แม่ลูกหมี ทะลุมิติ (จีนโบราณ)

75.0K · จบแล้ว
ภัคจิรา,แม่ลูกหมี,muli89
34
บท
11.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

แม่ลูกหมีเขียนนิยายยังไงก็ไม่ปัง ไม่รุ่งสักที เกิดไปอ่านนิยายของนักเขียนดาวรุ่งพุ่งแรง จึงรู้สึกอิจฉาตาร้อนเส้นเลือดในสมองแตกตาย เพราะเครียดมาก แล้วทะลุมิติมาในนิยายของใครก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ ดันท้องป่องนี่สิ จะทำยังไง เรื่องย่อ แม่ลูกหมีเขียนนิยายยังไงก็ไม่ปัง ไม่รุ่งสักที เกิดไปอ่านนิยายของนักเขียนดาวรุ่งพุ่งแรง จึงรู้สึกอิจฉาตาร้อนเส้นเลือดในสมองแตกตาย เพราะเครียดมาก แล้วทะลุมิติมาในนิยายของใครก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ ดันท้องป่องนี่สิ จะทำยังไง แล้วแม่สาวน้อยวัยสี่สิบ อุ๊ย!...สาวเหลือน้อยอย่างแม่ลูกหมีจะทำยังไง ท้องก็ป่อง แล้วใครเป็นพ่อเด็กในท้องกัน ลืมตาอีกทีก็อยู่ในวัดร้าง มีกองฟืนกับมันเผา ชีวิตที่แสนน่าอนาถนี้ แม่ลูกหมีจะทำไงต่อดี ปฏิบัติการเอาชีวิตรอดจึงเกิดขึ้น...

นิยายแฟนตาซีทหารแม่ทัพฮ่องเต้ความจำเสื่อมแฟนตาซี จีนโบราณพระเอกเก่งนิยายย้อนยุค

ตอนที่ 1 ทะลุมิติ

ตอนที่ 1 ทะลุมิติ

โผล่มาทั้งที ดันโผล่มาอยู่ในวัดร้าง ข้างหน้ามีกองฟืน ข้าง ๆ มีมันเผา สองมือแห้งกร้าน โอ๊ย อกอีแป้นจะแตกแล้ว นั่งคิด นอนคิดอยู่ตั้งนานสองนาน ทำไมกันจึงมาโผล่ที่นี่ได้หว่า...อนิจจาดันไปอ่านงานเขียนของรุ่นน้อง แต่ดันเขียนดีกว่า กลายเป็นนักเขียนหน้าใหม่ดาวรุ่งพุ่งแรง

พออ่านไปอ่านมา อดอิจฉาตาร้อนไม่ไหว เส้นเลือดในสมองเลยแตกตายงั้นเหรอ จึงมาโผล่ในนิยายของกันวะเนี่ย...เป็นกลุ้มแท้ ๆ แต่เอ๊ะ... ท้องทำไมถึงโตกันเล่า อนิจจาอีกครั้ง ท้องป่องนี่นา แล้วใครเป็นพ่อเด็กกันว้า

แม่ลูกหมีนั่งเท้าคางในมือถือไม้ เขี่ยกองไฟที่กำลังไหม้ดังปุปะ ได้กลิ่นมันเผาหอม ๆ จากที่ตอนเด็ก ๆ เคยลำบากมาแล้ว มาทะลุมิติก็บ่ย่านดอก...เป็นไงก็เป็นกัน

“แม่นางตื่นแล้วหรือ เจ้าหมดสติไปสองวันเต็ม ๆ ข้ากลัวว่าเจ้าจะสิ้นใจไปแล้วมา ๆ กินมันเผาเสียหน่อยนะ” หญิงชราแต่งกายมอซอ ใบหน้าเปรอะเปื้อน ยิ้มแย้มอย่างดีอกดีใจนักหนา ที่เห็นว่าสตรีที่หมดสติไปฟื้นตื่นขึ้นมา ดูสีหน้าดีขึ้นมากแล้วนางก็เบาใจแล้ว

“...” จะตอบยังไงดีนะเนี่ย ฟังก็ไม่ออก แปลก็ไม่ได้ อยากได้เครื่องแปลภาษาของโดเรม่อนจริง ๆ ใครก็ได้ช่วยที! จู่ ๆ ก็มีเสียงกระซิบเบา ๆ บอกว่าสิ่งที่ขอจะสำเร็จดั่งใจคิด

‘อ้าวถ้าสำเร็จจริง ๆ ก็ขอให้รวย ๆ ไม่ได้หรือไงกัน’ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ให้ตายสิ โผล่มาอยู่ในนิยายยังไม่พอ ยังมีชีวิตที่แสนลำบากอีก ไม่เป็นไร ขอแค่โต้ตอบได้ก็พอใจแล้ว ที่เหลืออิแม่จะจัดการเอง แม่สาวน้อยวัยสี่สิบจะเริ่มผจญภัย

“แม่นาง ได้ยินหรือไม่ กินมันเผาเสียหน่อยจะได้มีแรงนะ” หญิงชรายังกล่าวพร้อมกับยื่นมันเผามาให้หญิงสาวที่น่าสงสารผู้นี้ ต้องระหกระเหินเพียงผู้เดียว

ซ้ำยังถูกดักปล้นกลางทาง ทำให้นางหนีเอาชีวิตรอดเพียงลำพัง หญิงชราเฝ้าดูอาการของนางด้วยความเป็นห่วง หลับไปตั้งสองวันสองคืน คิดว่าหญิงสาวผู้นี้สิ้นใจไปเสียแล้ว

“ขอบคุณเจ้าค่ะ ว่าแต่ที่นี่แคว้นอะไรเจ้าคะ” สิ่งแรกที่ต้องทำความรู้จักเสียก่อน แผนการเอาชีวิตรอดเริ่มขึ้นนะบัดนาว

“ที่นี่แคว้นจ้าว เจ้านี่หมดสติไปถึงกับหลงลืมเลยหรือไรกันนะ” หญิงชรายิ้มแย้ม แต่ดวงตากลับดูอบอุ่นและห่วงใยสตรีที่น่าสงสารมากโข แล้วเห็นใจนางนักคงจะเหนื่อยและอ่อนเพลียมาก จึงทำให้หลับไหลไปตั้งสองวันเต็ม ๆ

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” แม่ลูกหมีรับมันเผามาแล้วค่อย ๆ ปอกเปลือกออกมาทีละนิด กินมากถ้าหิวน้ำจะหาน้ำที่ไหนกันคงติดคอตายพอดี มองดูข้างนอกก็มืดแล้ว หากปวดฉี่จะเข้าห้องน้ำที่ไหน ปวดท้องถ่ายจะเข้าห้องน้ำไหนกัน สงสัยคงต้องหาพื้นที่สงบ ๆ ปลดทุกข์แล้วมั้ง

“เจ้าน่ะ จะไปเมืองเซี่ยหยวนทำไมกันหรือ แล้วยังเดินทางตัวคนเดียวอีก ไม่กลัวหรือไงกัน รูปโฉมเจ้าก็หาได้อัปลักษณ์ อีกอย่างเจ้าไม่ส่งข่าวแจ้งให้คนที่บ้านรู้หรืออย่างไรกัน” หญิงชราแซ่กู้เป็นห่วงนัก เห็นนางเดินทางรอดแรมไกลนับพันลี้ กว่าจะถึงก็คงอีกหลายวัน ระหว่างเดินทางก็ล้มป่วยจนหมดสติ หลังจากนี้คงเดินทางอีกไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ชื่อข้าก็ยังจำไม่ได้เลย สรุปคือข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แล้วข้าก็ท้องอีกต่างหาก” จะรู้ได้ไงกัน ดันโผล่แบบไร้สติ สมองอันน้อยนิดของผู้หญิงวัยสี่สิบ สาวเหลือน้อยอย่างแม่ลูกหมี จะทำอย่างไงต่อจากนี้ดีหนอ คิดแล้วกลุ้มจริง ๆ

“สามีของเจ้าเล่าอยู่ที่ไหน” หญิงชรามึนงงไปหมด ก่อนหน้านี้ก็เห็นว่าเอ่ยตอบได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ ฟื้นขึ้นมาก็พูดจาแปลก ๆ ช่างฟังแล้วคล้ายไม่ใช่คนแคว้นจ้าว

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ท่านยายบอกบุญให้หน่อยได้ไหม นี่ป้ายหยกของตระกูลใดกัน” ล้วงไปล้วงมาก็เจอป้ายหยกอันหนึ่ง มันขายได้ไหมเนี่ย ถ้าขายแล้วจะได้เงินเท่าไรกันนะ งานหนักเลยลูกหมีเอ๊ย ไม่น่าเลย

เพราะความอิจฉาตาร้อนเป็นเหตุแท้ ๆ ตายจากที่นั่นศพสวยไหมเนี่ย ลูกผัวก็ไม่มี สงสัยกลายเป็นศพไร้บ้านแล้วมั้ง ขึ้นอืดเน่าไปหรือยังป่านนี้ แล้วลูกแมวที่เลี้ยงเอาไว้ ป่านนี้คงหิวข้าวแย่แล้ว

กรรมหนอกรรม

“ตระกูลไป๋” หญิงชรามีสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดสตรีนางนี้จึงประหลาดนัก ทั้งคำพูดคำจามิสำรวม ท่านั่งก็ไม่เรียบร้อย คงมิใช่คุณหนูสกุลใหญ่อันใด แต่ป้ายหยกของนางมีคำว่าไป๋ ตระกูลไป๋หากเป็นที่รู้จักกันของเมืองหลวงก็คงเป็นเสนาบดี

“ไป๋รึ แล้วชื่อของข้าล่ะ” ได้นามสกุลมาแล้ว ชื่ออะไรล่ะ แม่ลูกหมียิ่งคิดก็ยิ่งมึนหัว เพราะไม่มีความทรงจำของเจ้าของร่างนี้เลย แล้วนิยายเรื่องนี้มันของใครกัน หรือว่า ทะลุมิติมาที่โลกสมมุติกันนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม กินมันเผาไม่ลงแล้วกลัวติดคอตายอีกรอบ

“แม่นาง เจ้านี่สติดีหรือไม่ ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว นอนก่อนล่ะ” หญิงชรารีบลุกขึ้น แล้วไปนอนบนกองฟางที่วางเอาไว้ เหมาะสำหรับแก่การพักผ่อนในวันที่อากาศค่อนข้างหนาวเย็น

“อ้าวท่านยาย ข้ายังถามไม่จบเลยนะ ชิ่งไปนอนแล้ว ทีนี้จะถามใครล่ะ อยากจะบ้า!..”