บทที่ 2 ไสหัวออกไป ไม่ต้องการท่านแล้ว!
“สามีหลิงเพิ่งจะจากไปเมื่อวาน นังปีศาจนี่ก็รีบร้อนไปหาชู้ของนางในตำบลเลย ดูท่าทาง คงจะไม่ได้กลับมาทั้งคืนเลยซิ”
“พวกเจ้าว่า นี่ก็แต่งงานมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมถึงยังไม่ยอมทำตัวสงบเสงี่ยมอีกนะ?”
“สงบเสงี่ยมหรือ? เจ้าดูนางซิ แต่งตัวร่านขนาดนี้ แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่มีทางสงบเสงี่ยมเจียมตัว ถ้าสงบเสงี่ยมเจียมตัวได้ ตอนนั้นก็ไม่มีทางแอบหนีไปกับคนอื่นหรอก!”
“เฮ้อ แต่ว่าสงสารเด็กสองคน สามีหลิงไม่อยู่ เด็กทั้งสองก็ต้องทนทุกข์ทรมานอีกแล้ว”
“หึ! นางไปมั่วสุมกับผู้อื่นมาทั้งคืน พอสามีหลิงกลับมา จะต้องถลกหนังนางออกแน่!”
ฝูหยุน “……”
ถ้าจะให้นางพูด นี่แหละคือจุดที่น่าสงสารของเจ้าของร่างเดิม!
ต่อมา เจ้าของร่างเดิมแต่งงานกับนางพราน และมีลูกด้วยกัน แต่นางก็ยังรำลึกถึงเซียวหรานไม่ยอมลืม
แถมนางยังรู้สึกว่า มีลูกกับคนอื่นแล้ว เป็นการทำผิดต่อเซียวหราน ที่เซียวหรานไม่สนใจนาง ต้องเป็นเพราะสาเหตุนี้แน่นอน
พอนางเห็นหน้าลูกกับสามีนายพรานหลิงหานโจว ก็เหมือนกับเจอศัตรูตั้งแต่ชาติปางก่อนยังไงอย่างงั้น
แค่คำพูดไม่เข้าหูประโยคเดียว ก็จะอาละวาดขึ้นมา แล้วโทษหลิงหานโจวว่าเข้ามาแทรกและทำลายความสุขของนาง
เกลียดเขาจนเข้ากระดูก
พอผ่านไปนาน ๆ ทั้งตัวก็กลายเป็นคนเสียสติไปเลย
หลิงหานโจวไม่เห็นนางอยู่ในสายตา แล้วก็ไม่ค่อยทะเลาะกับนาง จิตใจที่ผิดเพี้ยนจึงไม่สามารถระบายด้วยการทะเลาะ นางก็ยิ่งเสียสติไปเลย
แต่ก็คงเดิมเป็นอย่างดี หลายปีมานี้เรื่องเดียวที่ยังคงเดิมก็คือ……พอหลิงหานโจวอยู่บ้านก็ด่าทอเขา พอหลิงหานโจวไม่อยู่บ้าน ก็ทรมานเด็กทั้งสองคน
ถ้าจะพูดว่าหลิงหานโจวไม่เห็นนางอยู่ในสายตา ไร้ซึ่งความรักและความห่วงใย แล้วจะมีลูกกับนางได้ยังไง?
ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องในอดีตที่หลิงหานโจวพูดได้ยากที่สุดในชีวิตนี้เลย
ครั้งแรก คือวันที่เซียวหรานแต่งงาน
เจ้าของร่างเดิมวางยาหลิงหานโจว เอาเขาเป็นตัวแทนแล้วนอนกับเขา ต่อมา ก็มีลูกชายหลิงจิ่ง
ครั้งที่สอง เป็นวันที่เซียวหรานแต่งเมียน้อย
บิดาของหลิงหานโจวเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ เขาจึงดื่มจนไม่มีสติ เจ้าของร่างเดิมจึงคลานขึ้นเตียงมากลางดึก นางคิดว่าแบบนี้จะสามารถแก้แค้นเซียวหรานได้ ต่อมา ก็เลยมีลูกสาวหลิงเสวี่ย
สรุปแล้ว เจ้าของร่างเดิมก็คือคนบ้าที่แท้จริงคนหนึ่ง!
สองสามวันก็อาละวาดทีหนึ่ง คำพูดที่พูดติดปากก็คือ : ข้ามีชีวิตไม่ดี คนอื่นก็อย่าคิดที่จะมีเช่นกัน!
พอหลิงหานโจวโมโหมากก็จะลงไม้ลงมือ นางสู้เขาไม่ไหว ก็จะทำเรื่องอุตริ เช่นวางยาถ่ายในถังน้ำ หรือโยนอุจจาระลงบนโต๊ะอาหาร!
พอนึกถึงการกระทำผิดมนุษย์มนาพวกนี้ ฝูหยุนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดายขึ้นมา
เด็กสาวดี ๆ ทั้งคน กลับบ้าคลั่งไป เพราะความรักที่มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ ทำไมกันนะ?
งั้นในช่วงที่กำลังจะตายเมื่อกี้ ทำไมนางต้องนึกถึงลูก ๆ ด้วย?
เกิดมีมโนธรรมขึ้นมาแล้วงั้นหรือ?
คนแบบนี้จะมีมโนธรรมจริง ๆ หรือ? ช่างทำให้คนรู้สึกสับสนจริง ๆ
มาหยุดลงตรงบ้านหลังหนึ่งที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหิน ฝูหยุนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
ตัวตนที่น่ารังเกียจแบบนี้ สถานะที่ยากลำบากแบบนี้ของนาง……
หรือว่าหนีไปเลยดีไหม?
แต่ว่านางไม่คุ้นเคยกับผู้คนและท้องที่ ในตัวก็ไร้เงินทอง? จะหนีไปไหนได้?
แล้วอีกอย่าง เหมือนเมื่อวานหลิงหานโจวจะพูดไว้ว่า ขึ้นเขาไปครั้งนี้ อย่างมากก็น่าจะเป็นเวลาครึ่งเดือน อย่างน้อยก็เจ็ดแปดวัน
งั้นเด็กทั้งสองในบ้าน ก็ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าซิ?
พอคิดถึงตรงนี้ ฝูหยุนก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
ยกมือขึ้นมาผลักประตูเปิดออก สิ่งที่พุ่งเข้ามาหาก็คือหินก้อนหนึ่ง มาปาใส่ตัวนางอย่างไม่ไว้หน้าเลยสักนิด
“ไสหัวออกไป! พวกเราไม่ต้องการท่านแล้ว!”
ในลาน เด็กชายคนหนึ่งจ้องเขม็งมาที่ฝูหยุนอย่างชั่วร้าย
ฝูหยุนจำได้ นี่คือหลิงจิ่งลูกชายวัยหกขวบของเจ้าของร่างเดิมกับหลิงหานโจว
เด็กเนื้อตัวสั่นเทาที่หลบอยู่หลังเขาคือ หลิงเสวี่ยลูกสาววัยสี่ขวบ
เสี่ยวหลิงจิ่งคนนี้ นิสัยส่วนใหญ่เหมือนกับพ่อของเขา
มักจะถูกมารดาทรมานอยู่บ่อย ๆ เขาไม่เพียงไม่ดูอ่อนแอ แต่กลับยิ่งอยู่ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ฝูหยุนชื่นชอบนิสัยแบบนี้ของเขามาก แน่นอน สิ่งที่ชอบยิ่งกว่าก็คือใบหน้าเล็กที่มีเนื้อตุ้ย ๆ ของเขา
ฝูหยุนยิ้มเล็กน้อย พยายามให้ตัวเองดูมีเมตตามากขึ้น แล้วเดินไปทางเด็ก ๆ
หลิงจิ่งรีบปกป้องน้องสาวไว้ด้านหลัง ใบหน้าแดงก่ำ จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความหวาดระแวง
พวกผู้หญิงที่เดินตามหลังฝูหยุนมา ก็มาถึงหน้าบ้านตระกูลหลิงพอดี
พอเห็นฝูหยุนจดจ้องไปที่เด็ก ๆ ก็นึกว่านางจะลงมือแล้ว
หนึ่งในนั้น มีผู้หญิงหน้ายาวคนหนึ่งก้าวออกมาตะโกนขึ้นว่า “หลี่ชุ่ยฮวา! เจ้ายังกล้าตีลูก ๆ อีก ไม่กลัวผู้ชายของเจ้าหย่ากับเจ้าหรือ?”
มือของฝูหยุนหยุดนิ่งไป รู้สึกผิดหวังต่อชื่อนี้เป็นอย่างมาก
แต่ว่าเฉิ่มถึงที่สุดแล้วก็คือความล้ำสมัย ชุ่ยฮวาก็ชุ่ยฮวาเถอะ
หลิงหานโจวหย่ากับนางไม่ได้ ถ้าทำได้ ก็คงหย่าไปเป็นร้อยครั้งแล้ว
ฝูหยุนหมุนตัวมา ค่อย ๆ ปิดประตูบ้านไปอย่างเงียบ ๆ
พวกผู้หญิงที่สอดรู้สอดเห็นถูกปิดกั้นไว้ด้านนอก จึงพยายามชะโงกหน้าข้ามกำแพงมา แล้วจ้องมองต่อไป