บทที่ 3
“มานั่งนี่ก่อนสิเพื่อนถั่ว นั่งโซฟานุ่มๆ เดี๋ยวฉันจะเร่งแอร์อีกนิด แกจะได้เย็นฉ่ำๆ ดูซีรีย์รึเปล่า หนังสืบสวนที่แกติดหนึบๆ น่ะมาซีซั่นใหม่แล้วนะ”
“จะเอาอะไร?”
คนรู้ทันพูดเสียอย่างนั้น แม้นศรีก็ถอนใจ แล้วทำตาปริบๆ อย่างอ้อนๆ คนตรงหน้าเขาสวยขึ้นจริงๆ ก้องภพคิดในใจ เหมือนไม่ใช่เพื่อนเขาคนเดิมเลยสักนิด เธอเปลี่ยนไปหมด ทั้งรูปร่างหน้าตา แต่นัยน์ตานั้น ก็ยังคงเป็นเพื่อนซี้ เพื่อนรักของเขาคนเดิม คนที่เคยสนิทสนมกันมาตั้งแต่ห้าขวบ
“ไม่ไปด้วยจริงๆ น่ะเหรอถั่ว แกจะปล่อยให้ฉันไปกับทิช่าสองต่อสองจริงๆ นะหรือ?”
“อืม มีงานน่ะ ไปไม่ได้จริงๆ งานวันแซยิดของอากง ญาติต้องครบ ไม่ไปไม่ได้”
“ฉันไม่มั่นใจเลยอะ ไปกับทิช่าแค่สองคนด้วย” แม้นศรียกแขนขึ้นเท้าคาง พลางนั่งขัดสมาธิบนโซฟาใกล้ๆ กับเพื่อนสนิท
“ไม่มั่นใจอะไร คุณเมนี่”
“ก็...”
แม้นศรีขมวดคิ้ว นึกถึง...
‘อร๊ายย นังแม้น ชื่อหล่อนน่ะ โบร้าณ โบราณ เหมือนชื่อคนรับใช้ในหนังย้อนยุคของละครหลังข่าวเลย อี๋ๆ เชย ใครนั่งติดกับนังแม้นเชย อี๋ๆๆๆ’
‘นังแม้นหูกาง นังแม้นสิวเขรอะ อย่าไปใกล้นะ แตะตัวนังแม้นเดี๋ยวจะติดสิว อร๊าย ติดสิว ติดสิว ติดสิว!’
ภาพของเด็กสาวร่างเพรียวสมส่วน ใบหน้าสวยน่ารัก รับกันดี ผมยักศกเป็นลอนน้อยๆ ราวกับสปริงเด้งดึ๋งๆ เวลาเจ้าตัวเดิน ตะโกนใส่เธอ ด้วยถ้อยคำปรามาสอย่างสนุกสนาน พร้อมกับท่าทางรังเกียจราวกับเธอเป็นโรคร้าย รวมถึงพาเพื่อนๆ ในห้องรังเกียจเธอไปด้วย แม้นศรีไม่มีคนเข้าใกล้ เพราะเวลาเดินเฉียดเธอ เด็กหัวโจกคนนี้ก็จะเริ่มนำเพื่อนๆ ตะโกนล้อ แล้วก็เหมือนเป็นโรคติดต่อ ที่พานจะต้องมีคนผสมโรงไปด้วยอย่างสนุกสนาน
จนกระทั่งเมื่อทิพย์ทิวาย้ายโรงเรียนมานั่นแหละ โลกอันมืด อึมครึม ไม่อยากไปโรงเรียนในยามประถมของเธอ ถึงพลอยสว่างไสวขึ้นมาบ้าง
‘ตะโกนล้อแม้นกันอยู่ได้ นึกว่าชื่อของตัวเองเพราะ ไฮโซแล้วหรือยังไง โธ่! ยัยกี้ ชื่อยังกับหมาที่บ้านเรา หมาบ้านเราชื่อป๊อกกี้’
เออ...
เธอลืมอีกคนไปได้ยังไงกันนะ นอกจากทิพย์ทิวาแล้วยังมีอีกคนคอยเคียงข้างเธอมาตั้งแต่สมัยอนุบาล
อนุบาล! คุณพระ นี่เธอคบกับผู้ชายคนนี้มากี่ปีแล้วไปแล้วนี่ เกือบเท่าอายุของเธอได้แล้วกระมัง ก้องภพคอยปกป้องเธอ แม้จะพลอยโดนรังแกไปด้วย หากแต่ก้องภพก็ไม่กลัว เขาเลือกที่จะเคียงข้างเธอ พวกเธอสามคนเป็นกลุ่มเพื่อนที่ซี้เสียยิ่งกว่าปาท่องโก๋ ก่อนที่จะแยกกันไปตอนมัธยมปลาย แต่จะอย่างไรแล้ว ก้องภพก็ยังสนิทกับเธอและอยู่ใกล้เธอตลอดเวลาอยู่ดี ก็แหงล่ะ บ้านของพวกเธอปลูกติดกันแทบจะเกยกันเสียแบบนั้น มาตอนเรียนมหาวิทยาลัย แล้วทำงานนี่หรอก ถึงพอจะได้ห่างกันบ้าง...
ก็ไม่ห่างเท่าไหร่นะ ก้องภพยังคอยมาวนเวียน ไปไหนไปกัน มักจะมีทริประหว่างเพื่อนสนิท คือเธอ ทิพย์ทิวาและก้องภพบ่อยๆ ไปกิน ไปเที่ยว สนิทเสียยิ่งกว่าญาติเลยก็ว่าได้ สำหรับมิตรภาพระหว่างเธอกับพวกเขาทั้งสองคน
“มองอะไร?”
ก้องภพขมวดคิ้วอย่างสงสัย เมื่อจู่ๆ เพื่อนรักก็นิ่งไป แล้วตั้งอกตั้งใจมองหน้าเขาอย่างพินิจ
“มองแกไงล่ะ ถั่ว นี่เราคบกันมากี่ปีแล้วนะ”
“ถามทำไมขี้เกียจจะนับ”
ชายหนุ่มว่า แล้วทำท่าจะลุกขึ้น แต่แม้นศรีดึงแขนเขาลงเสียก่อน พร้อมกับเริ่มมองสำรวจเขาอย่างจริงจัง
“แกอายุ 31 ใช่มะ”
“อื้อ”
“ตอนนี้โสด ใช่ปะ”
“ก็เอ่อ...”
คำถามแทงใจจึก เล่นเอาเขาถอนใจ ก็เขาเพิ่งจะเลิกราไปกับอดีตคนรักมาไม่กี่เดือนนี้เอง
“หน้าตาแกก็...ไหนถอดแว่นสิ”
เขาถอดแว่นออก แล้วเชิดหน้าขึ้น พลางเอามือกอดอก เต๊ะท่าทำหน้าหล่อ แต่เล่นเอาแม้นศรีขำกิ๊ก เพราะดูแล้วเหมือนเพื่อนกำลังปวดหนักมากกว่า
“เลิกทำหน้าเหมือนคนอยากไปเข้าส้วมสิ ทำสบายๆ ธรรมชาติๆ เออดีๆ อย่างนั้นแหละ แกนี่ก็หน้าตาดีนะถั่ว เสียแต่ตาตี่ไปนิดหนึ่ง แถมตาชั้นเดียวด้วย ไปกรีดตามะ เดี๋ยวออกตังค์ให้”
“ไม่เอา สวยไปคนเดียวเหอะ อย่ามาชวนฉันไปด้วยเลย คุณเมนี่ ปล่อยๆ จะไปหาน้ำกิน”
“พูดจริงๆ นะ แกไปทำหน้ากับฉันดีกว่า รับรองว่าสาวตรึม แกสูง หุ่นขี้ก้างไปนิดแต่ก็เพาะกล้ามเอาได้ สาวๆ ตรึมแน่นอน ฉันออกตังให้ฟรีๆ เลยนะถั่ว”
“ไม่เอา!” เขาประกาศ เสียงชักจะดุ
“ฉันไม่ชอบศัลยกรรม พ่อแม่ให้มาแล้วแบบนี้ ถึงจะทำ จะเปลี่ยนอะไร แต่ข้างในมันก็คือตัวเราใช่ไหมเล่า ฉันอยากให้คนชอบฉันที่ข้างในมากกว่าหน้าตา”
“น้ำเน่า”
แม้นศรีเบ้ปาก ยอมปล่อยเพื่อนแต่โดยดี
คำนี้เธอพิสูจน์มาล่ะ ว่าถึงจะจิตใจดีแค่ไหน แต่ถ้าหน้าตาขี้เหร่ไป มันก็เท่านั้นแหละ เพื่อนถั่วเอย...
นึกถึงอดีตแล้วก็พานเริ่มเครียดอีกหน ดูทีว่าเธอจะต้องไปฟาดฟันกับ ‘อดีต’ เพียงลำพังเสียแล้ว ในเมื่อองค์รักษ์พิทักษ์เพื่อนอย่างก้องภพไปด้วยไม่ได้หนนี้ งานเลี้ยงรุ่นนี่ จะต้องเหมือนศึกสงครามมหายุทธสำหรับเธอแน่ๆ เพราะทิพย์ทิวาเพื่อนสนิทอีกคนนั้น ถนัดสาขาบุ๋น มากกว่าสาขาบู๊อย่างเธอเสียด้วยสิ
แต่เธอสวยแล้วนะ แม้นศรี...
จะไปกลัวอะไร สวยๆ เชิดๆ ใส่แม่พวกหัวโจกนั่น ถ้าจะมาทำเยาะเย้ยพูดมาก งานนี้เห็นทีจะต้อง
แม่จะตบด้วยแบงค์พัน!