บทที่4 พบพริก
ฟ่านลี่ฮัวโดนตีจนงง นั่งลงบนพื้นตั้งนานก็ยังไม่ได้สติคืนมา
พอได้สติคืนมา ฟ่านลี่ฮัวก็ลุกขึ้นมาจากพื้นด้วยความตกใจและโกรธ เอามือชี้หน้าลั่วเสี่ยวปิงแล้วด่า “อีนังเลวลั่วเสี่ยวปิง เจ้ากล้าตีข้าเหรอ ข้าจะ……”
ว่าแล้วฟ่านลี่ฮัวก็ยกมือกำลังจะตี แต่ก็เหลือบมองเห็นลั่วเสี่ยวปิงยกเท้าขึ้นมา นึกถึงความแรงของเมื่อกี้ ฟ่านลี่ฮัวก็ขี้ขลาดและวางมือลง
“ลั่วเสี่ยวปิงเจ้ากล้าตีผู้ใหญ่เหรอ ข้าจะไปหาผู้ใหญ่บ้านไล่เจ้าออกจากหมู่บ้านต้าซิง เจ้ารอไว้”
พูดเสร็จฟ่านลี่ฮัวก็จ้องมองลั่วเสี่ยวปิงอย่างเหี้ยมโหด พูดไปด่าไปและจากไป
ฟ่านลี่ฮัวปากบอกว่าจะไปหาผู้ใหญ่บ้าน แต่ก็ไม่ได้อยากไปจริง เพราะการซื้อขายกับนายท่านจางนั้นนางไม่อยากให้คนอื่นรู้
นายท่านจางต้องการเด็ก เงินที่ให้นั้นก็เยอะ ในหมู่บ้านบ้านใครไม่มีเด็ก?หากพวกเขารู้ความจริงเข้า ยอมเอาลูกของตัวเองให้นายท่านจางขัดขวางทางร่ำรวยของนางแล้วนางจะไปร้องไห้กับใคร?
แต่ว่าลั่วเสี่ยวปิงไม่ยอมแต่ง นางต้องคิดหาวิธีแล้ว
วันนี้ลั่วเสี่ยวปิงกล้าลงมือกับนาง นางจะปล่อยมันไปแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ฟ่านลี่ฮัวฟุ้งซ่านเกินไป ไม่ได้สังเกตถนนใต้เท้า ทางนี้เป็นทางกลับหมู่บ้านและเป็นทางแคบด้วย ข้างๆก็มีคูน้ำเล็กๆพอดี ทันใดนั้นฟ่านลี่ฮัวก็ล้มลงไปที่คูน้ำเล็กๆ
ทางที่ฟ่านลี่ฮัวล้มลงไปที่คูน้ำนั้นไม่ไกลจากกระท่อมมุงจากมากนัก ตอนล้มลงไปก็ส่งเสียงกรีดอีก ลั่วเสี่ยวปิงเงยหน้ามองก็เห็นพอดี ก็อดหัวเราะไม่ได้ อารมณ์ก็ดีขึ้นเลยทันที
แต่เมื่อหันหลังกลับไปก็เห็นอานอานและเล่อเล่อยืนอยู่หน้าประตู กำลังมองนางด้วยตาที่ใหญ่โต ลั่วเสี่ยวปิงคิดถึงด้านที่รุนแรงของตัวเองเมื่อกี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย
“เออ……เมื่อกี้……”ลั่วเสี่ยวปิงอยากอธิบาย แต่ก็คิดเหตุผลดีๆไม่ออก ก็รู้สึกท้อเล็กน้อย “พวกเจ้าตกใจไหม?”
เล่อเล่อส่ายหัว
อานอานส่ายหัวแล้วพูดว่า “เปล่า ข้าชอบท่านแม่ที่เป็นเช่นนี้”
เมื่อก่อนแม่โดนรังแกมาตลอด แต่แม่ตอนนี้รังแกคนอื่นเป็นแล้ว ดีมาก
เล่อเล่อพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของพี่ชาย
ฟ่านลี่ฮัวไปแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ยังต้องจัดการกับเรื่องกินข้าวอีก
และทางไม่ไกลนักก็คือภูเขาที่เรียงติดๆกัน ลั่วเสี่ยวปิงตัดสินใจไปบนดอยหาของมากินก่อน
แต่ว่ามองดูอานอานและเล่อเล่อแล้วลั่วเสี่ยวปิงก็กังวลเล็กน้อย เด็กทั้งสองยังเล็ก พาเข้าขึ้นไปบนดอยมันอันตราย
คิดว่าฟ่านลี่ฮัวคงจะไม่กลับมาเร็วขนาดนี้ คิดไปคิดมาลั่วเสี่ยวปิงก็ตัดสินใจที่ให้พวกเขาอยู่บ้าน
“พวกเจ้าอยู่บ้านดีๆละ แม่ขึ้นไปบนดอยไปเด็ดผักป่าเสร็จก็กลับมา”
บอกเด็กทั้งสองเสร็จ ลั่วเสี่ยวปิงก็ออกจากบ้าน
ไม่นานก็ถึงที่ตีนเขา
แต่พอมองไป ก็ไม่เห็นผักป่าที่กินได้แม้แต่อย่างเดียวเลย คงจะถูกคนในหมู่บ้านเด็ดไปหมดแล้ว
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ลั่วเสี่ยวปิงก็รวบรวมความกล้าทั้งหมดเข้าไปในที่ลึกกว่านี้
เพราะก่อนหน้านี้คนในหมู่บ้านเคยถูกเสือกัดตายมาก่อน จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปในที่ลึกมากนัก แต่ลั่วเสี่ยวปิงรู้ดีว่า ถ้าไม่มีอาหารให้กินอีก นางคงต้องอดตายอีกครั้งแล้ว
ที่น่าดีใจคือทางเข้าไปในภูเขานั้นเป็นป่าสน ใบสนที่อยู่บนพื้นนั้นไม่เพียงแต่มีโคนต้นสน แถมยังมีเห็ดขนาดใหญ่ด้วย
เพราะชาวบ้านนึกว่าเห็ดมีพิษ จึงไม่มีใครกล้าเด็ดมากิน นางกลับเป็นคนได้เปรียบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง กระบุงสะพายหลังที่นางสะพายไว้ก็ใส่เต็มแล้ว โดยคิดว่าเด็กสองคนยังรออยู่ที่บ้าน ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่คิดจะอยู่ต่ออีก
ขณะที่หันหลัง ลั่วเสี่ยวปิงก็เหลือบมองเห็นที่ไม่ไกลนักมีกิ่งไม้ที่ตายแล้วสองสามกิ่งและด้านบนนั้นเต็มไปด้วยผลสีแดง
คือพริก!
พริกที่สุกเต็มที่และแห้งโดยธรรมชาติแล้ว!
ความจำของเจ้าของร่างเดิมบอกนางว่า สมัยนี้ไม่มีพริก
ดังนั้นต้นพริกที่โตเต็มที่นี้ จึงแสดงให้เห็นถึงอาหารเลิศรสและโอกาสทางธุรกิจ
ลั่วเสี่ยวปิงยินดีปรีดา วางกระบุงสะพายหลังในมือลง แล้วเร่งฝีเท้าเดินไปหาพริก
เพราะลั่วเสี่ยวปิงมองแต่พริก จึงลืมมองทางใต้เท้า ขณะที่กำลังจะเดินไปถึงตรงหน้าพริก ก็สะดุดโดนอะไรบางอย่าง
“อั๊ก——”
ลั่วเสี่ยวปิงกรีดร้อง ร่างกายบินออกไปอย่างควบคุมไม่ได้
ยิ่งซวยกว่านี้คือ ตรงหน้านางมีเนินอยู่พอดี
ตายละ คราวนี้ตายแน่เลย นี่คือความคิดสุดท้ายก่อนลั่วเสี่ยวปิงจะเป็นลมไป
……