บทที่ 3
ไดอาน่าเดินเข้าไปบ้าง สะท้านอยู่ในเสื้อผ้าเนื้อบาง ๆ นั้น.....สงบเสงี่ยม ดูจะเป็นคำที่บรรดานางแบบทั้งหลายจำเป็นจะต้องใช้โดยเฉพาะในช่วงขณะเช่นนี้ เธอพยายาม จำกัดเขต สายตา ให้อยู่เฉพาะใบหน้าของริคกับคอนนี่เท่านั้น ไม่ใส่ใจกับกลุ่มคาวบอยที่นั่งกันอยู่บนรั้วไม้รอบ ๆ สนามโรดิโอ เพราะรู้ว่าตัวเองคือเป้าหมายสำคัญแห่งเสียงหัวเราะ และเสียงที่พวกเขากระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กัน และยิ่งแต่งตัวเช่นนี้ ยิ่งต้องทำใจให้มั่นคงเข้าไว้
“เอาอย่างนี้ดีกว่า คอนนี่ เราต้องหาที่อื่นที่มั่นเหมาะกว่าโรงเลี้ยงสัตว์อย่างนี้”
ไดอาน่าเดินตามไปด้วยตามหน้าที่ จากปลายหางตานั้นเธอสังเกตเห็นพวกคาวบอยที่ กระโดดลงจากรั้วไม้เดินตามมาด้วยเป็นขบวน ถ้าเพียงแต่เธอจะไม่เบื่อหน่าย มันก็ดูน่าสนุกดีอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกับสีหน้าที่บอกความรำคาญใจอย่างที่สุดของคอนนี่ อันที่จริงสนามโรดิโอนั้นมันก็ไม่กว้างเสียจนจะเดินได้ไม่ทั่ว แต่ในอากาศที่หนาวจนยะเยือกเช่นนี้มันก็ไม่ใช่ระยะทางสั้น ๆ เหมือนกัน ไดอาน่าต้องกอดอกไว้ เพื่อช่วยให้อุ่นขึ้นจากละไอของตัวเอง คาวบอยคนหนึ่ง ทำท่าทางเอื้อเฟื้อ จะให้ไดอาน่าสวมแจ๊กเก็ตของเขา
“นี่....เธออย่าบังอาจเอาไอ้เสื้อหืน ๆ ตัวนั้นมาคลุมทับชุดนี้เชียวนะ” คอนนี่กระซิบอย่างเหี้ยมเกรียม
แม้ไดอาน่าจะปรารถนาในความเอื้อเฟื้อนั้นสักเท่าไร แต่เธอก็ต้องปฏิเสธด้วยการยิ้มให้อย่างขอบคุณขณะนี้ทั้งสามคนได้เดินเข้าไปในบริเวณดินแดงแล้ว ซึ่งมีม้าและคนอยู่ไม่มากนัก และคณะคาวบอยผู้ติดตามก็รีบยึดพื้นที่บนรั้วไม้รอบ ๆ สนามโรดีโอบริเวณนั้นทันทีไดอาน่าเข้าไปยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้าง ๆ ริคและคอนนี่ ซึ่งกำลังปรึกษาหารือกันอยู่ จนกระทั่ง....ริคผิวปากวี๊ดออกมาอย่างพอใจ
“โอ้โฮ....ไอ้หมอนั่นอย่างกับเดินออกมาจากโฆษณาขายบุหรี่แน่ะคอนนี่.... คุณเคยเห็นม้าตัวไหนสวยอย่างนั้นไหมน่ะ.... นี่ละ.... ใช้ได้อย่างดีเลยทีเดียว”
แม้ริคจะออกเดินตรงไปทางนั้นอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังโบกไม้โบกมือวุ่น ไดอาน่าพยายามเดินตามเขาไปติด ๆแวบหนึ่งที่เธอมองตามสายตาของช่างภาพไป ก็ได้เห็นสิ่งที่เขาพูดถึงอย่างตื่นเต้น ตรงด้านที่ไกลออกไปของสนามโรดิโอ ผู้ชายคนหนึ่งกำลังขี่ม้าออกมาตรงช่องที่มีหมายเลข 8 กำกับไว้ ม้าตัวนั้นสีแดงเข้ม ช่วงขาเหมือนสวมไว้ด้วยถุงเท้าสีดำ แผงขนตรงคอและหางเป็นสีดำ ผู้ชายคนที่นั่งอยู่บนหลังมันคือลักษณะในความฝันของผู้ชายทุกคนที่เป็นคาวบอย เขานั่งตัวตรงสง่าผ่าเผยอยู่บนอาน ทุกย่างก้าวของฝีเท้าม้าประสมประสานเป็นจังหวะที่สอดคล้องกับบุคลิกของเขา อย่างน่าชมร่างผึ่งผิวคล้ำ นุ่งกางเกงยีนส์สีน้ำเงินซีด ๆ เข้ากันกับแจ๊กเก็ตผ้าเนื้อหยาบ ขลิบด้วยหนังแกะ สวมหมวกปีกกว้างสีน้ำตาล ซึ่งดึงปีกหมวกหรุบลงปิดไว้ครึ่งหน้า
ทันทีที่เขาเห็นริคโบกมือให้ คาวบอยผู้นั้นก็ชะลอฝีเท้าม้าลงและเดินม้าเข้ามาหา ไดอาน่าจับตามองดูเขาซึ่งนั่งนิ่งฟังริคพูด มีอะไรบางอย่างในอากัปกิริยาของคาวบอยที่ทำให้เธอคิดว่า เขาอาจจะปฏิเสธการที่จะช่วยเป็นแบ็คกราวน์ให้กับการถ่ายภาพของริค ท่าทางของเขาคล้ายจะลังเล เมื่อเหลือบมองมาในทิศทางที่ไดอาน่ากับคอนนี่ยืนอยู่ แต่ในที่สุดก็พยักหน้าอย่างตกลง
ริคทำกิริยาให้ไดอาน่าเดินเข้าไปหาและเธอก็รีบทำตามทันที ช่วงเวลาอันมีค่าได้สูญเสียไปกับการหาสถานที่เหมาะสมมาพอแล้ว ดังนั้นริคจึงไม่ยอมเสียเวลาที่จะแนะนำให้คาวบอยกับนางแบบได้รู้จักกันอีก ไดอาน่าไม่มีเวลาหรือโอกาสที่จะพิจารณาคาวบอยผู้นั้น ทั้งที่อยู่ใกล้ชิดด้วยริครีบร้อนจัดให้เธอเข้าไปยืนอยู่ทางด้านข้างของตัวม้า และเริ่มออกคำสั่งให้ทำท่าทางต่าง ๆ ไดอาน่าอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองผู้ชายคนที่นั่งอยู่บนหลังม้า ขณะที่ริคกำลังชุลมุนอยู่กับการจัดท่าทางและถ่ายภาพเธออย่างเร่งรีบ
ในแววที่ชำเลืองขึ้นมามองนั้น เธอได้เห็นใบหน้าที่คมสัน ผิวคล้ำ ๆ และไรหนวดเคราที่โกนไว้อย่างเรียบร้อย เงาปีกหมวกครอบอยู่บนศีรษะ เป็นการยากที่จะบอกว่าผมของเขาเป็นสีอะไร....ไดอาน่าคิดว่ามันน่าจะเป็นสีน้ำตาล ยิ่งสีของดวงตาคู่นั้นยิ่งดูแปลก เมื่อมองครั้งแรกคล้ายจะเป็นสีเท่า แต่เมื่อมองอีกครั้งก็จะเห็นว่ามันเป็นสีฟ้าเข้ม แต่กระนั้นในการลอบชำเลืองมองทั้งสองครั้ง สิ่งหนึ่งที่ปรากฏเห็นอยู่อย่างถนัดชัดเจนก็คือมันมีแววหยิ่งทระนง ดูราวกับว่าการกระทำทั้งหลายแหล่ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นั้นเป็นการหยามศักดิ์ศรีของเขา มันคล้ายกับมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ได้อาน่าคิดว่า เธอมิได้ขุ่นเคืองไปกับลักษณะความชาเย็นที่ประจักษ์แก่สายตาอยู่ ในทางตรงข้ามออกจะชอบ ๆ เสียด้วยซ้ำ
“เอาเท้าซ้ายขึ้นพาดบน โกลนสิ” ริคสั่ง ใบหน้าของเขามีกล้องบังไว้ “ยืนนิ่ง ๆ เกาะม้าไว้นะ”
ไดอาน่าทำตามที่ได้รับคำสั่ง และพบว่าเธอต้องเกาะไหล่คาวบอยคนนั้นไว้เพื่อจะทรงตัวให้มั่น แนบชิดอยู่กับเสื้อแจ๊กเก็ตที่คลุมอยู่บนไหล่ และกล้ามเนื้อบนต้นแขนของเขา ออกจะเป็นความรู้สึกวาบหวามแบบแปลก ๆ ที่ต้องเข้าไปยืนแนบชิดอยู่กับคนแปลกหน้าขนาดนั้น เมื่อตอนที่ยืนอยู่บนพื้นดิน เธอคิดว่าเขาไม่น่าจะตัวสูงกว่าผู้ชายคนใด แต่ขณะที่ขึ้นมายืนอยู่ตั้งครึ่งตัวม้าเช่นนี้จึงได้เห็นว่าเขาสูงกว่า 6 ฟุตเสียด้วยซ้ำ
“เอาละ ตอนนี้เงยหน้าขึ้นมองเขานะ ไดอาน่า” ริคสั่ง
ดวงตาของเขาเป็นสีเทาจริง ๆ ไดอาน่าออกพิศวงว่าทำไมเธอถึงได้คิดว่ามันเป็นสีฟ้าไปได้ มันเป็นสีเทาคมปลาบเหมือนใบมีด....ไม่ใช่....เธอเปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็ว น่าจะเหมือนหินแกรไนท์มากกว่า มีประกายกร้าวเด็ดเดี่ยวมั่นคงเหมือนหินแกรไนท์จริง ๆ แม้ว่าโครงหน้าของเขาจะเป็นเหลี่ยมและดูกระด้าง ผิวหน้าขรุ ๆ ขระ ๆ เกินกว่าที่จะใช้คำว่าหล่อ แต่ก็ไม่ถึงกับจะหมดเสน่ห์ดึงดูดใจเสียทีเดียว ความเป็นชายของเขาแสดงออกจากทางเรือนร่างที่สง่าผ่าเผย และความเป็นตัวของตัวเอง แสดงออกอยู่ตรงริมฝีปากคู่นั้น ดั้งจมูกมีรอยบุ๋มซึ่งคงจะเป็นเพราะหักมาก่อน แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เสียโฉมไป และตามความเป็นจริงที่ไดอาน่าได้พบ และเพิ่มเติมลงไปในความคิดคำนึงเรื่องผู้ชายคนนี้ก็คือ มันทำให้เขามีลักษณะของนกอินทรีคือ ทระนง น่าประทับใจและเป็นอิสระยิ่งนัก และสำนึกในใจนั้นเตือนให้นึกเลยไปถึงว่า นกอินทรี คือสัตว์ประเภทที่จับสัตว์อื่นกินเป็นอาหาร
สำหรับเขานั้นดูเหมือนจะสังเกตสังกาเธออยู่ตลอดเวลา เพียงแต่มิได้มองตรง ๆ เท่านั้นทันใดไดอาน่าก็สังเกตเห็นว่าเขากำลังจับตาอยู่ตรงคอเสื้อรูปตัววี ซึ่งคว้านลึกลงไปจนเห็นร่องเนินทรวงอยู่ แก้มของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ไม่จำเป็นต้องใช้สายตาที่เชี่ยวชาญเลยก็รู้ได้ว่าเธอไม่ได้ใส่เสื้อชั้นในไว้ ไดอาน่าสงสัยว่าเขาอาจจะตกใจก็ได้ที่รู้ว่าเธอทำอย่างนั้น แต่ดูเหมือนเธอเองต่างหากที่เป็นฝ่ายตกใจ เพราะรู้ดีว่ามีผู้ชายบางจำพวกเท่านั้นที่จะยอมรับเรื่องการแต่งตัวของพวกนางแบบ และเมื่อเธอประสานสายตากับเขา ไดอาน่าก็เห็นรอยยิ้มอย่างขบขันปรากฏอยู่ในดวงตา แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นยิ่งทำให้เธอร้อนผ่าวบนใบหน้ายิ่งขึ้น
ริคกำลังตะโกนสั่งให้เธอทำท่าทางต่าง ๆ และไดอาน่าก็รู้สึกขอบคุณ ที่เบือนจากสายตาของเขาเสียได้นาทีต่อมาเธอก็ถูกสั่งให้อยู่ในท่านิ่ง แต่กระนั้นใจคอของเธอก็วูบวาบไปถึงผู้ชายคนที่อยู่บนหลังม้า ความคิดของไดอาน่าวิ่งวนสับสนไปมาอยู่ในสมอง อย่างที่ไม่เคยต้องระวังเนื้อระวังตัวเช่นนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชายอื่นมาก่อน ก็แล้วทำไมจะต้องวุ่นวายกับความรู้สึกในตัวผู้ชาย คนนี้นักเล่า ?.. ในเมื่อเขาเป็นแค่คาวบอยในสนามโรดิโอคนหนึ่งเท่านั้น
ขณะที่ไดอาน่ากำลังเปลี่ยนท่าเพื่อให้ช่างภาพถ่ายอยู่ ประตูบานหนึ่งของสนามโรดิโอได้กระแทกปิดกลับดังสนั่น ทำให้ม้าซึ่งยืนสงบอยู่โดยคนขี่มิได้บังคับโผนขึ้นด้วยความตกใจ ไดอาน่าร้องออกมาขณะที่ร่างหลุดร่วงลงสู่พื้นหญ้าเบื้องล่าง แต่ทันใด มือข้างขวาของเขาก็ตวัดรั้งเอวเธอไว้ ขณะที่มือซ้ายตวัดรั้งสายบังเหียน เพื่อไม่ให้ม้าโผนขึ้นอีกซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
ในวินาทีวิกฤตินั่น ร่างของไดอาน่าก็ถูกรั้งให้แนบชิดอยู่กับแผงอกของเขา ด้วยอ้อมแขนที่แข็งแกร่งปานปลอกเหล็ก แขนของเธอทั้งสองข้างโอบอยู่รอบไหล่ของเขา และศีรษะก็ซุกอยู่ใต้คาง ความใกล้ชิดนั้นสนิทแนบที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวนี้ ทำให้ไดอาน่าได้กลิ่นกาย สัมผัสได้ในกล้ามเนื้อยามที่เขาบังคับม้าให้หยุดนิ่งและรั้งร่างของเธอไว้มั่น เจ้าม้าตัวนั้นสงบลง แต่หัวของมันยังส่ายไปมา และกระทืบเท้าอยู่กับที่