บทที่ 10 ถ้าพูดมากอีกก็จะไปขี้ในห้องครัวบ้านเจ้า
“หลี่ชุ่ยฮวา! ปล่อยข้านะ เจ้าอยากก่อกบฏหรือ? ” แม่หม้ายหลิวเหมือนเป็นควายตัวหนึ่ง พยายามใช้แรงดุร้ายดีดตัวไปไม่หยุด
“ข้าที่เป็นบิดาของเจ้าก่อกบฏอยู่ทุกวัน บ้าคลั่งขึ้นมาแม้แต่ตัวเองก็ตี เจ้าควรจะรู้สึกชินถึงจะถูก!”
วินาทีนี้ จู่ ๆ ฝูหยุนก็รู้สึกดีใจที่ตัวเองมีสมญานามว่า“คนบ้า” ไม่ว่าจะทำอะไร ก็สามารถหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลได้
พอเกิดเรื่องขึ้นมา ก็สามารถเอาคำว่า“คนบ้า”มาอธิบายได้
“ลูกชายของเจ้าเกือบจะบีบคอหลิงจิ่งตาย แล้วก็ผลักหลิงเสวี่ยตกน้ำจนเกือบจมน้ำตาย ชีวิตสองชีวิตนี้ เจ้าจะคิดยังไง?” ฝูหยุนไม่ได้เสียงดังมาก แต่กลับทำให้คนอดรู้สึกจิตใจเย็นวาบไม่ได้
“เจ้า เจ้าพูดไปเรื่อย! ทั้งๆ ที่ลูกชายเจ้ามาแย่งปลาของลูกชายข้า ก็เลยถูกต่อยไปสองสามที เด็ก ๆ ตีกัน แต่เจ้าเป็นผู้ใหญ่กลับมารังแกเด็ก ตบหน้าลูกชายข้าจนบวมแดง เจ้าเป็นคนทำไม่ถูกก่อนนะ!”
ฝูหยุนดุร้าย แม่หม้ายหลิวเองก็ไม่อ่อนแอ
“ข้าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กหรือ? งั้นทำไมเจ้าฉวยโอกาสตอนที่ข้าไม่อยู่ มาเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กถึงบ้านข้าล่ะ?”
“ข้า ข้า……ข้ามาคิดบัญชีกับเจ้าต่างหาก! แล้วลูกชายเจ้าก็เอาเคียวมาฟันข้า ข้าก็เลยลงมือ!” สมองของแม่หม้ายหลิวหมุนวนอย่างรวดเร็ว
ผู้ใหญ่ลงมือทำร้ายเด็ก ยังไงก็ฟังดูไม่มีเหตุผล
ถ้าเกิดหลี่ชุ่ยฮวาใส่ความเรื่องนี้ให้นางสำเร็จ วันหลังจะต้องถูกผู้คนเยาะเย้ยแน่
นางแม่หม้ายหลิวเป็นคนดุร้าย แต่ก็กลัวผู้อื่นเยาะเย้ย
ฝูหยุนจะสนใจว่านางลงมือเพราะเหตุผลอะไรทำไม!
นางมาอาศัยอยู่ที่นี่โดยไม่จ่ายงาน เด็กทั้งสองคนก็เหมือนเป็นลูกน้องของนาง ถ้าลูกน้องถูกรังแก ก็เท่ากับตบหน้านางเลย!
ใบหน้าที่งดงามราวดอกไม้ของนาง ไม่ได้เกิดมาเพื่อให้คนอื่นตบนะ?
ข้อมือฝูหยุนออกแรง รัดจนใบหน้าของแม่หม้ายหลิวเปลี่ยนรูปร่างไป!
“ถ้าเจ้าไม่มาบ้านข้า แล้วเขาจะไปฟันเจ้าได้อย่างไร?”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าตบลูกชายข้า แล้วข้าจะมาบ้านเจ้าหรือ?” แม่หม้ายหลิวจ้องมองอย่างโกรธแค้น เถียงกันตามเหตุผล ใครทำไม่เป็นบ้าง?
“ได้! ข้าตีลูกชายเจ้า ตอนนี้เจ้าก็มาตีลูกชายข้าแล้ว งั้นพวกเราถือว่าเสมอกันแล้ว เจ้าว่าเป็นใช่เหตุผลนี้หรือเปล่า?” ฝูหยุนย้อนถามกลับ
แม่หม้ายหลิวถูกควบคุมตัวไว้ ขยับเขยื้อนไม่ได้ และตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาตลอด จึงได้แต่ต้องตกปากรับคำตามนางว่า “เจ้า เจ้าตีลูกชายข้า แล้วข้าตีลูกชายเจ้า ถือว่าเสมอกันแล้ว เจ้าปล่อยตัวข้าได้หรือยัง!”
ฝูหยุนคลายมือออกเล็กน้อย “เรื่องของผู้ใหญ่ถือว่าเสมอกันแล้ว แต่เรื่องที่ลูกชายเจ้าปล้นทรัพย์สินและทำลายชีวิตยังไม่เสมอกัน”
แม่หม้ายหลิวโกรธจนใบหน้าขาวซีด แล้วก่นด่าเสียงดังขึ้นว่า “หลี่ชุ่ยฮวา เจ้าพูดจาไร้สาระ! หู่จื่อลูกข้าแค่อายุเก้าขวบ เขาจะปล้นทรัพย์สินและทำลายชีวิตคนอื่นได้ยังไง? พูดจาไปเรื่อยมันต้องติดคุกนะ!”
“แย่งของลูกชายข้า แล้วก็ผลักลูกสาวข้าตกน้ำ ไม่ใช่ปล้นทรัพย์สินกับทำลายชีวิตผู้อื่นแล้วมันคืออะไร? ไม่สั่งสอนวันนี้ วันข้างหน้าเกิดไปฆ่าคนวางเพลิงขึ้นมาแล้วจะเสียใจภายหลังไม่ทัน!”
“เจ้าจะพูดอะไรกันแน่?” จู่ ๆ แม่หม้ายหลิวก็มีเหงื่อเย็นซึมออกมา
ฝูหยุนหัวเราะเสียงเย็นขึ้นมาคำหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมาแล้วตะโกนใส่ประตูบ้านตัวเองว่า “หลิงจิ่ง ออกมา!”
ด้านในลานบ้าน
หลิงจิ่งจูงมือหลิงเสวี่ยเอาไว้ ตอนนี้นิ่งอึ้งอยู่ในลาน พอได้ยินชื่อตัวเอง ตัวเขาก็สั่นเทาไปทั้งตัว
ผู้หญิงคนนั้นจะมาคิดบัญชีกับเขาแล้ว……
ลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็เก็บเคียวขึ้นมา แล้วเปิดประตูออก
ก็เห็นผู้หญิงคนนั้นคุกเข่าอยู่บนพื้น กอดรัดแม่หม้ายหลิวเอาไว้ แล้วส่งยิ้มจาง ๆ มาให้เขา
“อาจิ่ง ข้ากับแม่เสี่ยวหู่ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ความขัดแย้งระหว่างเด็ก ๆ ของพวกเจ้า ก็ต้องจัดการกันเอง ผู้ใหญ่จะไม่ยื่นมือเข้าไปแทรก เมื่อกี้หลี่เสี่ยวหู่รังแกเจ้ากับน้องยังไง เจ้าก็รังแกคืนแบบนั้นเลย”
คนที่ไม่ชอบขี้หน้าหลี่ชุ่ยฮวา ก้าวออกมาขอความเป็นธรรมทันที “หลี่ชุ่ยฮวา เจ้าสั่งสอนลูกแบบนี้ได้ยังไง?”
“ลูกของข้า ข้าอยากสั่งสอนยังไงก็สอนอย่างงั้น เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย? กล้ามายุ่งกับข้าเชื่อไหมว่าเดี๋ยวข้าไปขี้ในครัวบ้านเจ้าเลย!”
สายตาเย็นชาของฝูหยุนกวาดมองไป คนคนนั้นก็หุบปากไปทันทีเลย
อย่าให้พูด เรื่องขายหน้าแบบนี้ หลี่ชุ่ยฮวาทำออกมาได้จริง ๆ นะ
“อาจิ่ง วางมีดลง วันนี้เราจะทำให้เขาเห็นว่า คนตระกูลหลิงเราไม่ใช่คนที่ถูกรังแกง่าย ๆ ได้! เจ้าเอาแต่แก้แค้นอย่างเดียวก็พอแล้ว จะชนะหรือแพ้ก็ไม่สำคัญ เราแค่ขอให้ได้เอาคืนสักครั้ง ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเดี๋ยวข้าจะช่วยรับไว้เอง! ถ้าข้ารับไม่ไหว ก็รอให้พ่อเจ้ากลับมา!”
ตอนแรกฝูหยุนอยากสงบจิตสงบใจ แล้วจัดการปัญหาระหว่างทั้งสองครอบครัวให้จบอย่างสวยงาม ไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกไม่ดี
แต่พอเห็นผู้หญิงคนนี้เหยียบมือลูกแล้ว ไฟโกรธของนางก็สงบนิ่งไม่ได้อีกแล้ว