บทที่ 5 คิดถึงหญิงชั่วที่ยั่วยวน
“แต่งให้ข้าสิ แล้วข้าจะช่วย”
“ล้อเล่นอะไรของท่านเนี่ย ข้าเป็นปีศาจนะ แถมเป็นปีศาจที่สูบพลังชีวิต คบเป็นสหายยังพอเข้าใจ แต่ให้แต่งให้ท่านเนี่ยนะ เมาสมุนไพรที่แช่หรือไง”
ลู่เสียนโวยวายขึ้นมา
“ข้าก็แค่ถามดู ข้าเป็นถึงองค์ชาย แต่งกับข้าไม่ดีตรงไหน ข้าจะมีเจ้าเป็นชายาเดียวเลยดีไหมนางมารน้อย”
“เพราะผู้ชายมันเชื่อไม่ได้นะสิ”
ลู่เสียนพูดจบ ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ องค์ชายห้ามอง ลู่เสียนเหมือนพยายามหาคำตอบ นางไปเจออะไรมากันแน่ ถึงได้ดูเจ็บช้ำขนาดนี้
“เช่นนั้น หากไม่อยากแต่งให้ข้า ก็มาเป็นอาจารย์ให้ได้หรือไม่ ข้ายังมีตำราแพทย์บางเล่มที่ไม่เข้าใจ”
“อาจารย์???”
“แลกกับการช่วยเหลือทั้งหมดที่เจ้าขอร้อง”
“เช่นนั้นก็ได้ แต่เจ้าก็เห็นว่าข้ารักษาใช้เพียงเลือด เรื่องตำราอาจไม่เก่งเท่าเจ้า”
“มีศิษย์เช่นข้าอยู่ ท่านจะได้มิต้องกรีดเลือดให้เจ็บอย่างไรเล่า”
ทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง ต่างคนต่างต้องการสื่อความหมาย บรรยากาศในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง องครักษ์เงาที่เฝ้ามองอยู่ต่างรู้ความหมายในคำพูดขององค์ชาย เมื่อคุณหนูไม่แต่ง ก็มีเพียงรั้งให้นางเป็นอาจารย์เพื่อให้นางอยู่ข้างกาย ตำราแพทย์องค์ชายของพวกเขาเคยสนใจที่ไหน หยิบออกมาดูยังไม่เคยเลย ส่วนเรื่องที่นางเป็นปีศาจพวกเขาเองก็จะไม่พูดออกไปหากนายของตนไม่สั่ง
องค์ชายห้าตอนนี้รู้สึกถึงใจกลางความเป็นชายที่ได้รู้สึกมานาน แต่ตอนนี้กับตั้งชูขึ้น เขาจับมันอย่างไม่เชื่อความรู้สึกตัวเอง
“มันได้ผล เจ้ารักษาได้จริง ๆ ดูสิมันกลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง”
องค์ชายห้าลุกขึ้นก่อนจะออกมาจากอ่างมุ่งไปหานางอย่างลืมตัว ก่อนจะจับมือลู่เสียนมาลูบคลำที่ท่อนเอ็น
“เจ้าทำได้ ทำได้จริง ๆ ด้วย ดูสิ”
“เออ...องค์ชายข้าว่ามันไม่เหมาะนะแบบนี้”
ลู่เสียนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มองไปที่ท่อนเอ็นในมือ ก็รู้หรอกนะว่าใหญ่แต่ไม่คิดว่าจะใหญ่ขนาดนี้ นี่ไม่ใช่ว่าเขาจงใจให้นางสัมผัสหรอกนะ
“อ่าข้าลืมตัว...”
ถึงจะพูดแบบนั้นก็ยังไม่ปล่อยมือ แถมยังจับมือนางชักท่อนเอ็นเขาขึ้นลง
ตอนแรกแค่เผลอตัว แค่อยากให้นางดีใจที่รักษาเขาได้ แต่พอเห็นแววตาอยากได้ของนาง อยากจะลองให้นางกินสักครั้ง หากเขาทำข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุกเสียนางจะยอมให้เขาหรือไม่
หากตอนนี้ไม่ใช่ข้ารับเขาเป็นศิษย์คงได้ผลักเข้าขึ้นเตียงแล้วขึ้นคล่อมขย่มให้สมใจ พอคิดว่าจะทำแบบนั้นกับศิษย์ที่พึ่งรับมา มันก็........
“ซี๊ดด.....ข้าไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว มือเจ้านุ่มชั่งนัก”
หรือว่านางควรสงเคราะห์ศิษย์หมาด ๆ ให้รู้จักความสุขที่ไม่เจอมานานดี
“เจ้าเป็นอาจารย์ข้าพรุ่งนี้ดีหรือไหม วันนี้เราสองคนเป็นเพียงสหายที่ต่างมีความต้องการดีหรือไม่”
“ย่อมได้”
ลู่เสียนพูดจบก็โน้มคอองค์ชายห้า มาจูบแลกลิ้นทันที อย่ามาหาศีลธรรมกับนางเลย นางก็อดทนถึงที่สุดแล้ว
“ฝ่าบาทเรียกเข้าวังด่วนพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงองครักษ์เงาผู้เพิ่งได้รับข่าวจากในวัง ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะตอนนี้มิใช่จังหวะที่ควรมารายงานอะไร แต่หากไม่รายงานฝ่าบาทจะส่งกริ้วได้ แต่ทั้งสองหยุดชะงัก ถอนจูบออกจากกันอย่างเสียดาย
“ค่อยไป”
องค์ชายห้ากำลังจะก้มลงไปจูบต่อแต่เป็นลู่เสียนที่ดันเขาออกห่าง
“ท่านไปเถอะ ฝ่าบาทสำคัญกว่าข้านัก”
“ถ้าข้ากลับมาแล้ว เราสามารถทำต่อได้ใช่หรือไม่”
“หากเกินวันนี้ เกรงว่าจะเป็นการไม่ควร หากท่านจะกินข้าควรรีบกลับมา คืนนี้ข้าจะค้างที่นี่”
ลู่เสียนมองด้วยสายตาเชิญชวน นางพูดจริงหากเกินวันนี้การที่จะมีอะไรกับนางเกรงว่าจะเป็นการไม่ควรแล้ว
“ข้าจะรีบกลับมา”
หลังจากองค์ชายห้าออกไป ลู่เสียนก็ถอนหายใจออกมารักษาหายแล้ว เหลืออีกแค่หกคน นางก็จะได้ไปจากที่นี่แล้ว นางจะเหลืออารมณ์อาลัยอาวรณ์ที่นี่ไม่ได้ นางเพียงแค่อยากสนุกชั่วครู่ จะแต่งให้ใครไม่ได้ หากจะให้ถามหาครอบครัวในโลกนี้นั้น มารดาได้เสียไปตอนนางฟื้นได้แค่อาทิตย์เดียว ส่วนบิดาและพี่ชาย ต้องไปออกรบที่ชายแดน จึงทำให้เหลือเพียงนางในจวน มันอาจจะดีเพราะหากพวกเขายังอยู่ใกล้ชิดนางอาจเกิดความผูกพันขึ้นมาก็ได้
“ว่าแต่ ท่านเทพจะเป็นยังไงบ้างนะ....ตอนเจอก็ทำสีหน้าไม่ดีเลย คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไร จนส่งข้าไปเกิดไม่ได้หรอกนะ”
ณ.แดนมาร
“เจ้าควรไปพร้อมข้า”
“นางเป็นเพียงหญิงบาป ที่ท่านส่งไปทำภารกิจมีอภิสิทธิ์ถึงขนาดให้เทพสององค์ลงไปหาเลยหรือ”
“ข้าเพียง....”
ข้าเพียงคิดถึงกลิ่นกายนาง สัมผัสของนางก็แค่นั้น..... ฉินซีคิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกไป ในเมื่อเขามีภรรยาแล้วการที่พูดออกไปแบบนั้น มันไม่ต่างกับการยอมรับ ว่าเขาอยากนอกใจนาง...
“นางถามถึงท่าน นางก็คงคิดถึงท่านและข้าเช่นกัน ใครใช้ให้นางถึงใจจนข้าลืมไม่ลงละ”
ซีห่าวพูดออกมา ก่อนกระดกจอกเหล้าในมือ สายตามองหญิงสาวที่ร่ายรำยั่วยวนตรงหน้า ได้แต่คิดในใจว่าสู้นางผู้นั้นไม่ได้สักคน อดคิดไม่ได้หากหญิงบาปเช่นนางร่ายรำยั่วยวนตรงหน้าจะน่ามองเพียงใด
“ข้ามีฟางเซียนอยู่แล้ว”
“แล้วเหตุใด ไม่ไปอยู่กับนางเล่ามาหลบหน้านางอยู่ที่แดนมารทำไม”
“......”
อาการโดนตอกหน้าจนพูดไม่ออกมันเป็นแบบนี้สินะ
“นางไม่ถึงใจเท่าหญิงชั่วนั้นใช่หรือไม่ นางคงไม่เอาอกเอาใจเจ้าละสิ”
“ข้าก็แค่เหนื่อย ที่ต้องตามเอาใจนาง”
“หากเจ้าต้องการก็เลือกเอาสักคนสิ ข้าให้”
ฉินซีมองไปที่นางรำ ที่มีเสื้อผ้าน้อยชิ้นร่ายรำยั่วยวนเขาอยู่ ได้แต่ส่ายหน้า ไม่น่ามองเท่านางสักคน...
“เช่นนั้น ข้าจะช่วยให้หายคิดถึงนาง”
ซีห่าว สะบัดมือขึ้นให้ จากนั้นไม่นานภาพของลู่เสียนก็ปรากฏ เป็นภาพของลู่เสียนกับองค์ชายห้าที่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม ส่วนมือของนางนั้นกำลังลูบไปที่ท่อนเอ็นขององค์ชายห้าอย่างแผ่วเบา
“ซีห่าว เจ้านี่มัน....”
“ข้าไม่คิดว่านางจะ....จุดไฟได้เร็วขนาดนี้ ดูท่านางจะทำภารกิจเสร็จในอีกไม่นาน แต่เห็นแบบนี้ข้าก็คิดถึงยามนางร้องขอท่อนเอ็นข้าให้กระแทกนาง ช่างน่ารักน่าเอ็นดู”
ข้าเองก็คิดถึงยามนางดูดกลืนท่อนเอ็นของข้า อยากให้เป็นข้า.... หากลงไปหานางบ้างตอนนี้จะดีหรือไม่....
“ไปเสพสมกับนางกันเถอะ”
“แต่เจ้าก็รู้ หากเกิดอะไรขึ้นในโลกมนุษย์ไม่มีทางที่ท่านผู้นั้นจะไม่รู้”
“เจ้ากลัวหรือไง...”
ฉินซีพูดขึ้นก่อนจะมองหน้า ซีห่าวที่กระตุกยิ้ม มองกันด้วยสายตาที่เข้าใจกันและกัน
“ก็แค่โทษไม่กี่ร้อยปีไม่ใช่หรือไง...”
อีกด้าน
ฟางเซียนกำลังมองการกระทำของลู่เสียนเหมือนกัน นางแค่อยากรู้ว่าร่างของนางในตอนนี้เป็นเช่นไร นางชั้นต่ำผู้ที่อยู่ในร่างนางตอนนี้จะทำให้นางมัวหมองหรือไม่
เพล้ง!!!
เสียงถ้วยน้ำชาที่กระทบพื้นด้วยการปาด้วยความโกรธของฟางเซียนดังลั่น
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาทำให้ร่างกายข้า แปดเปื้อน หญิงชั้นต่ำ!!!”
หากนางรู้ว่าการกลับมาของนางครั้งนี้ สามีนางไม่เหมือนเดิม นางคงไม่กลับมา นางจะอยู่ในร่างหญิงสูงสง่า ที่มีแต่คนอยากครอบครองนาง มีแต่คนเอาใจนาง มีองค์ชายทั้งเจ็ดที่ยอมสยบแทบเท้านางให้นางรักษาพวกเขา แบบนั้นสิที่นางอยากได้นางจะมีความสุข ไม่ต้องมาทนเฝ้าหุบเขาแห่งนี้อยู่คนเดียว แม้แต่คนรับใช้ยังไม่มีสักคน ข้าจะเอาร่างข้าคืน!!!