ตอนที่ 5 หนุ่มอาสาเลี้ยงข้าว
ตอนที่ 5 หนุ่มอาสาเลี้ยงข้าว
“ขออภัยด้วยคุณชาย ข้าแค่อยากเปลี่ยนชุด เงินก็ไม่มี หิวข้าวอีกด้วย แล้วข้าก็ตั้งท้อง ไร้สามีดูแล” แม่ลูกหมีเล่นละครชุดใหญ่ ปาดเลือดกำเดาแล้วก็นั่งร้องไห้ ตามที่ครั้งหนึ่งเคยเรียนการแสดงมา จึงงัดเอามาใช้ในเวลานี้
“รอสักครู่นะ เดี๋ยวข้าแต่งตัวก่อน” ได้ยินเยี่ยงนี้ก็ยิ่งสงสารและเห็นใจนัก ชายใดกันช่างกล้าทอดทิ้งภรรยาตนเองได้ลงคอเยี่ยงนี้
ชายหนุ่มสวมอาภรณ์หรูหราเรียบร้อยแล้ว ก็ค่อย ๆ เดินมาใกล้ ๆ สตรีที่กำลังร้องไห้จนตัวโยน เขาไม่เคยปลอบใจสตรีมาก่อน แล้วจะปลอบใจนางอย่างไรดี “เจ้าหยุดร้องได้หรือไม่ อ้อ หิวข้าวใช่ไหม มื้อนี้ให้ข้าเลี้ยงข้าวเจ้าดีหรือไม่”
“ช่างเป็นชายหนุ่มที่น้ำใจงามนัก” ถึงขั้นต้องออกปากชมทีเดียว ใครใช้ให้เขาสูงหล่อขนาดนี้ล่ะ แต่สายตาก็ยังเหลือบมองตรงกลางกายเขา อยากเห็นตรงกลางเสียใจว่าจะใหญ่...อุ๊ย...คิดอะไรก็ลามกไปหมดเลย ให้ตายสิ แม่ลูกหมีไม่แผ่วเอาเสียเลย
“วาจาที่เจ้าเอ่ยราวกับสตรีสูงวัย ข้ากับเจ้าอายุคงไม่ต่างกันมาก” ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกว่านางมีพิษหรือมีภัย มองว่าสติวิปลาส เอ่ยถ้อยคำแปลกประหลาด ทั้งสงสารทั้งเห็นใจ
“จริง ๆ คือข้าจดจำอันใดไม่ได้ ข้าเดินทางมากับท่านยายจะไปเมืองเซี่ยหยวน แต่ระหว่างทางข้าเกิดหมดสติ แล้วตื่นขึ้นมาข้าก็จดจำอันใดไม่ได้เลยเจ้าค่ะ” นางก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น ถึงอายุจะปูนนี้แล้ว จิตใจก็ยังอ่อนไหวอยู่ดี อ่อนไหวกับหนุ่ม ๆ เท่านั้น
นางคงกระทบกระเทือนใจรู้สึกสงสารจับใจ จึงกลายเป็นสติวิปลาส สติฟั่นเฟือนเยี่ยงนี้กระมัง น่าเสียดายนัก ใบหน้าก็ดูว่างดงาม แต่...เห้อ...ชายหนุ่มทอดถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แม่นางค่อย ๆ นะ ข้าว่าเจ้าคงต้องพบท่านหมอแล้วกระมัง” เห็นนางมองเขาตาค้าง อมยิ้มแก้มป่อง ในใจคิดว่านางคงสติฟั่นเฟือน คงต้องพบท่านหมอเป็นการด่วน หากปล่อยเอาไว้นาน เกรงว่าอาจทำเรื่องเดือดร้อนให้ชาวบ้าน
เขาว่านางเป็นคนเสียสติหรือไรกัน ก็แค่เห็นคนหล่อ เลยสติหลุดแค่นั้น ใครจะห้ามใจไหวล่ะ รูปหล่ออย่างกับพระเอกซีรี่ย์ หันข้างเหมือนพี่แจ๊ค มองตรง ๆ เหมือนหยางหยาง เอียงข้างอีกนิดเหมือนเซียวจ้าน พ่อเจ้าประคุณเอ๊ย หล่อมากมาย
“ข้าสบายดี พอดีเห็นอาหารตาเลยมองนานไปหน่อย” ดูเหมือนว่าเขากำลังสงสัย มองหน้านางอยู่นั่น เขาเป็นอะไร คิดอะไรแปลก ๆ หรือเปล่านะ แต่จะว่าไปแล้ว นางก็ทำตัวสติหลุดลอยก็เพราะเห็นคนหล่อ ๆ ต่อไปก็ต้องทำตัวให้สงบเสงี่ยมบ้างแล้ว จะได้ดูดีมีมารยาท
“อ้อ คือข้าสบายดี เพียงแค่ชื่นชอบของสวย ๆ งาม ๆ เท่านั้น ขอบคุณคุณชายมาก หากจะเมตตาข้าละก็ ท่านช่วยเลี้ยงข้าวข้าสักมื้อได้หรือไม่” สำนวนก็พอได้อยู่นะ แม่ลูกหมีซะอย่าง เห้อ...ชีวิตหนอชีวิต
“อ้อ เป็นเช่นเองนั้นรึ งั้นข้าจะถือว่าเรามีชะตาฟ้าลิขิตต้องกันเป็นเช่นไร เจ้ากับข้ามาเป็นสหายกันดีหรือไม่” เขาใจอ่อน มิใช่เพราะนางสวย แต่นางมีสติไม่ดี เกรงว่าจะอันตรายต่อผู้อื่น ไหน ๆ นางก็อยู่ตรงนี้แล้ว อีกเดี๋ยวจับส่งให้ท่านหมอตรวจ จะได้รักษานางทันการ
จึงหว่านล้อมทางอ้อม คิดว่านางคงไม่รู้ ด้วยความหวังดี หากผู้อื่นพบเห็นคงมองไม่ต่างจากเขา ทีท่าของนาง คำพูดของนาง ก็ล้วนแต่แปลกประหลาดแทบทั้งสิ้น สตรีสติดีที่ไหนกันจะกล้าขโมยเสื้อผ้าบุรุษ ซ้ำยังกล้าเปลี่ยนชุดในห้องผู้อื่นอีกด้วย
“แม่นางไป๋ แม่นางไป๋ อยู่ไหนกัน ออกมาเถอะ แม่นางไป๋” หญิงชราออกตามหา เพราะนางหายไปนาน เกรงว่าจะเป็นลมหมดสติไปอีกหน หากเป็นอีกครั้ง คราวนี้คงได้ไปเยือนปรโลกแน่ ๆ ด้วยความเป็นห่วงจึงตะโกนอย่างสุดเสียง
“ท่านยายข้าอยู่นี่” เมื่อได้ยินเสียงก็รีบออกจากประตู โผล่หน้ามาพบท่านยายกู้พอดิบพอดี
“หายไปเสียนานสองนาน ข้าคิดว่าเจ้าเป็นลมไปอีกครั้งเสียแล้ว” หญิงชราอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง นางกำลังตั้งครรภ์ ดูเหมือนอายุครรภ์ยังน้อย ต้องคอยระมัดระวัง เดินเหินอันใดก็ต้องอย่าได้รีบร้อนผลีผลาม แต่นางนี่สิตรงกันข้าม ทำตัวราวกับมิใช่สตรีในห้องหอ
“ข้าถูกจับได้ว่าเป็นขโมย โชคดีที่คุณชายท่านนี้ไม่เอาเรื่อง แต่ว่าท่านยายกู้ ป้ายหยกนี้ข้าจะขายที่ไหนดีเล่า ไม่อย่างนั้นพวกเราอดตายแน่ ๆ ข้าหิวข้าวจะเป็นลมอยู่แล้ว” โชคดีมีอาหารตาทำให้ไม่เป็นลม แต่ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยลืมแก่ไปเสียสนิท
“แม่นาง ท่านยาย เช่นนั้น ข้าอาสาเลี้ยงข้าวพวกท่านสักมื้อดีหรือไม่” ชายผู้นี้เห็นใจสองยายหลาน ดูแล้วคงลำบากตรากตรำน่าดู ช่างน่าเห็นใจยิ่งนัก ถือเสียว่า เศษเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เลี้ยงข้าวขอทานสักมื้อ
แม่ลูกหมียิ้มแป้น ลูบท้องน้อย ๆ แล้ว หิวไส้แทบขาด จนจะกินช้างได้ทั้งตัวกระมัง “คุณชายหลาย ๆ มื้อก็ได้ ข้าไม่ขัดศรัทธา” ลาภปากมาแล้วโว้ย จะกินให้พุงกางทีเดียว...เป็ดจ๋า ไก่จ๋า หมูแดงจ๋า รอแม่ก่อนนะ แม่จะกินพวกเจ้าให้จุก
ทว่าเมื่อทั้งสามเดินออกมาจากห้องพักชั่วคราวแล้ว เขานำทางมายังร้านขายน้ำเต้าหู้ อยู่ข้างถนน พร้อมกับหย่อนก้นนั่งลง เชื้อเชิญสตรีทั้งสองให้นั่งตาม “แม่นางไม่ต้องเกรงใจนะ เชิญตามสบาย”
พลันสีหน้าของหญิงสาวจากเบิกบานเมื่อครู่ กลายเป็นห่อเหี่ยวลงทันใด บนโต๊ะ มีน้ำเต้าหู้หนึ่งชาม กับแป้งทอดสามแผ่น แม่ลูกหมีฝืนยิ้มแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ กัดฟันพูดขึ้นว่า “ขอบคุณคุณชายมาก ช่างมีน้ำใจกับพวกข้าเหลือเกิน”