บทที่ 8
ไม่รู้ว่าคนที่ถูกแกล้งเป็นอย่างไร แต่คนที่ลงมือตอนนี้จมอยู่กับความรู้สึกผิดจนนั่งไม่ติดเก้าอี้นานเกือบชั่วโมง ความจริงเขารู้สึกแย่ตั้งแต่ขับรถออกจากบริษัทแล้ว แต่ก็ยังปลอบตัวเองว่าไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ และแทนที่จะตรงกลับบ้าน เขาเลือกแวะไปหาอัณณิกา หญิงสาวที่เคยแอบรักและตอนนี้ได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว เผื่อว่าการคุยกับเธอหรือว่าเล่นกับหลานสาวช่างพูดจะทำให้ความฟุ้งซ่านลดลงไปบ้าง
ทว่าอยู่ได้ไม่นานก็ต้องขอตัว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทนกับคำกระแหนะกระแหนของดนัยกิตต์ไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่น้องณดาเลือกที่จะเล่นกับคุณพ่อแท้ ๆ ที่หายตัวไปนานมากกว่าลุงปกป้อง หรือเรื่องที่นายตัวแสบซักไซ้ว่าทำไมเขาถึงดูลุกลี้ลุกลน ราวกับแอบทำเรื่องบางอย่างที่ไม่ดี
‘นายปกป้องแสนดี ท่าทางแบบนี้ดีแตกหรือเปล่าวะ’
เขาไม่พร้อมจะทะเลาะกับใครเพราะเรื่องส่วนตัวก็ปวดหัวมากพอแล้ว สุดท้ายจึงตัดสินใจกลับบ้านไปรอยัยตัวแสบที่เขาไม่เคยอยากมองหน้า แต่ว่าตอนนี้เขาอยากเจอเธอเหลือเกิน
ปกป้องรอจนกระทั่งสองทุ่มเศษจึงกลับเข้าห้องไปอาบน้ำ ในขณะที่เดินไปยังห้องนอน เขาได้ยินเสียงคุ้นหูดังมาจากห้องของคุณพ่อ พอลองฟังดูดี ๆ จึงสรุปได้ว่าเป็นเสียงของยัยเด็กส้มหวาน
“มาตอนไหนวะ!”
ชายหนุ่มเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ได้ยินยัยตัวเล็กกำลังรายงานเกี่ยวกับงานที่เขาทำในวันนี้ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการพูดคุยกับบอร์ดบริหารและลูกค้าบางรายที่แวะเข้ามาทำความรู้จัก เพื่อที่ในอนาคตจะได้ทำงานด้วยกันอย่างราบรื่น
เมื่อเห็นว่าส้มหวานปลอดภัยดีเขาก็โล่งอก รีบเข้าห้องไปอาบน้ำแต่งตัวและเตรียมเข้านอน วันนี้เขาไม่ได้กินข้าวเย็นด้วยซ้ำ มีเพียงขนมไม่กี่ชิ้นที่คุณแม่ของอัณณิกาจัดให้ กลับมาบ้านก็หมดความอยากอาหารเพราะเปลืองเวลาไปกับการรอยัยตัวแสบเสียตั้งนาน และตอนนี้ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะลงไปเรียกแม่ครัวแล้ว
ว่าแต่ยัยส้มหวานได้กินอะไรหรือยังนะ?
‘ทำไมต้องห่วงยัยนั่นด้วย ท่าทางใส ๆ แต่เจ้าเล่ห์จะตายไป คงไม่ได้ไปรอตามที่สั่งหรอก เผลอ ๆ ออกไปหาอะไรกินด้วยละมั้ง!’
ปกป้องบ่นอยู่ในใจขณะอาบน้ำ พอบ่นแล้วค่อยนึกได้ว่าในหัวมีแต่ยัยส้มหวาน เวลาทำงานก็คิดถึงเธอ มาถึงบ้านก็ยังกังวลไม่เลิกว่าเธอจะกลับมาอย่างปลอดภัยหรือเปล่า อาการของเขาตอนนี้ไม่ต่างจากผู้ชายวัยทอง ทั้ง ๆ ที่อายุแค่ยี่สิบแปดปี เห็นทีคงต้องคุยกับตัวต้นเหตุให้รู้เรื่อง เผื่อว่าความสับสนจะลดลงบ้าง
ก๊อก ก๊อก…
ปกป้องที่เช็ดตัวเสร็จพอดีได้ยินเสียงเคาะประตู ใจหายวาบเมื่อคิดได้ว่าอาจเป็นคุณย่าที่รู้เรื่อง ที่เขาหลอกให้ยัยส้มหวานไปรอที่ลานจอดรถ ส่วนตัวเองแวะไปหาเพื่อนก่อนกลับบ้าน
เขานุ่งผ้าเช็ดตัวและกระโจนไปเปิดประตู ปรากฏว่าคนที่มาเคาะเรียกไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่ที่เขาเคารพ…แต่เป็นยัยส้มหวานตัวแสบที่เขาชิงชัง
“ส้มขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมคะ”
“เอ่อ เข้ามาสิ…” ปกป้องเห็นว่าในมือของเธอถือถาดข้าวต้มมาด้วย กลิ่นหอมของหมูสับและกระเทียมเจียวทำเขาน้ำลายสอ จากที่หิวเบา ๆ ก็กลายเป็นหิวจนท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมา
“ไม่เหมาะหรอกค่ะ รบกวนรับถาดอาหารแล้ววางที่โต๊ะเองนะคะ” ส้มหวานยิ้มน้อย ๆ มองผู้ชายที่รับถาดไปทำตัวไม่ถูก เขาคงสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่อายที่เขาแต่งตัวแบบนี้ แล้วตัวเองกลับเป็นฝ่ายเคอะเขินแทน เธออยากจะบอกเขาเหมือนกันว่าหัวใจของเธอน่ะเต้นแรงแทบทะลุออกจากอกแล้ว แต่เพราะเก็บอาการเก่งเขาจึงไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
เขาวางถาดอาหารแล้วสูดลมหายใจลึก ก่อนถามกลับด้วยเสียงที่เย็นชาไม่ต่างจากทุกครั้งที่ได้คุยกัน “ฉันถามหน่อยว่ามันไม่เหมาะยังไง ฉันเองก็เคยเข้าไปในห้องของเธอแล้ว และก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีสักหน่อย”
“ผิดค่ะ คุณป้องยืนอยู่แค่ที่ประตู ไม่ได้เข้ามาในห้องส้ม”
ส้มหวานแก้ความเข้าใจผิดอย่างตรงไปตรงมา “ส่วนเรื่องทำอะไรไม่ดี เมื่อวานคุณป้องไม่ได้ทำ แต่ครั้งแรกที่ส้มมาบ้านหลังนี้ ตอนส้มอายุแค่สิบแปดปี คุณป้องทำ…คุณป้องจูบส้ม”
ปกป้องไม่นึกว่ายัยตัวแสบจะยกเรื่องนี้มาพูดจึงตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็สวนกลับไปด้วยคำพูดร้าย ๆ แทบจะในทันที “ก็ถือเสียว่าเป็นค่าอาหารที่เธอมากินวันนั้นก็แล้วกัน อีกอย่างเธอก็ชอบไม่ใช่เหรอ ไม่ได้ร้องไห้หรือว่าปฏิเสธนี่นา”
“ส้มยอมรับค่ะว่าไม่ได้ปฏิเสธ ตอนนั้นส้มยังเด็กเลยคิดว่าคุณป้องคือพระเอกของส้ม คุณหล่ออย่างกับนายแบบ ผิวแทนนิด ๆ เท่จะตายไป ส้มยอมคุณทุกอย่างก็ไม่แปลกหรอกค่ะ แต่คุณสิคะ ตอนนั้นเรียนจบปริญญาตรี มีงานทำแล้วก็เป็นผู้ใหญ่กว่าส้มตั้งเยอะ แต่กลับทำสิ่งที่ผู้ใหญ่ไม่ควรทำ ฉวยโอกาสเด็กที่อยากตอบแทนบุญคุณของคุณกับคุณอา…”
“ส้มหวาน!”
“อย่าเสียงดังสิคะ คุณอาเพิ่งจะหลับไปนี่เอง” ส้มหวานยกนิ้วชี้ทาบริมฝีปากตัวเอง ทำเสียงชู่วเตือนเขาไม่ให้ตะคอก “ส้มแค่อยากชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่คุณป้องทำน่ะมันไม่ถูกต้อง คุณป้องเป็นผู้ชายแสนดีในสายตาของทุก ๆ คนไม่ใช่เหรอคะ อย่าให้คนอย่างส้มหวานมามีอิทธิพลเหนือคุณ ทำให้คุณต้องลดตัวมาทำเรื่องที่ไม่ดีเลยนะคะ คุณปกป้อง”
“ยัยส้ม…”
“วันนี้คุณให้ส้มไปรอที่ลานจอดรถที่เกือบร้าง ไม่แน่ใจว่าคุณรู้หรือเปล่าว่าตรงนั้นเปลี่ยวมาก ถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับส้ม ลำพังชีวิตส้มน่ะไม่สำคัญหรอกนะคะ แต่คุณป้องน่ะจะรับไหวหรือเปล่าที่ตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งถูกปล้น จี้ ข่มขืน หรือไม่ก็โดนฆ่าทิ้ง ส้มแค่ยกตัวอย่าง คุณไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอกค่ะ วันนี้ส้มกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย แต่ถ้าวันหน้าคุณยังเล่นแบบนี้...ส้มคิดว่าตัวเองคงไม่ได้โชคดีทุกวัน”
“ฉันไม่รู้ว่าลานจอดรถตรงนั้นร้าง…” ปกป้องจอดรถอีกฝั่ง ซึ่งเป็นที่จอดเฉพาะ สงวนไว้สำหรับฝ่ายบริหาร จึงไม่รู้ว่าอีกฝั่งเป็นอย่างไร คิดแค่ว่าอยากแกล้งให้ส้มหวานรอเก้อ ไม่นึกว่าสถานที่รอจะเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตราย
“เกลียดส้มไม่เคยว่า อยากแกล้งให้เสียใจส้มก็ไม่ว่า แต่อย่าถึงขั้นทำร้ายตัวเองด้วยการทำลายชีวิตของส้มเลยนะคะ”
คนถูกแกล้งพูดเท่านั้นก็ขอตัว ทิ้งให้ปกป้องใช้เวลาไตร่ตรองว่าคุ้มหรือเปล่าที่ต้องสูญเสียตัวตนไปกับการกลั่นแกล้งเธอ
