บทที่ 4 พรที่สัญญาจะให้
“เจ้ามิใช่ ลู่เสียนใช่หรือไม่”
ลู่เสียนได้ยินคำถามนั้นก็ตกใจก่อนจะปรับสีหน้า
“ข้าจะไม่ใช่ข้าได้ยังไง”
“หึ ข้าเคยได้ยินว่าปีศาจจิ้งจอกชอบการเสพสมกับมนุษย์เพื่อดูดพลังชีวิต เจ้าคงจำแลงเป็นนาง”
“.....”
“เอาเถอะ ถ้าข้าหายดี จะหาบุรุษมาให้เจ้าสูบพลังชีวิตจนพอใจ หรือเจ้าอยากเสพสมกับข้ามากกว่าผู้อื่นละ”
“แล้วไม่กลัวข้าจะดูดพลังชีวิตเจ้าหรือไง”
“หากเป็นหญิงงามเช่นเจ้าย่อมยอมให้ได้”
ลู่เสียนมององค์ชายห้าที่ทำหน้าใสซื่อมองนาง ให้ตายสิ คำพูดกับแววตามันคนละเรื่องเลย
“เรามาพูดถึงเรื่องรักษาท่านดีกว่า”
“เจ้าจะรักษายังไง แม้แต่หมอหลวงก็จนปัญญาแล้ว ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะรักษาได้หรอกนะนางมารน้อย”
ลู่เสียนตอนนี้คิ้วผูกกันเป็นโบเมื่อได้ยินฉายาใหม่ของตัวเอง
“อีกสองวันโรงหมอของข้าจะเปิดกิจการ หากท่านจะรักษาจงมาหาข้าได้ แต่ที่ท่านต้องรู้คือ หากท่านอยากหายท่านต้องจ่ายแพงสักหน่อย”
“ข้าไม่ยักรู้ว่าสกุลจาง ขาดเงิน”
“ข้าก็ไม่ยักรู้ว่าองค์ชาย ใจแคบ หึ ข้าขอตัว”
องค์ชายห้ามองลู่เสียนที่เดินออกไป ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ
“ไปสืบเรื่องนางมา”
องครักษ์เงาที่เฝ้ามองเหตุการณ์รับคำสั่งก่อนจะหายวับไป
“นางมารน้อย ข้าจะลองเชื่อเจ้าสักครั้ง”
โรงหมอตระกูลจาง
ลู่เสียนมองผู้คนในโรงหมออย่างพอใจ กิจการของนางถือว่าไปได้สวย ผู้คนเข้ามารับการรักษาจากท่านหมอในร้านของนาง แต่หากต้องการให้นางรักษาจำต้องจ่ายแพงตามที่นางเรียกร้อง เดิมที่การเปิดโรงหมอนี้เป็นลู่เสียนคนเก่าทำไว้ก่อนแล้วนางเลยมาสานต่อเพราะเห็นว่าน่าจะได้กำไรมากพอควร และมีแผนจะเปิดอีกหลายกิจการ นางในชาติก่อน ก่อนที่จะเป็นแม่เล้า นางก็ทำอาชีพอื่นมาก่อน แต่เพราะถูกผู้ชายชั่วหลอกให้หนีตามข้ามประเทศมา สุดท้ายจบที่ขายนางให้ซ่อง ยังดีที่นางมีความสามารถ ดันตัวเองขึ้นมาตำแหน่งแม่เล้าได้ แต่นางเองก็สูญเสียไปไม่ใช่น้อยเหมือนกันกว่าจะทำให้นายใหญ่พอใจ
ลู่เสียนถอนหายใจเมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมา นางเองใช่มีทางเลือก หากนางไม่เป็นหญิงชั่วมั่วโลกีย์ มีหรือนางจะอยู่รอดได้นานขนาดนั้น
“กิจการก็ดูไปได้สวย ทำไมถอนหายใจเช่นนั้นละหญิงชั่ว”
เสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ลู่เสียนหันกลับไปมองพบว่าเป็นท่านเทพซีห่าว กอดอกมองนางอยู่ ท่านเทพยังคงแต่งกายสีดำเช่นเดิม ใบหน้าก็ยังคงหล่อคมเช่นเดิม ลู่เสียนยิ้มออกมานางพอใจกับใบหน้าท่านเทพซีห่าวยิ่งนัก
“ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ”
“ข้าก็มาให้พรตามสัญญาที่เคยพูดไว้”
“ข้าก็นึกว่าคิดถึงข้าซะอีก น้อยใจแล้วนะเจ้าคะ เหมือนได้ข้าแล้วทิ้งเลย”
ลู่เสียนแสร้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงผิดหวัง เทพซีห่าวพอได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ก็ชะงัก กระแอมหนึ่งที ก่อนจะจับมือลู่เสียน ลู่เสียนเองก็มองอย่างประหลาดใจ ท่านเทพซี อ่อนโยนเป็นด้วยหรือไง
“ข้าก็คิดถึงเจ้าทุกค่ำคืนนั่นแหละ”
“แล้วทำไมไม่มาหาข้าละเจ้าคะ”
ลู่เสียนแสร้งทำเป็นบีบน้ำตา
“จะให้ข้าทิ้งฉินซีมาได้ไง”
ท่านเทพเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะเช็ดน้ำตาให้นาง ใครจะเชื่อว่าเขาจะทำแบบนี้กับหญิงชั่วที่เขาบอกว่า รังเกียจ!!
“เอาละ พรของข้าคือ เจ้าจะอ่านความคิดของคนที่เจ้าสัมผัสได้”
“แค่นี้หรอเจ้าคะ ให้ข้าอีกไม่ได้หรอ”
“เอาแต่พอเหมาะเถอะ อย่าละโมบเกินไปหญิงชั่ว”
“นี่สิสมเป็นท่าน แล้วท่านเทพฉินซีเป็นยังไงบ้างเจ้าคะ คงสบายดีสุดสุดแน่เลย เพราะภรรยาก็กลับไปแล้ว รู้ไหมว่าวันที่แม่นางฟางเซียนกลับไป ข้าก็โดนไล่มาเข้าร่างทันทีเลยนะเจ้าคะ สงสัยกลัวข้าจะไปเป็นก้างขวางคอ”
“หึ เหมือนอยู่ในแดนมารของข้ามากกว่า”
“ยังไงนะเจ้าคะ แดนมาร???”
ท่านเทพซีมองลู่เสียนก่อนจะยิ้มอย่างเอ็นดู จากที่เขาจับตาดูนางตั้งแต่มาอยู่ที่โลกนี่ นางช่างต่างจากที่เขาเข้าใจ นางหาใช่สตรีร้ายกาจเอาแต่ใจ แต่กับเป็นสตรีที่น่าเอ็นดู มุ่งมั่น หากตัดความละโมบในเงินและกาม นางคงเป็นสตรีที่ดีไม่น้อย ท่านเทพเอามือลูบหัวนางด้วยความเผลอตัว
“ท่านไม่ใช่ปีศาจตนใด แปลงกายมาหลอกข้าไหม”
ลู่เสียนถามออกไป เพราะท่านเทพซีในตอนนี้ ต่างจากครั้งก่อนที่นางเจอมาก ครั้งก่อนยังรังเกียจ ยังว่านางเป็นหญิงชั่วอยู่เลย ทำไมตอนนี้มาทำเป็นอ่อนโยนแบบนี้
“ข้าหาใช่ ปีศาจจิ้งจอกเช่นเจ้าไม่ แต่ข้าก็มิเคยเจอปีศาจจิ้งจอกตนใดละโมบเท่าเจ้าไม่”
“หึ นี่สิสมเป็นท่าน จิกกัดได้เจ็บแสบนัก”
“ข้าแค่พูดตามความจริง”
“แล้วเหตุใด ท่านยังคิดถึงหญิงละโมบเช่นข้าทุกค่ำคืนละเจ้าคะ”
ลู่เสียนกับท่านเทพซีพูดคุยกันต่ออย่างสนิทสนม โดยไม่รู้เลยว่ามีคนผู้หนึ่งมองทั้งสองอยู่ แววตานั้นยากคาดเดา เหตุใดนางสนิทกับคนไปทั่ว ช่างเป็นสตรีไม่มีความละอาย
“ลู่เสียน ข้าอยากจะเตือนเจ้า องค์ชายมีคู่ชะตาที่กำหนดไว้แล้ว ถึงเจ้าจะเล่นสนุกกับพวกเขาแต่ไม่อาจรักได้รู้ใช่ไหม”
“จู่ ๆ ก็มาจริงจัง ข้านะไม่คิดรักใครแล้วเจ้าคะ ข้าเองก็อยากรีบทำสิ่งที่ท่านมอบหมายให้เสร็จแล้วไปเกิดใช้ชีวิตดีดีสักครา”
ท่านเทพซีหันไปมองด้านล่างก็พบองค์ชายห้ายืนมองอยู่ ได้แต่ยกยิ้มกวน ๆ ก่อนจะดึงลู่เสียนเข้ามากอด
“ข้าราดน้ำมันให้แล้ว เหลือแค่เจ้าจุดไฟ ให้ตายสิคิดถึงเจ้ายามครางอยู่ใต้ร่างข้าชะมัด ข้าไปละ ฉินซีคงพังห้องหนังสือข้าแล้วแน่ ๆ ”
ลู่เสียนมองเทพซีที่เดินเข้าไปในห้องยา คงไปหายตัวในห้องนั้น
“ท่านเทพฉินจะเป็นยังไงบ้าง อย่างน้อยเป็นเขาที่ช่วยข้าไว้ไม่งั้นคงเกิดเป็น หมูเป็นหมา ไปแล้ว ข้าที่อยู่ตรงนี้ขอให้ท่านมีความสุข”
“กำลังขอให้ใครมีความสุข นางมารน้อย”
“องค์ชายห้า....หยุดเรียกข้าว่านางมารเถอะ แล้วนี่ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ลู่เสียน มององค์ชายห้าที่โผล่มาแต่ไหนไม่รู้ จริงสินางนัดเขาไว้นิ
“ข้ามานานแล้ว นานจนเห็นเจ้าคุยกับชายหนุ่มด้วยท่าทางสนิทสนม ออดอ้อน บีบน้ำตา ข้าเห็นหมดกับข้าไม่เห็นเคยทำ”
“ข้ากับท่านรู้จักกันไม่ถึง สามวัน จะให้ไปทำแบบนั้นมันดูแปลกไปเจ้าค่ะ”
“อ๋อไม่สนิท ถึงขั้นจับท่อนเอ็นข้าพลิกไปพลิกมา เรียกว่าไม่สนิทหรือ”
องค์ชายห้าพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน หวังเห็นนางเขินอาย แต่กับตรงกันข้ามนางทำหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร ไม่เคยเจอสตรีที่หน้าหนาขนาดนี้
“ถ้าจะรักษาก็ตามข้ามาในห้องเจ้าค่ะ”
นางตัดสินใจแล้ว จะไม่มีทางกินไอ้องค์ชายปากร้ายนี้เด็ดขาด!!!
“เจ้ามั่นใจแค่ไหนเรื่องการรักษา แม้ท่านหมอที่ร่ำเรียนวิชาแพทย์ตั้งแต่เด็กหาวิธีรักษาไม่ได้เลย”
“เขารักษาไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่าข้าจะรักษาไม่ได้”
องค์ชายห้า เดินตามนางมาถึงกลางห้องพบอ่างน้ำที่มีน้ำอุ่นอยู่ เกือบเต็ม ลู่เสียนเดินไปหยิบมือที่เตรียมไว้ ก่อนจะกรีดที่ฝ่ามือของนาง เลือดไหลออกจากฝ่ามือเป็นจำนวนมากนางนำถ้วยมารอง องค์ชายห้า มองการกระทำทั้งหมดก่อนจะพุ่งมาจับมือนาง
“เจ้าทำอะไร บ้าไปแล้วหรือไง”
“ท่านถอยออกไป ถอดเสื้อผ้าเตรียมลงไปแช่น้ำ ข้าไม่เป็นไร”
ลู่เสียนปัดมือขององค์ชายห้าออก นางมองเลือดในชามพอเห็นว่าได้มากเท่าที่ต้องการ ก็หยิบผ้าที่เตรียมไว้มันพันที่มือ
“ท่านเป็นคนแรกที่รู้เรื่องนี้ เพราะฉะนั้นหากเก็บเรื่องวิธีการรักษาของข้าไว้ ข้าจะขอบคุณ”
น้ำในอ่างตอนนี้ถูกผสมด้วยเลือดของลู่เสียน และสมุนไพรมากมาย หลังจากที่นางเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยก็หันมายิ้มให้องค์ชายห้าที่มองนางอย่างไม่เชื่อสายตา ก็นะ ไม่ตกใจสิแปลก
“ลงไปเถอะเจ้าค่ะ”
องค์ชายห้า ยอมลงไปแต่โดยดี แต่สายตาก็ยังจับจ้องที่นาง
“หากสงสัยก็ทรงถามมาเจ้าค่ะ”
“จะว่ายังไงดีละ ก็ข้ามันเป็นปีศาจจิ้งจอก เลือดของข้าก็เลยมีพลังรักษาล่ะมั่งเจ้าคะ ส่วนแผลนี้ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ มันหายไปแล้ว”
ลู่เสียนเลือกที่จะพูดโกหกออกไป ก่อนจะแกะผ้าพันแผลให้ดูตอนนี้ฝ่ามือของนางไม่มีรอยแผลเลยแม้แต่น้อย นางทำแบบนี้เผื่อให้เขากลัวและเลิกยุ่งกับนางสักที คนดีดี ที่ไหนจะมายุ่งกับปีศาจ
“เช่นนั้นเอง แล้วตอนมีดกรีดเจ้าเจ็บหรือไม่”
“หะ??? จะว่าเจ็บก็เจ็บนะ ว่าแค่ท่านเถอะ รักษาแล้วคงจะไปร่ำสุรา เคล้านารี ละสิไม่เคยทำเลยนี่นา”
“ไม่ใช่ว่าข้าเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิดหรอก เรื่องนั้นข้าก็เคย ที่ข้าเป็นแบบนี้เพราะโดนวางยาพิษ”
ลู่เสียนชะงัก แล้วถ้าไม่เป็นตั้งแต่เกิด แล้วองค์ชายคนอื่นละ นางเข้าใจว่าพวกเขาเป็นแบบนี้กันหมดซะอีก
“เจ้าละ คิดจะเป็นสาวเทื้อหรือไง”
“ข้าคิดจะไม่แต่งงาน แต่ก็ไม่คิดจะแห้งเหี่ยวตายหรอกนะ อาจจะเปิดหอนางโลมที่มีทั้งบุรุษและสตรีก็ได้ ถึงตอนนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงานแล้ว”
“หึ ไม่มีสตรีนางใดหน้าด้านเกินเจ้าแล้ว หากเจ้าจะทำจริงตระกูลจางไม่มีทางยอม”
“ข้าถึงต้องพึ่งท่านไง”
ลู่เสียนเอามือไปเกาะที่ขอบอ่าง ทำตาสายตาอ้อน ตอนแรกนางคิดจะไม่ยุ่งกับเขาแต่พอคิดไปคิดมา การที่นางจะเปิดหอนางโลมไม่มีทางที่ตระกูลนางจะยอม ถึงจะตามใจนางแค่ไหน นางต้องหาที่พึ่งที่มีอำนาจและนางก็รู้จักเพียงคนเดียว
“ไหนเจ้าว่าไม่สนิทไง”
“ก็ตอนนี้อยากสนิทด้วยแล้ว”
“อยากให้ข้าช่วย????”
ลู่เสียนพยักหน้า หากเขาช่วยนางจะยอมยกนางคณิกาอันดับหนึ่งที่มีให้เขาได้เชยชมจนเบื่อเลย องค์ชายห้ามองลู่เสียนที่ทำสายตากวางน้อยมองมา จึงเผลอเอื้อมมือไปลูบหัวอย่างเอ็นดู สิ่งที่อยากทำหลังจากรักษาตัวหายแล้วงั้นหรอ มุมปากองค์ชายห้ายิ้มยกขึ้นอยากเจ้าเล่ห์
“แต่งให้ข้าสิ แล้วข้าจะช่วย”