บทที่ 2 ทุบมันให้หมด
สายตาของนางหวางมองมาที่เหมิงเชียนเหยียนอย่างเย็นชา เต็มไปด้วยความไม่พอใจ "เชียนเหยียน ขอโทษอาสะใภ้สามเจ้าซะ! จากนั้นก็กลับตระกูลซุนไป!"
"ท่านให้ข้ากลับไปข้าก็กลับไปหรือ? ถือสิทธิอะไร?" เหมิงเชียนเหยียนกะพริบตาปริบๆ ท่าทีเป็นกันเองมาก "ที่นี่เป็นสถานที่ของพ่อแม่ข้า ก็คือสถานที่ของข้า ข้าอยากอยู่ที่ไหนก็อยู่ที่นั่น"
"เหมิงเชียนเหยียน!" นางหวางได้ยินดังนั้น โกรธจนกระทืบเท้า ขณะเดียวกัน นัยน์ตาก็มีความประหลาดใจเล็กน้อยแวบผ่านไป
น่าแปลกมาก! เหมิงเชียนเหยียนในอดีตอ่อนแอขี้ขลาดจนไม่เคยกล้าโต้แย้งกับใครเลยสักคำไม่ใช่หรือ? ทำไมวันนี้? จู่ๆถึงเปลี่ยนเป็นร้ายกาจได้ขนาดนี้? แม้แต่นางที่เป็นย่าคนนี้ก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตาแล้ว!
เหมิงเชียนเหยียนไม่สนใจหรอกว่าพวกนางหวางจะคิดอย่างไร อย่างไรเสียนางก็ใช้ชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบันมานานหลายปีขนาดนี้ ก็ไม่เคยต้องถูกรังแกเลย! แม้แต่ผู้ชายสารเลวที่รักมาสามปีคนนั้น ทรยศต่อนางไม่ใช่หรือ! เช่นนั้นก็ให้เขาไปลงนรกซะ!
วันนี้ก็เหมือนกัน ร่างเดิมคนนี้ตอนอยู่ที่ตระกูลซุนไม่มีความผิดแท้ๆ ก็แค่กินข้าวเยอะไปเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ก็ถูกหญิงชราตระกูลซุนด่าว่าเป็นหมู! ร่างเดิมก็แค่โต้แย้งกลับไปเบาๆคำหนึ่ง ผลก็คือถูกตราหน้าว่ามีความผิดฐานเถียงพ่อแม่สามี
จากนั้นตระกูลซุนก็ส่งนางกลับมาตระกูลเหมิง แต่แล้วนางหวางกับจ้าวฮัวจือของตระกูลเหมิงก็กลัวว่านางจะถูกถอนหมั้นจริงๆแล้วจะต้องคืนเงินสี่ตำลึงให้คนอื่นเขา จากนั้นก็ด่านางอย่างหยาบคายรุนแรงแล้วก็ใช้ไม้กวาดฟาดหัวของนางอย่างแรง!
เหอะๆ ความโกรธเคืองในครั้งนี้ เหมิงเชียนเหยียนไม่สามารถอดทนได้อย่างแน่นอน! สายตาแข็งกร้าวของนางมองผ่านนางหวางแล้วก็มองผ่านจ้าวฮัวจือไปอีก ไม่มีความเกรงกลัวใดๆเลย
สายตาเช่นนี้ จ้าวฮัวจือก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเช่นกัน ชั่วครู่ชั่วยามก็ไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรดี
เหมิงเชียนเหยียนถึงได้เก็บสายตากลับมา หยุดอยู่ที่สวีเจินแม่ผู้อ่อนแอคนนี้ของตนเอง เบ้ปากลงมาแล้วกล่าวว่า: "ท่านแม่ ตระกูลซุนปฏิบัติต่อข้าไม่ดี ข้าไม่อยากอยู่ที่ตระกูลซุนอีกแล้ว"
ทีนี้นางเสียงอ่อนเสียงหวาน ทำให้สวีเจินใจอ่อนลงมาทันที มือที่เต็มไปด้วยผิวหนังหนาด้านของสวีเจินลูบผ่านใบหน้าที่ยังมีรอยเลือดติดอยู่ของเหมิงเชียนเหยียน แล้วก็สูดจมูกขึ้นมา "อืม หากคนอื่นเขาปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี เช่นนั้นเจ้าก็กลับมาเถอะ!"
"อืมๆ ท่านแม่ ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านดีต่อข้า" เหมิงเชียนเหยียนยิ้มหวานให้กับสวีเจิน
"เพียงแต่ว่า----" ไม่ช้าสวีเจินก็ถอนหายใจออกมาอีก "เชียนเหยียน ตอนที่หมั้นหมายกันบ้านเรารับเงินของตระกูลซุนมาสี่ตำลึง หากว่าเราเป็นฝ่ายเอ่ยยกเลิกการแต่งงาน เงินสี่ตำลึงนั้นต้องคืนให้คนอื่นเขา ตอนนี้ ที่บ้านเราไม่ได้มีเงินเยอะมากขนาดนั้น! ข้าต้องไปหาพ่อเจ้ากับพี่สาวเจ้าที่เมือง ลองคิดหาวิธีดูถึงจะได้"
คำพูดที่อ่อนโยนของสวีเจิน เหมิงเชียนเหยียนฟังแล้วรู้สึกอัดอั้นนัก ความทรงจำของร่างเดิมยังอยู่นะ เงินสี่ตำลึงนั่นไปอยู่ในมือของอาสามอาสะใภ้สามนานแล้ว
ดังนั้น นางเลยมองไปทางจ้าวฮัวจืออย่างเย็นชา
จ้าวฮัวจือถูกมองด้วยสายตาเช่นนี้ อดรู้สึกสั่นสะท้านในใจไม่ได้ นางอยากจะเดินออกไปข้างนอกโดยสัญชาตญาณ
เหมิงเชียนเหยียนกลับกระโดดลงมาจากเตียงทันที ตะโกนเรียกจ้าวฮัวจือเอาไว้ "อาสะใภ้สาม ท่านจะไปทำอะไร!"
"ข้า เจ้า อาสามเจ้าจะกลับมาแล้ว! ข้าต้องกลับไปทำอาหารแล้ว!"
"ทำอาหารหรือ! ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืดเลย น่าจะไม่ต้องรีบร้อน! อีกอย่างฟ้าครึ้มฝนตกเช่นนี้ ฟืนไฟน่าจะจุดได้ยาก" หางตาของเหมิงเชียนเหยียนกวาดมองไปทางนอกหน้าต่าง ก้าวเดินไปยังหน้าประตูอย่างเร็ว ขวางทางไปของจ้าวฮัวจือเอาไว้
จ้าวฮัวจือตะลึงงัน "นี่เจ้าก็จะทำอะไร?"
"ไม่มีอะไร! ก็แค่หวังว่าอาสะใภ้สามจะคืนสามตำลึงที่เอาไปจากบ้านข้ากลับมาเท่านั้น!" เหมิงเชียนเหยียนเอ่ยปาก ตรงไปตรงมา ขณะเดียวกัน มือข้างหนึ่งก็ยื่นไปถึงตรงหน้าจ้าวฮัวจือ
"เจ้าไสหัวไปเลยนะ! สามตำลึงอะไรกัน! เงินสามตำลึงนั่นใช้สำหรับให้ต้าหลินบ้านข้าแต่งเมีย! เจ้าอยากจะขอกลับไปเหรอ เจ้าอย่าแม้แต่จะคิด!" เอ่ยถึงเรื่องเงิน ท่าทีของจ้าวฮัวจือเปลี่ยนเป็นปากจัดอารมณ์ร้ายขึ้นมาในทันใด
ได้ยินคำพูด เหมิงเชียนเหยียนขมวดคิ้วขึ้นมา "อาสะใภ้สามเอ้ยอาสะใภ้สาม! นี่มันเป็นสินสอดทองหมั้นที่คนอื่นเขาให้ข้าตอนหมั้นหมาย พริบตาเดียวทำไมท่านถึงได้เอาไปบ้านตนเองได้? เงินของบ้านท่านล่ะ? คงไม่ได้ถูกอาสามข้าเอาไปเลี้ยงเมียน้อยแล้วหรอกนะ?"
คำพูดนี้ของเหมิงเชียนเหยียนเฉือนคมสุดขีด จ้าวฮัวจือโกรธจนร่างกายสั่นเทาไปทั้งตัว
จ้าวฮัวจือตะโกนใส่สวีเจินด้วยความหวาดกลัวลนลาน "อีนังแซ่สวี่ ดูสิว่านังเด็กเวรที่เจ้าคลอดออกมาคนนี้กำลังทำอะไรอยู่?"
สายตาของสวีเจินตะลึงงัน ถูกการกระทำเช่นนี้ของเหมิงเชียนเหยียนทำให้ตกตะลึงไปนานแล้ว ตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปอย่างสิ้นเชิง!
"อย่าคิดว่าข้าจะรังแกได้ง่ายเหมือนท่านแม่ข้า! ท่านพอได้แล้ว!"
จ้าวฮัวจือไม่รู้จะทำอย่างไร หันไปขอความช่วยเหลือจากนางหวางอีก "ท่านแม่ ท่านดูเชียนเหยียนสิ นี่คือต้องการจะทำอะไรน่ะ? เงินสามตำลึงนั่นมีไว้สำหรับให้หลานชายคนโตของท่านใช้แต่งเมียนะ!"
นางหวางคนนี้ไม่ได้แค่โลภมากและตระหนี่เท่านั้น ยิ่งเป็นคนที่เห็นผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิงอย่างสุดโต่ง ได้ยินคำพูดของจ้าวฮัวจือ ก็กล่าวออกมาโดยไม่แม้แต่จะคิดเลย: "ใช่ อาสะใภ้สามของเจ้าพูดถูก เงินพวกนั้นเจ้าไม่ต้องคิดว่าจะได้คืนกลับมาเลย! เงินพวกนั้นถูกใช้เป็นสินสอดสำหรับต้าหลินของบ้านเราไปตั้งนานแล้ว!"
"ได้!" เหมิงเชียนเหยียนพยักหน้า ไม่ได้รู้สึกโกรธมากนัก แต่กลับกล่าวเบาออกมา: "ในเมื่ออาสะใภ้สามไม่มีเงินอยู่ในมือแล้ว ข้าก็ไม่สามารถบังคับฝืนใจคนอื่นได้ เช่นนั้นก็ใช้ของในบ้านอาสะใภ้สามมาชำระหนี้แทนแล้วกัน!"
ในระหว่างที่พูด เหมิงเชียนเหยียนก็ออกจากประตูไป ตรงไปยังบ้านของบ้านสามที่อยู่ตรงข้าม
หลังจากที่จ้าวฮัวจือตอบสนองกลับมา มันก็สายเกินไปแล้ว ข้างในบ้านของบ้านสามมีเสียงแตกเพล้งดังออกมาแล้ว! นางพุ่งเข้าไปในบ้าน เห็นเพียงเหมิงเชียนเหยียนถือเก้าอี้เอาไว้ตัวหนึ่ง เห็นอะไรก็ทุบทำลายสิ่งนั้น! ตั้งแต่โต๊ะเก้าอี้ ไปจนถึงถ้วยจานและตะเกียบ ทั้งหมดถูกทุบจนแหลกละเอียด
หลังจากทั่วทั้งบ้านสามกลายสภาพเป็นรกรุงรังยุ่งเหยิงแล้ว เหมิงเชียนเหยียนถึงได้ถือเก้าอี้เดินออกมาอย่างช้าๆ
เวลานี้ ในบ้านไม่มีที่ให้เหยียบเท้าลงไปแล้ว สิ่งที่สามารถทุบทำลายได้ล้วนถูกเหมิงเชียนเหยียนทุบไปจนหมดแล้ว!
นางหวางมองอย่างตื่นตระหนกตกใจ
เหมิงเชียนเหยียนเพียงแค่มองไปทางนางหวางด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย "ท่านย่า ท่านต้องการทำเหมือนอาสะใภ้สามไหม ข้าช่วยท่านจัดระเบียบสิ่งของที่ไร้ค่าทิ้งไปให้สิ้นซาก!"
"อย่า!" นางหวางตื่นตระหนกแล้ว ก้าวเท้าโกยแนบออกไป หลบให้ไกลจากเหมิงเชียนเหยียน
เหมิงเชียนเหยียนโยนเก้าอี้ทิ้งไป และก็กลับเข้าไปในบ้านของบ้านสองแล้วเช่นกัน "ท่านแม่ ข้าหิวแล้ว ท่านทำอะไรให้ข้ากินหน่อยเถอะ!"
เวลานี้สวีเจินตอบสนองกลับมาแล้ว ตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก "เชียนเหยียน เชียนเหยียน เจ้าต้องใจเย็นๆนะ! เจ้าอย่าทำเรื่องโง่ๆเด็ดขาดนะ! แม่อยู่นี่แล้ว แม่ไม่ให้เจ้าไปตระกูลซุนแล้ว!"
เหมิงเชียนเหยียนรู้สึกขบขำในท่าทางของสวีเจิน คาดเดาว่า สวีเจินคนนี้คงนึกว่านางบ้าไปแล้ว นางรีบกอดสวีเจินเอาไว้ เสียงอ่อนโยนลงมา "ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไร ข้าก็แค่ไม่อยากจะทนอีกต่อไปแล้วก็เท่านั้นเอง ข้าหิวแล้วจริงๆ ข้าอยู่ที่บ้านตระกูลซุนไม่ได้กินอะไร กลับมาก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน"
"ได้ ได้ แม่ไปต้มมันเทศมาให้เจ้า เจ้าก็นั่งรออยู่ที่นี่แหละ อย่าขยับไปเรื่อยอีกล่ะ"
เหมิงเชียนเหยียนมองออกมาว่า ความรักความห่วงใยที่สวีเจินมีต่อนางล้วนเป็นของจริงทั้งนั้น นางก็ไม่อยากสวีเจินตกใจกลัวเช่นกัน ก็เลยเอนตัวพิงพักผ่อนอยู่ที่ข้างเตียง
เฮ้อ! นางเองก็เหนื่อยแล้วจริงๆเช่นกัน!ร่างกายนี้อ่อนแอมากเกินไปจริงๆ ไม่รู้เลยว่านางจะสามารถเร่งทำอาชีพเก่าเพื่อมาเปลี่ยนแปลงสถานะทางการเงินของบ้านหลังนี้โดยเร็วได้ไหม