บทที่ 3 หาเงิน
สวีเจินทำงานมือเท้าว่องไว ไม่ช้ามันเทศก็ต้มสุกแล้ว เหมิงเชียนเหยียนก็หิวจะแย่แล้วเช่นกัน กินอย่างตะกละตะกลามไปสองสามชิ้นก่อนที่จะหยุดลงมา
"โธ่ ลูกที่น่าสงสารของข้า ทำไมเจ้าถึงหิวได้ถึงขนาดนี้ล่ะ" ในสายตาของสวีเจินเต็มไปด้วยความรักและสงสาร แล้วก็ไปเอาผ้าขนหนูเปียกมาเช็ดรอยเลือดที่ยังหลงเหลืออยู่บนใบหน้าของนางอีก
เวลานี้ เหมิงเชียนเหยียนก็แอบวิเคราะห์สถานการณ์ของตระกลูเหมิงขึ้นมา
ตระกูลเหมิง ครอบครัวชาวนาธรรมดาๆของหมู่บ้านหลี่ฮวา ท่านย่าหวางกุ้ยเซียงให้กำเนิดลูกทั้งหมดสี่คน หนึ่งในลูกสาวคนโตที่สุดเหมิงเฟิ่งซีแต่งงานไปหลายปีแล้ว เหมิงกุ้ยลูกชายคนโตที่สุดก็แต่งเข้าไปในตระกูลเหอที่อยู่ในเมืองไปเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้าน ส่วนที่เหลือ ก็คือเหมิงฉวนพ่อแท้ๆของเหมิงเชียนเหยียนกับอาสามเหมิงฝู
เหมิงฉวนกับสวีเจินทั้งสองคนล้วนมีนิสัยอ่อนแอ ไม่ถนัดการแก่งแย่งชิงดี ดังนั้นที่ดินส่วนใหญ่ของตระกูลเหมิงล้วนเป็นของเหมิงฝูแล้ว เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว เหมิงฉวนก็เลยพาลูกสาวคนโตเหมิงเชียนเถาไปเป็นยามเฝ้าประตูและเป็นสาวใช้ในเมือง
ในวันปกติธรรมดา คนที่อยู่บ้านก็เหลือเพียงสวีเจินกับเหมิงเชียนเหยียนสองคนเท่านั้น
เหมิงฝูเป็นคนพาลและขี้โกงมาก บวกกับลูกชายสองคนของตัวเองก็สารเลวมากเช่นกัน ดังนั้นสวีเจินกับเหมิงเชียนเหยียนไม่เคยได้อยู่ดีมีสุขเลยสักวัน
เหมิงเชียนเหยียนเรียบเรียงความทรงจำพวกนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งอัดอั้นตันใจ หากเป็นไปตามนิสัยของนาง เกรงว่าหลายปีก่อนหน้านี้คงจะแตกหักกับเหมิงฝูทั้งครอบครัวไปนานแล้วล่ะ!
สวีเจินที่คนช่างสังเกตมองออกว่าเหมิงเชียนเหยียนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ กล่าวถามขึ้นมาอย่างอ่อนโยน: "เชียนเหยียน นี่เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่น่ะ?"
"ไม่มีอะไร ข้าก็แค่กำลังคิดอยู่ว่า วันนี้ข้าทุบทำลายข้าวของในบ้านของอาสามอาสะใภ้สามไปหมดแล้ว เดาว่า ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะคืนเงินให้เราแล้ว"
"ใช่น่ะสิ ใครว่าไม่ใช่ล่ะ" สวีเจินรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย "เอาอย่างนี้แล้วกัน พรุ่งนี้เช้าแม่ตื่นเช้าหน่อย เข้าไปเมืองขอให้พ่อเจ้าลาวันหนึ่ง กลับมาพูดคุยกับอาสามเจ้า"
"พูดกับเขามีประโยชน์หรือ รอให้ข้าจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วค่อยไปเยี่ยมท่านพ่อกับพี่สาวแล้วกัน"
เหมิงเชียนเหยียนพูดไป ก็ล้มตัวลงไปบนเตียง
"เจ้าจะจัดการให้เรียบร้อย?" สวีเจินขมวดคิ้ว ไม่เชื่อเลย "เจ้าจะจัดการอย่างไร? เจ้าเป็นแค่เด็กผู้หญิงอายุสิบห้าคนหนึ่งเท่านั้น"
"เอาล่ะ ท่านแม่ท่านไม่ต้องบ่นแล้ว หัวข้ายังเจ็บอยู่เลย ข้าขอนอนก่อนแล้วนะ!"
เหมิงเชียนเหยียนคลุมผ้าห่ม กลิ้งตัวเข้าในเตียงก็นอนหลับไปเลย สวีเจินไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ปล่อยนางทำตามใจ
"สวีเจิน สวีเจิน! เจ้าออกมาเลยนะ!"
ฟ้ายังไม่ทันสว่างเต็มที่ มีเพียงแสงสว่างเล็กน้อยปรากฏขึ้นมาบนขอบฟ้า ข้างนอกมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาพร้อมด้วยเสียงตะโกนของชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ความทรงจำของเหมิงเชียนเหยียนบอกกับนางว่า ถูกต้อง นั่นคือเหมิงฝูไม่ผิดแน่
นางพลิกตัวกลับมา ลุกขึ้นมาจากบนเตียง เวลานี้ สวีเจินก็ตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน ในสายตาเต็มไปด้วยความลังเลและไม่สบายใจ ท่าทางไม่รู้จะทำเช่นไรดี
"ไม่เป็นไร ท่านแม่ ข้าไปเปิดประตูเอง"
เหมิงเชียนเหยียนจัดระเบียบทรงผมให้เรียบร้อย และก็ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า อย่างไรเสีย นางก็ไม่ได้เสื้อผ้าสวยๆอะไรให้เปลี่ยนอยู่แล้ว นางเปิดประตูออกโดยตรง มองไปที่เหมิงฝูที่อยู่ตรงหน้าอย่างเย็นชา
เหมิงฝูมีรูปร่างเตี้ยอ้วนดำ หนวดเครารุงรัง สวมเสื้อคลุมผ้าชั้นนอกที่ไม่พอดีตัว แม้แต่พุงที่มีขนาดใหญ่ก็ยังโผล่ออกมา เวลานี้ เขากำลังเอามือเท้าเอวอยู่ จ้องมองไปที่เหมิงเชียนเหยียนด้วยใบหน้าดุดัน และด้านหลังของเขายังมีลูกชายสองคนของบ้านเหมิงฝู คนโตเหมิงต้าหลิน คนรองเหมิงต้าเฉิง
"เหมิงเชียนเหยียน เจ้านังเด็กแพศยา! เจ้าบ้าไปแล้วใช่ไหม! ถึงได้ทุบทำลายบ้านข้าจนกลายสภาพเป็นเช่นนี้ได้!"
เหมิงฝูมองเห็นเหมิงเชียนเหยียน ก็อดที่จะด่าออกมาอย่างหยาบคายไม่ได้ เมื่อคืนเขากลับบ้านดึก เดิมทีคิดเอาไว้ว่านอนหลับสักตื่นแล้วค่อยมาคิดบัญชีกับเหมิงเชียนเหยียน แต่ว่าตื่นขึ้นมากลางดึก ในบ้านรกรุงรังยุ่งเหยิงไปหมดแม้แต่ที่ให้เหยียบเท้าลงไปก็ยังไม่มี เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ก็เลยปลุกลูกชายสองคนมุ่งหน้ามาที่หน้าประตูของบ้านสอง เตรียมตัวจะสั่งสอนเหมิงเชียนเหยียนนังเด็กแพศยาคนนี้
ต้องรู้ว่า ปกติแล้วนังเด็กแพศยาคนนี้ขี้ขลาดตาขาวมาก โดยเฉพาะจะกลัวเขาอาสามที่มีรูปร่างบึกบึนคนนี้! ไม่แน่ว่าทันทีที่เหมิงเชียนเหยียนเห็นเขาก็จะตกใจกลัว พอดีจะได้ย้ายข้าวของของบ้านสองไปที่บ้านตนเอง!
แต่ว่า วันนี้เหมิงฝูมองเห็นเหมิงเชียนเหยียนแล้ว ท่าทางที่เย็นชาไม่แยแสเลยสักนิดนั่นของนางทำให้เขาสะดุ้งตกใจ
"เจ้า----"
"อาสาม คนที่บ้าคือข้าหรือ? คนที่บ้าคือเมียท่านมากกว่ามั้ง?" เหมิงเชียนเหยียนชี้ไปที่บาดแผลตรงศีรษะของตัวเอง "พวกนี้ล้วนเป็นฝีมือของเมียท่านทั้งนั้น!"
เหมิงฝูมองไปที่แผลบนหัวของนางพวกนั้น ท่าทางเสียความมั่นใจเล็กน้อย กล่าวเถียงข้างๆคูๆว่า: "นั่นก็เป็นเพราะว่าเจ้าไม่รู้ความ อาสะใภ้สามเจ้าก็เลยสั่งสอนเจ้าเท่านั้นเอง"
"หึๆ ข้าก็มีพ่อมีแม่ จำต้องให้คนนอกคนหนึ่งมาสั่งสอนข้าหรือ! น่าขำหรือเปล่าเนี่ย! อาสะใภ้สามนางก็ไม่คิดให้มันดีๆหน่อย ดูว่าตนเองมีฐานะอะไรกันแน่!"
การเย้ยหยันในสายตาของเหมิงเชียนเหยียน เหมิงฝูเห็นอยู่ในสายตา เขาโมโหขึ้นมา ยกมือขึ้นมาก็จะตบไปทางเหมิงเชียนเหยียน เหมิงเชียนเหยียนเอนตัวออก ก็หลบฝ่ามือนี้ของเหมิงฝูพ้นแล้ว
นางย้อนตำหนิกลับมา "ยังอยากจะตีข้าอีก คิดว่าเงินที่ติดบ้านยังไม่มากพอใช่ไหม?"
ได้ยินคำพูดประโยคนี้ เหมิงฝูขมวดคิ้วแน่น "นังเด็กเวร อย่าพูดจาเหลวไหล ข้าไม่เคยติดหนี้อะไรเจ้า! เงินสามตำลึงนั่นย่าเจ้าเป็นคนตัดสินใจให้ต้าหลินบ้านข้าใช้สำหรับแต่งเมียเอง!"
"ไม่เอาไหนจริงๆเลย! แม้แต่เงินแต่งเมียของลูกชายตัวเองยังต้องมาขอจากพี่ชายของตัวเองอีก!" เหมิงเชียนเหยียนกล่าวเยาะเย้ย จากนั้นก็เข้าไปใกล้เหมิงฝู "อาสาม ท่านว่าท่านเป็นหนี้ครอบครัวจำนวนนี้แล้ว เมียท่านก็ทำร้ายข้าบาดเจ็บอีก ท่านไม่กลัวว่าข้าจะลากท่านไปขึ้นศาลในเมืองหรือ?"
เห็นดังนั้น เหมิงฝูก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง หากบอกว่าเหมิงเชียนเหยียนในอดีตมีความกล้าเช่นนี้ เขาไม่เชื่ออย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ เหมิงเชียนเหยียนเบิกดวงตาคู่โตที่ตาขาวกับตาดำแยกออกจากกันอย่างชัดเจนของนาง ท่าทีแข็งกร้าวจนทำให้คนตกใจ
นางคงไม่ได้จะทำจริงๆใช่ไหม? หากไปขึ้นศาลจริงๆแล้วล่ะก็ เกรงว่าบ้านตนเองคงจะไม่ได้เปรียบใดๆทั้งสิ้นเลย!
ในสายตาของเหมิงฝูมีความตื่นตระหนกแวบผ่านไป เหมิงเชียนเหยียนยิ้มออกมา "ยังเช้าอยู่เลย อาสามกลับไปนอนต่ออีกหน่อยเถอะ!" พูดจบ เหมิงเชียนเหยียนก็ปิดประตูบ้านของตนเองดังปัง
เหมิงฝูกำหมัดเอาไว้แน่น อยากจะทุบประตูออกแล้วจับตัวเหมิงเชียนเหยียนออกมาซ้อมให้หนักจริงๆ! แต่ทว่า เมื่อเขาคิดย้อนกลับมา ใช่แล้ว! เหมิงเชียนเหยียนยังเป็นหนี้ตระกูลซุนอยู่สี่ตำลึงนี่?
เหอะๆ ขึ้นศาลหรือ? ข้าก็อยากจะรู้ว่า ใครต้องขึ้นศาลกันแน่!
เหมิงฝูคิดถึงตรงนี้ ก็ดึงตัวลูกชายคนรองเหมิงต้าเฉิงเข้ามาใกล้ กระซิบไปที่ข้างหูของเขาสองสามคำ "ไป รีบไป รีบไปที่บ้านตระกูลซุน!"
----
ข้างในบ้าน สวีเจินมองดูเหมิงเชียนเหยียน นางสงบสติอารมณ์ลงมาเยอะแล้ว นางก็มองออกแล้ว หลังจากผ่านเรื่องนี้แล้ว ลูกสาวคนรองของนางคนนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
"เชียนเหยียน เช่นนั้นเจ้าจะนอนต่ออีกหน่อยไหม?" สวีเจินดึงนางไปนั่งลงอยู่ข้างเตียง แล้วก็ไปดึงผ้าห่มที่อยู่บนเตียง
เหมิงเชียนเหยียนมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าค่อยๆสว่างขึ้นมาแล้ว นางส่ายหน้า "ข้าไม่นอนแล้ว ทางด้านตระกูลซุนเราจะยกเลิกการแต่งงานแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรืออารมณ์ ก็ต้องคืนเงินสี่ตำลึงให้กับคนอื่นเขาจริงๆ! และด้วยสันดานของอาสามทั้งครอบครัวนั่น น่าจะไม่คืนเงินแล้ว ดังนั้น ท่านแม่ ข้าต้องออกไปคิดหาวิธี หาเงินก้อนนี้มาอยู่ในมือก่อน"
สวีเจินฟังแล้ว อ้าปากค้างอย่างประหลาดใจ "เชียนเหยียน การหาเงินไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเจ้าจะสามารถหาเงินได้อย่างไรกัน? ข้าว่า เข้าไปถามพ่อเจ้าในเมืองดีกว่ามั้ง?"
"ถามพ่อข้าพ่อข้าก็จะมีเงินหรือ?" เหมิงเชียนเหยียนถามกลับ อุดปากสวีเจินเอาไว้เลย
ใครไม่รู้ว่า เหมิงฉวนนิสัยอ่อนโยน หลายปีมานี้เงินที่หามาได้นอกจากใช้จุนเจือครอบครัวแล้วยังต้องใช้กตัญญูแม่ผู้ชรา! เกรงว่าคงจะไปไม่ถึงมือของเหมิงฉวนแม้แต่แดงเดียวมั้ง!