บทที่ 4 คุณชายท่านเป็นอะไรไป
เหมิงเชียนเหยียนบอกจะทำก็ทำเลย ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ค้นตู้หาชุดผ้าหยาบออกมาเปลี่ยนชุดหนึ่ง จากนั้นก็ให้ผ้าผูกผมรวบผมทั้งหมดขึ้นมา ยกเป็นมวยผมมัดสูง สุดท้ายก็ไปส่องอยู่หน้ากระจกทองเหลืองเก่าๆของบ้านตนเอง นางยิ้มอย่างพอใจ
แฮะๆ ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนแอเกินไป และคนก็ยังผอมอ่อนแอ แต่เค้าโครงหน้านี้ก็ยังดูดีจริงๆ! ดวงตาคู่โตขาวดำแยกจากกันอย่างชัดเจน จมูกที่สูงโด่งก็ดูสวยงามกว่าผู้หญิงทั่วไปเล็กน้อย ยังมีคิ้วโก่งคู่หนึ่ง ก็ดูดีมากเช่นกัน
เหมิงเชียนเหยียนเดินวนอยู่ในบ้านรอบหนึ่ง หยิบมีดที่ปกติสวีเจินใช้ผ่าฟืนขึ้นมา แล้วก็เอามันเทศต้มอีกสองลูก "ท่านแม่ ข้าออกไปแล้วนะ!"
"เชียนเหยียน----" สวีเจินอยากจะขวางนางเอาไว้ แต่เหมิงเชียนเหยียนเร็วอย่างกับลม พริบตาเดียวก็หายไปจากหน้าประตูใหญ่ของตระกูลเหมิงแล้ว
เหมิงเชียนเหยียนออกมาจากประตูมา มองไปรอบๆ ความทรงจำของนางบอกกับนาง หมู่บ้านหลี่ฮวาแห่งนี้ เพราะทุกที่ล้วนปลูกต้นแพร์เลยขึ้นชื่อ และนอกหมู่บ้านหลี่ฮวา ก็เป็นภูเขาซวงเฟิงที่มีชื่อเสียงมากในหมู่บ้านใกล้เคียงแถบนี้ เล่าขานกันว่า บนภูเขาซวงเฟิง ไม้พุ่มโตอยู่ด้วยกันเป็นหย่อมๆ โขดหินขรุขระ มีสัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ที่นั่น เพียงแต่ว่าภูมิประเทศของที่นั่นอันตรายเล็กน้อยจริงๆ นายพรานมากมายล้วนไปแล้วไม่กลับมาอีก ดังนั้นเหยื่อที่ถูกล่ามาจากข้างบนจึงมีไม่มากเท่าไหร่นัก
เหมิงเชียนเหยียนตัดสินใจแล้ว จะไปสำรวจที่เขาซวงเฟิงนั่นดู ถ้าหากสามารถล่าสัตว์ได้ เช่นนั้นเงินสี่ตำลึงของตระกูลซุนนั่นก็สามารถคืนได้อย่างง่ายดายแล้ว!
คิดมาถึงตรงนี้ นางเดินไปทางเขาซวงเฟิงตามความทรงจำของร่างเดิม
เมื่อมาถึงเขาซวงเฟิง เหมิงเชียนเหยียนถึงได้รู้ว่าข่าวลือเป็นความจริง ลักษณะพื้นที่ของภูเขาลูกนี้สูงชันจริงๆ ไม้พุ่มเติบโตอยู่ด้วยกันเป็นหย่อมๆ หากระวังไม่มากพอก็จะบาดเจ็บและเกิดเรื่องได้ง่าย
ทันทีที่นางปีนขึ้นไป ก็หาไม้ที่แข็งแรงมาหนึ่งท่อน ใช้สำหรับกั้นไม้พุ่มพวกนั้น ป้องกันไม่ให้แทงถูกตัวเอง สายตาก็มองสำรวจไปรอบๆอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะเจอกับสัตว์ประเภทงูเงี้ยวเขี้ยวขอ และมีดผ่าฟืนเล่มนั้นก็เหน็บเอาไว้ที่เอวตลอดเช่นกัน และยังคอยสำรวจอยู่ตลอดว่ามีดผ่าฟืนเล่มนี้ยังอยู่ไหม
เดินไปได้สักพัก จู่ๆสีหน้าท่าทางของนางก็เคร่งขรึมลง จากนั้นนางก็ลดตัวลงมา มองไปข้างหน้าผ่านช่องว่างของวัชพืช
เพราะว่า นางได้ยินเสียงแปลกประหลาดและหนักหน่วงดังขึ้นมา
หลังจากนั้นครู่เดียว เสียงนั่นก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆ เงาสีดำขนาดใหญ่ก็กำลังเข้าใกล้ทิศทางของนางจากระยะไกลออกไป
เหมิงเชียนเหยียนขมวดคิ้วขึ้นมา มุมปากเกี่ยวเป็นมุมโค้ง เหอะๆ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีหมูป่า! นี่มันย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลยจริงๆ!
นางรีบถอยห่างออกไปเล็กน้อยทันที จากนั้นก็ใช้มีดผ่าฟืนตัดไม้ก๊อกออกมาเล็กน้อย ทำเป็นคันธนูโค้งแบบง่ายๆ จากนั้นก็ตัดไม้ไผ่ออกมาเล็กน้อย ลับปลายไม้ไผ่ทั้งสองด้านให้แหลมคมไร้ที่เปรียบ เฉกเช่นลูกธนูไม้ไผ่
หลังจากที่เตรียมทุกอย่างนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เหมิงเชียนเหยียนก็ลุกขึ้นมา เดินอ้อมไม้พุ่มแถบใหญ่ อ้อมตรงไปยังด้านหลังของหมูป่านั่น หมูป่าตัวใหญ่เทอะทะ ปฏิกิริยาเชื่องช้า! ตอนที่มันรู้ตัวว่ามีคนอยู่ข้างหลัง เหมิงเชียนเหยียนก็ยิงธนูไม้ไผ่ด้วยคันธนูโค้งที่นางทำขึ้นแบบเรียบง่ายออกไปอย่างสุดแรงเกิดแล้ว
ลูกธนูสามดอกยิงติดต่อกัน นางใช้แรงกำลังทั้งหมดของร่างกาย ยิงตรงเข้าไปในเนื้อหนังของหมูป่า!
หมูป่าเจ็บปวดมาก ส่งเสียงกรีดร้องออกมา จากนั้นตาก็แดงก่ำขึ้นมา แล้วก็พุ่งมายังทิศทางของเหมิงเชียนเหยียน!
ดีมาก ความเย็นชาพลุ่งพล่านออกมาจากสายตาของเหมิงเชียนเหยียน นี่คือสิ่งที่นางต้องการ! ในขณะที่หมูป่าพุ่งเข้ามา สองมือของนางก็ยกขึ้นมา แล้วก็ไปเกาะที่กิ่งไม้หนาและแข็งแรงที่อยู่เหนือศีรษะ พลิกตัวกระโดดขึ้นไป ก็ไปนั่งอยู่บนกิ่งไม้นั่น
เวลานี้ สองมือของนางจับมีดผ่าฟืนด้ามนั่นเอาไว้แน่น เล็งไปที่หัวของหมูป่า แล้วกระโดดลงไปกะทันหัน!
เสียงปังดังขึ้นมา! เลือดสาดกระจายไปทั่วในทันที! และมีดนั่นก็ฟันไปที่ส่วนหัวของหมูป่าอย่างรวดเร็วและแม่นยำ หมูป่าถีบเท้าไปสองสามที ตาขาวกลอกขึ้นมาโดยตรง ล้มพรุบลงไปกับพื้น ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีก
ทำเรื่องพวกนี้จบ เหมิงเชียนเหยียนก็เหนื่อยจนหมดแรงแล้ว นั่งลงไปกับพื้นแล้วหอบหายใจแฮ่กๆขึ้นมา! ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไปจริงๆ หากเป็นชาติที่แล้ว การกำจัดหมูป่าตัวนี้ก็แค่เรื่องที่ไม่ต้องลงแรงอะไรเลย! ต้องรู้ว่าตอนนั้นนางเป็นถึงนักแม่นปืนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในประเทศเลย ! เมื่อไหร่ก็ตามที่ยิงเป้า ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนหรือว่าจะเคลื่อนไหวเร็วขนาดไหน นางยิงร้อยครั้งก็ถูกร้อยครั้งมาตลอด ไม่เคยออกนอกเป้าเลย!
แต่ว่า สถานการณ์ในตอนนี้ ไปคิดถึงความโชติช่วงชัชวาลในอดีตอีกก็ไม่มีประโยชน์ใดๆอีก นางต้องเริ่มต้นใหม่ ฝึกฝนความสามารถของตนเองกลับมาให้หมด
และสิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ก็คือเจ้าหมูป่าตัวนี้ นางฆ่ามันตายแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือต้องขนย้ายลงจากเขาไป และขายมันในราคาที่ดี!
แต่เจ้าหมูป่าตัวนี้มันหนักเกินไปจริงๆ ตัวใหญ่กว่าหมูที่คนทั่วไปเลี้ยงเอาไว้มากกว่าครึ่งตัว อย่างน้อยก็มีเกือบร้อยกิโล เหมิงเชียนเหยียนที่เป็นสาวน้อยอ่อนแอคนหนึ่ง จะสามารถโยกย้ายหมูป่าตัวนี้ได้อย่างไรเล่า!
นางนั่งอยู่บนพื้น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรตัวเองก็ไม่สามารถย้ายหมูป่าตัวนี้ได้หรอก! เช่นนั้นก็ทิ้งมันเอาไว้บนเขานี้ชั่วคราวซะเลย ปิดซ่อนเอาไว้ให้ดี หลังจากที่ลงจากเขาแล้วก็ไปหาเหมิงฉวนพ่อของนาง ถึงเวลาก็ให้พ่อของนางช่วยเอาไปขายในเมืองก็พอแล้ว!
คิดเรื่องพวกนี้เสร็จ เหมิงเชียนเหยียนก็ฝืนลุกยืนขึ้นมา ค้นหาใบไม้แห้งกองใหญ่ มาคลุมเอาไว้บนตัวของหมูป่า
วุ่นวายอยู่เกือบครึ่งชั่วยาม ก็ทำสำเร็จจนได้ นางปรบไปที่ฝ่ามือ ก็เตรียมตัวลงจากเขาไป
เวลานี้ จู่ๆก็มีเสียงวิ่งใกล้เข้ามาดังมาจากที่ไกล นางขมวดคิ้วเล็กน้อย "อะไรน่ะ? หรือว่ายังมีอาหารป่าอยู่อีก!"
นางรีบกำมีดผ่าฟืนเล่มนั้นเอาไว้แน่นทันที รอการมาถึงของเหยื่อตัวนี้
แต่แล้วเมื่อเสียงนั้นดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ นางกลับเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่ใกล้เข้ามาไม่ใช่เหยื่ออะไร แต่เป็นผู้ชายที่สวมชุดคลุมสีขาวขุ่น!
ผู้ชายวิ่งมาทางด้านนี้ ฝีเท้าก็โซซัดโซเซแล้ว หลังจากที่มาถึงหน้าของเหมิงเชียนเหยียน ก็ล้มพรุบลงไปบนพื้น
เหมิงเชียนเหยียนโยนมีดทิ้งไปโดยสัญชาตญาณ ตบไปที่ใบหน้าของผู้ชายคนนั้น "เฮ้ คุณ ไม่สิ คุณชาย! ท่านเป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้น?"
ผู้ชายได้ยินเสียงของนาง ลืมตาทั้งคู่ขึ้นมาอย่างยากลำบาก เวลานี้ในดวงตาสีเข้มที่ลึกล้ำราวกับสระน้ำที่เย็นยะเยือกมีความเหนื่อยล้าและเจ็บปวดมากมาย "แม่นาง ช่วยข้า----"
เมื่อเสียงหยุดลง ศีรษะของเขาก็เอียงลงในทันใด แล้วก็หมดสติไปอีกครั้ง
"เฮ้ คุณชาย คุณชาย! ท่านตื่นหน่อยสิ! ตื่นหน่อย!" เหมิงเชียนเหยียนเรียกอีกหลายคำ แต่ว่าผู้ชายคนนี้ก็ไม่ขยับเขยื้อนเลย!
เหมิงเชียนเหยียนปวดหัว นางก็แค่ขึ้นเขามาล่าสัตว์เท่านั้น ยังจะให้เจอกับเรื่องอันตรายเช่นนี้อีก! นี่จะช่วยดี? หรือว่าไม่ช่วยดี?
ไม่ช่วย? ถ้าหากอีกเดี๋ยวมีคนไล่ตามขึ้นมา เกรงว่านางกับหมูป่าของนางก็จะต้องเดือดร้อนไปด้วย! เช่นนั้นก็ช่วยแล้วกัน! นางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง คลำหาบนร่างกายของผู้ชายขึ้นมา
ท่าทางของคนคนนี้เจ็บปวดขนาดนี้ ท่าทางการเดินก็ผิดปกติ เขาน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสมากถึงจะถูก!
เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากผ่านการคลำหาเหมิงเชียนเหยียนก็พบว่าบนขาของผู้ชายมีที่หนึ่งที่มีบาดแผลยาวหนึ่งฟุตเต็มๆ บาดแผลเป็นแผลเก่า เคยใส่ยาแล้วก็พันแผลแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะออกกำลังมากเกินไป ทำให้บาดแผลที่ใกล้สมานกันแล้วฉีกขาดไป! มีเลือดที่มีสีดำซึมออกมา
เหมิงเชียนเหยียนฝึกฝนการยิงปืนยิงธนูชนิดต่างๆมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งก็เคยได้รับบาดเจ็บมากมายเช่นกัน สำหรับบาดแผลประเภทนี้ นางรู้ว่าจำเป็นต้องทำความสะอาดแผลใหม่แล้วใส่ยาอีก มิเช่นนั้นเป็นไปได้อย่างมากที่บาดแผลจะเน่าเปื่อย!