมัยอดีตที่เวียนวนซ้ำๆ ว่าเธอถูกรังแก ตกเป็นลูกไล่ ก็เพราะไอ้หน้าตาบ้านๆ ธรรมดาจนค่อนขี้เหร่นี่ล่ะคือสาเหตุหลัก ที่ทำให้เธอโดนพวกนังหัวโจกแกล้งซ้ำซาก
สรุปแล้วหน้าตาธรรมดาแต่จิตใจดี มันก็ไม่เห็นจะมีอะไรดี ยิ่งมาหน้าตาขี้เหร่ด้วย มันก็ยิ่งไปกันใหญ่
สี่วันนี้เพื่อนสองคนของเธอไม่ได้มาหา เพราะต่างคนมีธุระ แล้วแม้นศรีก็พอจะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นภาพตัวเองเต็มตาหลังจากที่ทุกอย่างเข้าที่ หายยุบหายบวม มันทำให้เธอมองตัวเองด้วยความภาคภูมิ หมุนไปหมุนมาหน้ากระจก
โอ...คุ้มกับเงินเฉียดล้านที่จ่ายไปจริงๆ เธอลงทุนหาแพทย์มือดี แบบลงทุนถึงไหนถึงกัน แล้วมันก็คุ้มค่าคุ้มราคาชะมัด
“ไม่น่าเชื่อจริงๆ นี่เราเหรอ”
หญิงสาวถามเงาสะท้อนในกระจก แล้วยิ้มกว้าง เงาสะท้อนนั้นยิ้มตอบเธอ ภาพใบหน้านั้นงดงามราวกับนางฟ้า ยังกับไอดอลเกาหลีก็ไม่ปานเลยทีเดียว
สวย...สวยจริงๆ เลยเรา
ชื่นชมกับความงามของตนไปอีกหลายสิบนาที ก่อนที่จะออกมาจากห้องน้ำได้ เธอไม่ต้องเร่งต้องรีบ แหกหูแหกตาไปทำงานประจำอีกแล้ว เพราะเธอลาออกแล้วเรียบร้อย ตอนนี้เธอคือแม้นศรีคนใหม่ แบบว่าสวย...มาก...และก็รวย...มาก จะไปทำงานทำไมให้เหนื่อยกับการเป็นลูกจ้างคนอื่น ตอนนี้เธอจะเริ่มต้นชีวิตแบบเซเลบล่ะ ทุนก็มีแล้ว สมองเธอก็มี ใช้เงินต่อเงินสิคะ เด็ดขาดดี และรวยแน่ๆ ไอคิวระดับ 180 แถมยังปราดเปรื่องเรื่องเงินๆ ทองๆ มันไม่อยากหรอกถ้าเธอจะใช้เงินก้อนที่ได้มาให้เป็นประโยชน์และยิ่งทวีค่ามากขึ้น
“โฮะๆๆๆ”
จู่ๆ ก็อยากจะหัวเราะให้ลั่นห้อง ให้ฉ่ำใจเสียอย่างนั้น แม้นศรีหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข โอ...เงินนี่มันเนรมิตทุกอย่างมาได้จริงๆ เคยได้ยินคำคมกล่าวไว้ว่า ทำบุญสวยชาติหน้า ส่วนทำหน้าน่ะสวยชาตินี้ ก็ตามนั้น เธอเลยยอมเจ็บตัวเพื่อให้ได้สวยมันชาตินี้แหละ ก็ชาติหน้าไม่รู้จะมีจริงรึเปล่าน่ะสิ
เสียงกดออดดังขึ้น แมนศรีเลิกสำรวจตัวเอง แล้วค่อยๆ เดินเพราะตอนนี้หน้าอกของเธอมันสะเทือนดึ๋งๆ เพราะขนาดทำให้เธอยังไม่คุ้นชินและแปลกที่แปลกนมยังไงพิกล...ก็คนเพิ่งจะเคยนมสามสิบสี่ จากที่สามสิบเอ็ดนิ้วครึ่ง อัพมาอีกหลายไซส์ มาได้ไม่กี่วัน จะให้ชินก็คงยัง ต้องใช้เวลาสักพัก
ดูจากทางตาแมวแล้วเห็นว่าเป็นใคร แม้นศรีก็จัดท่ารอแขกของเธอในทันที ด้วยท่ายืนโพสราวกับนางแบบอาชีพ บิดเอว เอาแขนข้างหนึ่งท้าวสะโพก เมื่อเปิดประตูให้แขกแล้ว เธอก็มือข้างนั้นชูขึ้น เพื่ออวดรูปร่าง แล้วเชิดหน้า ทำปากเจ่อน้อยๆ อีกด้วย คนที่ก้าวเข้ามาถึงกับตะลึงจนตาค้าง เขากะพริบตาปริบๆ เมื่อเธอสะบัดหน้าหันมา พร้อมกับยิ้มสวย แล้วเอ่ยเสียงเซ็กซี่
“ว่ายังไงคะ คุณก้องภพ เลท มี อิน เรียบร้อยแล้ว หายบวมแล้ว นางฟ้ารึยัง”
“เอ่อ...อุ๊บ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงหัวเราะดังก้อง แล้วก้องภพก็ลงไปนอนกลิ้ง ขำเอา ขำเอา เล่นเอาคนที่กำลังตั้งท่านางแบบถึงกับท้าวเอวฉับ แล้วตวาดแว้ด
“เป็นบ้ารึไงไอ้ถั่ว”
“แกต่างหาก ทำบ้าอะไร เมนี่ หึๆ”
“เอ้า!”
แม้นศรีค้อนขวับ นึกเคืองขึ้นมาทันที รึว่ากระจกมันหลอกตา รึว่าเธอไม่สวย หน้าบวม คางโย้ ดั้งเบี้ยวรึเปล่าฟ่ะ คิดแล้วก็เดินก้าวยาวๆ ไปหน้ากระจก มองส่องสำรวจตรวจตราอย่างละเอียด งานละเมียดคุ้มที่จ่ายไปเฉียดล้าน ก็ไม่มีบิดเบี้ยว แถมยังดูสวยดีนี่นา
“เป็นอะไร?”
ก้องภพลุกขึ้นมาได้แล้ว ยืนกอดอก มองอาการของเพื่อนรักตาพราว พลางเอ่ยถาม แม้นศรีหันขวับ เธอเชิดหน้าแล้วยักไหล่ พร้อมกับเอ่ยเสียงมั่นใจดั่งเดิม
“แกต่างหากล่ะเป็นอะไร ฉันสวยออกจะขนาดนี้ ไม่ตกตะลึงเป็นเกียรติแก่ความงามของเพื่อนสักนิดเหรอยะ อีตาถั่ว แผลหายบวมแล้วนะนี่”
“สวยสิ”
ก้องภพมองใบหน้าของคนตรงหน้าอย่างสำรวจ ใช่..แม้นศรีสวยขึ้นมา ชวนตะลึงอย่างเจ้าตัวว่านั่นแหละ แต่จะอย่างไร เขาก็รู้สึกว่า เธอคือเธอคนเดิม
“แต่เมนี่ก็คือเมนี่คนเดิมของถั่วนั่นแหละ”
“เน่าอะ”
แม้นศรีย่นจมูก เธอเกาะแขนเพื่อนซี้อย่างประจบประแจง เป็นอาการเวลาที่อยากให้ก้องภพทำอะไรให้