บทที่ 1
“เลขบ้าเลขบออะไรกันนี่ ฉันซื้อมาได้ยังไงกันนะ ดูสิ 008009 เลขประสาทๆ แบบนี้ เสือกซื้อมาชุดใหญ่อีกนะเรา ตั้งสิบใบ โอ๊ย...นี่เพราะความเครียดแท้ๆ เลยหยิบไม่ดูเลย ไอ้ถั่ว แกเองก็ไม่ห้ามกันเลยนะ”
บ่นไม่พอ หันมาพาลคนข้างๆ ที่กำลังดูดชานมเพลินๆ เล่นเอาถั่ว รึชื่อเล่นที่คนอื่นเรียกคือเติ้ล มีชื่ออย่างเป็นทางการตามบัตรประจำตัวประชาชนว่า ก้องภพ หันมองเพื่อนรักวัยเด็กของตน แล้วกะพริบตาปริบๆ ยังไม่ทันอ้าทันเอ่ยปากตอบโต้ เจ้าหล่อนก็บ่นออกมาต่ออีกยาวยืด
“ยัยทิช่าอีกคนนะ ไม่ห้ามกันเลย แล้วจะเอาตังค์ไหนไปซื้อชุดงานเลี้ยงรุ่นล่ะนี่ งานนี้นี่กะจะเกิดเลยนะ ขอบอก”
“เกิดแบบไหนรึ แม้น เกิดแบบตายไปเลย รึว่าเกิดแบบจริงจัง”
พ่อถั่วของเพื่อน พูดจาน่าตบสักทีจริงๆ แม้นศรีหันไปค้อนขวับ แล้วบ่นขมุบขมิบ ก้องภพได้แต่หัวเราะขำท่าทางของเธอ แล้วสั่นหน้าน้อยๆ
แม้นศรี ใช่...พอศอนี้ยุคนี้ยังมีคนชื่อนี้อยู่ แถมยังเป็นสาวโสดสนิทอายุสามสิบปีบริบูรณ์ไปหมาดๆ เมื่อสองวันก่อน งานเลี้ยงวันเกิดที่แสนจะ...เฮฮาและเมาปลิ้น เธอเลยทำใจป๋า เอ...เป็นผู้หญิงใช้คำนี้ได้รึเปล่าหว่า น่าจะได้นะ ทำใจใหญ่ซื้อลอตเตอรี่ชุดใหญ่จากแม่ค้าที่ตาบอด ทั้งที่เป็นเงินก้อนสุดท้ายของเดือนแล้วนะนั่น หมดค่าเหล้าไปสองพันกว่า ค่าหวยอีกเกือบพัน เลขประหลาดอีกต่างหาก จะซื้อมาทำไมกันเนี่ย แล้วเหลืออีกตั้ง...คุณพระ อีกตั้งสิบกว่าวันจะเงินเดือนออก เธอหันขวับไปมองก้องภพทันที นัยน์ตาขวางๆ นั่นทำให้เขารีบโบกมือห้ามไว้ก่อนอย่างร้อนตัว
“บอกว่าให้เรียกว่าเมนี่ย่ะ”
“อะไรเล่า ล้อนิดเดียว โกรธมากรึยังไง อย่ามาจี๋ๆ กันนะ เมนี่ ฉันบ้าจี้”
“เปล่าเสียหน่อย จะขอยืมตังค์ตะหาก ถั่วคะ ถั่วขา คือตังค์หมดแล้วอ่ะ เหลือแค่สามร้อยนิดๆ ในบัญชี จะถอนมาก็น่าเกลียด ถึงถอนมาก็ช่วยเหลืออะไรชีวิตไม่ได้ ขอเพื่อนยืมตังค์หน่อยน้า”
ว่าแล้วก็กอดแขนเพื่อนสนิท เอาแก้มถูไถไปมา ก้องภพเลยดันหน้าเธอออก พร้อมกับโวยวายเสียงดังจนเกินจริง
“ไปไกลๆ เลย ให้ยืมก็ได้ แต่อย่างมาทำอี๋อ๋อแบบนี้ มันสยิว เดี๋ยวได้เสียกันจะลำบาก ฉันไม่อยากมีเมียขี้เหร่เว้ย”
“ไอ้เลวถั่ว”
คำว่าขี้เหร่ กระแทกใจเข้าอย่างจังดังเปรี้ยง! แม้นศรีถึงกับหน้างอ น้ำตาคลอขึ้นมาเลยทันที คนตั้งใจจะหยอกเอาฮา แต่ชักจะไม่ฮาเสียแล้ว ได้แต่ทำหน้าเจื่อน เขาดึงเธอมาโอบไว้แล้วลูบผมให้เบาๆ อย่างปลอบใจ น้ำเสียงนั้นอ่อนโยน แบบที่แม้นศรีจำได้ทุกหน ว่าเธอมีเพื่อนคนนี้ไว้ซับน้ำตาไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่ เวลาที่โดนล้อเลียน โดนแหย่ โดนแกล้งเรื่องรูปร่างหน้าตา
“ขอโทษ ล้อเล่นเฉยๆ เมนี่ไม่ได้ขี้เหร่หรอกน่า ล้อเล่นๆ ให้ยืมไปเลยสี่พัน พอใช้ถึงปลายเดือนไหมจ๊ะคนสวยของเพื่อน เดี๋ยวบ่ายนี้หวยออก เราก็ลุ้นกันเล่นๆ สนุกๆ เผื่อเลขประหลาดของแกจะนำโชค”
“ขอบใจมากนะตาถั่ว ให้อภัยข้อที่หาว่าเราขี้เหร่ล่ะ”
แม้นศรีก็คือแม้นศรี ที่พร้อมจะยิ้มทั้งน้ำตาให้กับเขา
ขี้เหร่...
คำๆ นี้ติดอยู่กับตัวเธอราวกับแปะกาวตราช้างแมมมอธ ตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอมักจะโดนล้อเลียน เนื่องจากอุปนิสัยที่นิ่ง แหย รูปร่างที่ผอมสูงโย่ง ทำให้แปลกจากเด็กคนอื่น พวกหัวโจกตัวร้าย มักจะเอาแม้นศรีเป็นเป้าแกล้ง แกล้ง และก็แกล้งสนุกดีเสียด้วยสิ น่าแกล้งตั้งแต่ชื่อล่ะ แม้นศรี ชื่ออันแสนเชยนี่อยากจะเปลี่ยนแทบขาดใจ แต่ก็เปลี่ยนไม่ได้ เพราะพ่อกับแม่ไม่ยอม ชื่ออันเป็นมรดกที่สืบทอดมาจากยายของเธอ แม่ของเธอฝันว่าตอนท้องยายขอมาเกิด และเธอก็ได้ชื่อแม้นศรีมาครอบครอง และห้ามเปลี่ยนจนกว่าจะตัวตาย!
ใบหน้าแม้จะเรียวได้รูป แต่มีสิวบุกเพราะผิวหน้าเธอมัน นัยน์ตาชั้นเดียวยาวรี จมูกแบนไปนิด โหนกแก้มสูงไปหน่อย ริมฝีปากอิ่มแบบแองเจลิน่า โจลี่ มาอยู่ใบหน้าเธอมันดันไม่เซ็กซี่มันดันอุบาทไปเสียอย่างนั้น หูกางไปนิด ดีที่ว่าเธอผอม ข้อดีที่สุดในชีวิต ไม่อย่างนั้นก็ครบถ้วนสมบูรณ์แบบของความขี้เหร่
อ้อ...นมเธอก็...เล็กแค่สามสิบเอ็ดนิ้วครึ่ง สรุปว่ามันมีอะไรดีไหมนี่ ในหูของแม้นศรีก้องแต่คำว่าขี้เหร่ ขี้เหร่ ขี้เหร่ มาตั้งแต่จำความได้ เฮ้อ...
ชีวิตมันแสนจะบัดซบจริงๆ
ตอนนี้ดูดีขึ้นบ้าง เพราะหน้าของเธอไม่ได้มันจัดเหมือนตอนวัยรุ่น ฮอร์โมนเพศน้อยลง ทำให้สิวน้อยลง แต่พิษที่แกะไว้ทำให้หน้าเธอเป็นรอยด่างๆ ดำๆ แม้นศรีคิดอย่างปลงๆ ว่า เอ้า...ไหนๆ ก็ขนาดนี้ล่ะ หน้าด่างอีกหน่อยจะเป็นไรฟ่ะเรา เลยแกะเล่นมันเสียเลย ผลพลอยได้ก็คือรอยตามหน้าตา
“เดี๋ยวฉันไปส่งซื้อชุด”
ก้องภพว่า ทำให้หล่อนตื่นจากภวังค์อันแสนขมขื่น เธอถอนใจเฮือก แล้วพยักหน้า จริงสินะ ทางที่ดีถ้าจะให้ไปแจ้งเกิดที่งานเลี้ยงรุ่นอย่างปากว่า เธอควรจะไปทำศัลยกรรมแบบ แบบตัดหัวทิ้งไปเลยดีไหมอะ
เฮ้อ...
“อื้อ จริงๆ ใส่อะไรก็ได้ว่ะ ถั่ว คือ...ยังไงฉันก็สภาพนี้อ่ะแก ใครๆ ก็สนใจเบ้าหน้าฉันเสียยิ่งกว่าการแต่งตัวอีกอ่ะ ดูสิ หน้าปรุ ปากห้อย หูกางขนาดนี้”
ก้องภพมองหน้าของเพื่อนรักตั้งแต่เยาว์วัยของตน ก่อนจะสั่นหน้าน้อยๆ แล้วตบบ่าของแม้นศรีเบาๆ อย่างปลอบโยน
“เอาน่า...คนเราน่ะ จะงาม งามที่ใจ ใช่ใบหน้านะ”
“แต่คนเราสมัยนี้ ก็วัดกันที่หน้า ก่อนจะไปวัดกันที่ใจอยู่ดี” แม้นศรีเถียง นัยน์ตาของเธอมีน้ำตาคลอๆ ไอ้ความขี้เหร่นี่ ถ้ามันเสกให้หายไปได้ก็คงจะดีเอาเสียมากๆ
“ก็เพราะแบบนี้ยังไงล่ะ ฉันถึงไม่มีคนมาจีบเสียที ค้างเติ่งบนคานมานิรันดร์ตั้งสามสิบปี แต่ก็ดีนะแก มีทิช่ามันเป็นเพื่อน ส่วนแกน่ะ มันไอ้เพื่อนทรยศ หนีไปมีแฟนตั้งสองสามหน เชอะ!”
“อ้าว อ้าว ปากรึนั่น ตอนนี้ไม่ทรยศแล้วนะ เพิ่งโดนสาวหักอกมา เออ...ไหนๆ แกก็บ่นเรื่องหวยล่ะ ลองตรวจหน่อยดีไหม เผื่อจะถูกรางวัล”
“มันจะถูกเร้อ”
เธอว่า แต่ก็เปิดโทรทัศน์ หาช่องที่มีการถ่ายทอดสดการออกสลากกินแบ่ง พอดีกับการออกเลขรางวัลที่หนึ่ง แต่แม้นศรีหันหลังให้เสียอย่างไม่สนใจ เธอหยิบเอาโทรศัพท์มือถือมาเปิดดูเล่น ส่วนก้องภพกำลังลุ้นอย่างจริงจัง
“รางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 ตุลาคม 25... เลขที่ออก 008009 อีกครั้งหนึ่งนะคะ เลขที่ออก 008009 และรางวัลข้างเคียง...”
“ไอ้แม้น แกซื้อหวยเลขอะไรมานะ ที่บอกว่าเป็นเลขพิกลน่ะ”
ตาของก้องภพดูเหลือกกว่าปรกติ เมื่อมองสบตาเธอ แม้นศรีไม่ได้ยินอะไรเพราะตอนนี้เธอกำลังเสียบหูฟังเพลงในยูทูปอยู่
“หืม? แม้นเมิ้นอะไรบอกให้เรียกเมนี่ เมนี่ย่ะ”
“แกซื้อเลขอะไร้”
ทำไมต้องทำเสียงสูงปรี๊ดขนาดนั้นด้วยนะ ตาถั่ว แม้นศรีถอนใจ พลางย่นจมูก เลขประหลาดแบบนี้ มองครั้งเดียวก็จำได้แล้ว
“008009”
“008 009”
เสียงของก้องภพสั่น หน้าของเขาก็แดงก่ำ เขากระโจนพรวดเดียวถึงตัวเธอ พร้อมกับร้องตะโกนด้วยความยินดีสุดขีด
“แม้น! ยัยแม้น! ไอ้แม้น! แกถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง”
“หะ หา!” หนนี้คนตาเหลือกกลับเป็นแม้นศรีเสียเอง
“ฉันถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง เอื้อก!”
แล้วสติของเธอก็วูบดับลงไปซะอย่างนั้น!!