บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ระหว่างทางวาบหวาม

วันนี้เป็นวันโชคดีของทัพพ์หรือวันโชคร้ายของอารยา ทำไมหล่อนถึงว่างทั้งวันไม่มีเรียน และไม่มีเรียนสองวันด้วย พอคุณป้าชวนไปอัมพวาด้วยจึงยากจะปฏิเสธ แถมชวนไปค้างคืนด้วย และเป็นเหตุให้ต้องนั่งรถร่วมทางมากับทัพพ์ เพราะท่านทั้งสองเดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้วกับคนขับรถเมื่อตอนเช้ามืด

“น้องอายหิวไหม” เขาถามคนที่นั่งเงียบมาตลอดทางด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่หน้าหล่อนั้นมียิ้มระบายออกมาตลอดทาง

“พี่หมอหิวก็แวะเถอะค่ะ น้องอายไม่ค่อยหิว” ตอนนี้เจ็ดโมงเช้าเอง หล่อนยังไม่หิวจริงๆ

“พี่หิวนะ แต่หิวคนที่นั่งข้างๆ” เขาบอกอย่างไม่ปิดบัง ก็ชุดที่อารยาใส่วันนี้น่าจับปล้ำน่าพาแวะข้างทางเสียเหลือเกิน เสื้อเชิ้ตที่ติดกระดุมไม่หมดทำให้มองเห็นร่องอกรำไรและกางเกงขาสั้นอีก เวลานั่งมันก็ร่นขึ้นทำให้เห็นเรียวขาสวยน่ากัดเม้ม

“ทำไมพี่หมอเป็นคนแบบนี้คะ เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย” หล่อนถามพร้อมกับนำกระเป๋าสะพายมาวางที่หน้าตักของตัวเอง

“เพราะพี่คิดว่าจะไม่มีใครมาแย่งน้องอายไปจากพี่ไงล่ะ เมื่อก่อนพี่ถึงใจเย็นและนิ่ง แต่ตอนนี้พี่ช้าไม่ได้แล้ว เพราะน้องอายบอกว่าชอบไอ้หน้าอ่อนนั่น”

“ไมค์ค่ะ แฟนน้องอายชื่อไมค์ค่ะ” หล่อนแก้คำของเขา

“พี่จะเรียกแบบนี้แล้วจะทำไม และหยุดพูดชื่อมันได้แล้ว พี่ไม่ชอบ น้องอายไม่รู้จริงๆ เหรอว่าตั้งแต่เล็กจนโตทำไมพี่ถึงไม่เคยพาผู้หญิงมาที่บ้านและไม่เคยมีแฟน เพราะพี่รอน้องอายโตยังไงล่ะ” เขาตีไฟเลี้ยวจอดข้างทางเพื่อจะพูดคุยเรื่องนี้กับอารยาให้เข้าใจกัน คำพูดในประโยคของบุรุษทำให้อารยาใจพองเต้นแรงและสองแก้มก็เห่อร้อนแดงระเรื่อขึ้น ทำให้คนที่ปลดเข็มขัดนิรภัยรู้ว่าตอนนี้น้องน้อยกำลังเขินอายตนเอง

“น้องอายเขินพี่”

“มะ...ไม่ใช่สักหน่อย”

“ก็หน้าน้องอายแดง” เขาบอกเธอ

“ไม่ใช่สักหน่อย น้องอายแค่ร้อน แล้วเนี่ยจอดรถทำไม เดี๋ยวก็ไปถึงที่พักสายหรอกค่ะ” เธอขยับตัวไปชิดประตูเมื่อคนตัวโตเคลื่อนตัวชะโงกเข้ามาใกล้ และรู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองเริ่มจะไม่ปลอดภัยแล้ว

“ยะ...อย่าทำอะไรน้องอายนะพี่หมอ ถ้าทำอะไรน้องอายอีก น้องอายเกลียดจริงๆ ด้วย” ใจหล่อนเต้นแรงทุกขณะจิตที่เขาเคลื่อนตัวมาใกล้ ลมหายใจของบุรุษเป่ารดใบหน้าของเธอทำให้เธอรู้สึกแปลกกว่าทุกครั้ง นอกจากใจเต้นแรงแล้วเรี่ยวแรงที่เคยมีก็อ่อนยวบลงไร้แรงจะผลักไสคนตัวโตออกห่าง

“แสดงว่าที่ตอบก่อนหน้านั้นไม่ได้เกลียดพี่จริงๆ ใช่ไหมน้องอาย” เขาถามเสียงพร่าพร้อมกับนำมือหนามาวางบนหน้าขาเรียวเล็กของสาวน้อย

“อ่ะ...ยะ...อย่านะพี่หมอ เอามือออกไปนะ” มือเล็กปัดมือใหญ่ออกจากหน้าขาของตัวเอง แต่เขาก็นำกลับมาจับหมับอีกครั้ง

หึหึ

มือหนาของหมอหนุ่มเริ่มซุกซนลูบไล้ต้นขาของน้องน้อยที่ห่อหดตัวสั่นกลัวตัวเองอยู่บนเบาะ เขาเคลื่อนตัวรวดเร็วจากเบาะนั่งของคนขับมานั่งคร่อมทับคนตัวเล็กที่เบาะของเธอแทนพร้อมปรับเบาะของอารยาให้ราบเพื่อตัวเขาจะได้ลวนลามน้องน้อยได้สะดวก

“อ๊ะ! พะ...พี่หมอ ยะ...อย่าทำแบบนี้นะ น้องอายเกลียดจริงๆ ด้วย” เธอเบือนหน้าหนีหน้าของพี่ชายข้างบ้านที่โน้มลงมาหา

“เกลียดพี่งั้นเหรอ น้องอายโตพอจะเป็นของพี่ได้แล้วนะ และพี่คิดว่าเวลานี้เหมาะที่สุดแล้ว พอน้องอายเรียนจบเราก็จะแต่งงานกันทันที และแฟนน่ะ เลิกกับมันซะ เพราะน้องอายต้องเตรียมตัวเป็นแม่ของลูกพี่ พี่อายุเยอะแล้วนะ พี่รอน้องอายนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว” เขาบอกเธอพร้อมซุกปลายจมูกโด่งไปกับซอกคอระหงของน้องน้อย ไม่สนใจว่ามือเล็กจะดันร่างใหญ่ของตัวเองออกห่าง

“อือ...พะ...พี่หมอหยุดนะ อย่าทำแบบนี้กับน้องอายเลย อีกอย่างน้องอายอยากเลือกสามีเอง อยากเลือกพ่อของลูกเอง และที่สำคัญน้องอายไม่ได้รักพี่หมอแบบชายหญิง น้องอายรักพี่หมอ เคารพนับถือแบบพี่ชาย” หล่อนบอกเสียงสั่นและใจของหล่อนก็เต้นเร่าตุ้บตั้บรุนแรงกว่าเดิมจนคนที่คร่อมทับเหนือร่างได้ยินเสียงเต้นแรงของดวงใจเล็กๆ ของอารยา

มุมปากหนาของหมอหนุ่มหยักยิ้มเล็กน้อยเมื่อรับรู้ได้ถึงการเต้นของหัวใจของน้องน้อยที่แรงผิดปกติ เขาจึงไม่อยากหยุดแค่นี้ เขาเริ่มเคลื่อนไล้ซุกไซ้ปลายจมูกโด่งไปตามซอกคอระหงหอมกรุ่นที่บิดเบือนหนีตัวเอง แต่ความอ่อนเดียงสาของอารยาทำให้การบิดเบือนหน้าหนีเป็นการเปิดทางให้เขาทำอะไรได้สะดวกมากกว่า ปากหนาเคลื่อนมาบดจูบเคล้ากลีบปากอวบอิ่มระเรื่อของหญิงสาวพร้อมกับดุนดันเรียวลิ้นสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากเล็ก แม้ว่าเธอจะไม่ต้อนรับ แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของทัพพ์ไปได้

“อ่ะ...อื้อ...”

เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากทั้งสองที่บดจูบเคล้าคลึงคลอเคลียกัน เรียวลิ้นของบุรุษกอดเกี่ยวเรียวลิ้นของสตรีอ่อนเดียงสา อารยาร้อนรุ่มระทวยไปกับจูบสยิวของคนเหนือร่างบิดกายไปมากับเบาะนุ่ม

มือหนาของทัพพ์เคลื่อนไหวมากดหัวไหล่เล็กของแม่น้องน้อยแล้วเคลื่อนมาบีบขยำสองเต้าที่เขาแอบมองมาตลอดตั้งแต่มันโตเต็มวัย เพียงแค่ได้กอบกุมบีบเคล้นขยำ เขาก็ไม่อยากผละมือออก ปากหนาก็บดจูบสอดเร่าน้องน้อยให้รู้จักความวาบหวาม

“อ่า...หวานเหลือเกินคนดีของพี่ทัพพ์ อือ...” เขาผละปากหนาออกมาให้อารยาได้หายใจ เพราะถ้าจูบนานกว่านี้คนตัวเล็กได้ขาดอากาศหายใจแน่นอน

“อือ...พะ...พี่หมอใจร้าย ใจร้าย น้องอายเกลียด อ่ะ...อื้อ...” แล้วก็ต้องร้องครางดังออกมาพร้อมกับบิดเบ้หน้าด้วยความเจ็บอีกครั้ง เมื่อมือใหญ่ของเขาขยำทรวงอกแรงแบบไม่ถนอม

“อ่า...เกลียดพี่เหรอ คิดดีรึยังก่อนพูดคำนี้หึ อ่า...นุ่มเต็มมือดีเหลือเกินน้องอาย จำไว้นะ ร่างกายของน้องอายเป็นของพี่”

ทัพพ์โน้มหน้าลงไปจูบปากอวบอิ่มของแม่น้องน้อยอีกครั้ง ก่อนจะผละเคลื่อนไปยังลำคอระหงมายังเนินอกอวบอูม ที่ตอนนี้มือของเขาปลดกระดุมเม็ดเล็กๆ ออกจนเหลือเม็ดสุดท้ายแล้ว เปิดเผยให้เห็นอกอวบอูมที่บดเบียดดุนดันอยู่ในยกทรง และแน่นอนว่าความอยากครอบครอง ความปรารถนาร้อนของเขาตอนนี้มันไม่อยากเห็นแค่นี้ เขากอดรัดร่างเล็กขึ้นเพื่อปลดตะขอยกทรงจากทางด้านหลังออก เพื่อปลดปล่อยสองเต้าให้เด้งออกมาเบียดสีหน้าตัวเอง

“อ่า...สวยเหลือเกิน ขาวเนียนนุ่มแน่นมากน้องอายของพี่ อ่า...” เขากัดหมับเข้าที่ทรวงอวบอูมพร้อมมือทั้งสองบดเคล้าขยำหนักหน่วง ปากหนาตวัดไล้ดูดครอบครองและไล้ปลายลิ้นกระตุ้นเสียวคนตัวเล็ก

“อ่ะ...อ่อย พะ...พี่หมอ อ่า...พี่หมอเลว อือ...” หล่อนตัดพ้อต่อว่าคนเหนือร่างด้วยความคับแค้นใจและโกรธตัวเองที่ไม่มีแรงพอจะต่อต้านเขา ตอนนี้ร่างเล็กของหล่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งลนไฟก็มิปาน

“อ่า...พี่เป็นให้น้องอายได้ทุกอย่าง ขอแค่น้องอายเป็นของพี่ อือ...สวยเหลือเกินคนดีของพี่ จำไว้นะ ร่างกายนี้มีพี่คนเดียวเท่านั้นที่จะได้สัมผัสครอบครองแบบนี้” บอกย้ำให้คนตัวเล็กจำทุกครั้งที่ปากหนาและลิ้นสากของเขาตวัดไปตามร่องอกอวบอูมพร้อมกับสองมือบีบเคล้นคลึงฟอนเฟ้น

“อือ...ทำไมพี่หมอใจร้าย พี่หมอทำให้น้องอายเกลียด อ่ะ...อือ...” แล้วก็ต้องแอ่นเด้งเร่าร่างขึ้นเมื่อปากหนากัดงับยอดอกสีชมพูระเรื่อของตัวเอง ทั้งเจ็บและเสียวในคราเดียวกัน

“อือ...ก็อย่าดื้อกับพี่สิ เชื่อฟังพี่แล้วจะไม่เสียใจ อ่า...พี่จะไม่ทำมากกว่านี้ พี่แค่อยากทำให้น้องอายรู้ว่าน้องอายเป็นของพี่ไม่ใช่ของไอ้หน้าอ่อนนั่น”

เขาเคลื่อนไล้หน้ามาซุกซอกคอระหงแล้วกัดซอกคอระหงพร้อมดูดเม้มให้เกิดรอย ก่อนจะผละออกมานั่งที่เบาะของตัวเองแล้วจัดการติดกระดุมเสื้อแต่งตัวให้น้องนางให้เรียบร้อย ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนอารยาได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นชนกัน ตอนนี้หล่อนรู้สึกร้อนปั่นป่วนในท้องน้อยไปหมด และทรมานแปลกๆ แต่ก็เม้มปากแน่นเมื่อเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วกระชากรถออกตัวไปจากตรงนี้

ทั้งสองมาถึงที่พักโฮมสเตย์เกือบเที่ยง พอมาถึงก็จัดการนำของไปเก็บไว้ที่ห้องพักส่วนตัวของตัวเองพร้อมเปลี่ยนชุดใหม่เพื่อปกปิดรอยที่ต้นคอซอกคอของตัวเองและเมคอัพปกปิดไว้โดยไม่สนใจอากาศที่ร้อนจัดของเมืองไทย อารยาเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไรกับใครเลยระหว่างนั่งรถไปดูต้นไม้ที่ร้านกับคุณลุงคุณป้า ส่วนทัพพ์เองก็ไม่ได้พูดจาอะไร เขาคุยโทรศัพท์ตลอดทาง ไม่ได้สนใจเธอด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มันมีอะไรที่เขาควรจะพูดให้ชัดเจนไม่ใช่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้

“น้องอายไปดูต้นกุหลาบกับป้าดีกว่าลูก ป้าจะสั่งให้เขาไปส่งให้ที่บ้าน” จากตอนแรกว่าจะมาซื้อแค่ไม่กี่ต้นแล้วก็กลับ แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาสั่งให้เขาไปส่งที่บ้าน เพราะดอกไม้ต้นไม้ที่บ้านของเขาจะมาซื้อที่อัมพวาที่ร้านนี้เป็นประจำ ถือว่าเป็นลูกค้าประจำเลยก็ว่าได้

“ค่ะป้าน้อง” อารยาตอบสั้นๆ แล้วเดินตามคนเป็นป้าไปทางต้นกล้าของต้นกุหลาบหลายๆ สายพันธุ์

“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าลูก” นงนุชถามเมื่อเดินห่างจากสองพ่อลูกมาแล้ว

“คะป้าน้อง”

“ก็หนูกับพี่เขาไม่คุยกันเลยตั้งแต่ออกมาจากโฮมสเตย์ จะว่าไปตั้งแต่มาถึงด้วยซ้ำ” นางถามอย่างจับพิรุธ

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้าน้อง ว่าแต่ป้าน้องจะซื้อไปลงสวนที่บ้านเยอะไหมคะรอบนี้” หญิงสาวเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง

“ก็ว่าจะซื้อไปลงเยอะเหมือนกันจ้ะ และจะมีกล้วยไม้ของลุงศรด้วย รายนั้นคงเดินไปดูกล้วยไม้กับลูกชายอยู่ตอนนี้”

“งั้นน้องอายช่วยเลือกนะคะ”

“จ้ะลูก เลือกไว้เลยนะ เดี๋ยวเด็กที่ร้านจะมาจัดให้เราแล้วจะได้เตรียมส่งไปให้เราที่กรุงเทพ” นางบอกหญิงสาวพร้อมกับพากันเดินเลือกดูต้นกุหลาบหลายๆ สายพันธุ์พร้อมกับฟังคำแนะนำของเด็กที่ดูแลโซนนี้ไปด้วยว่าต้นไหนดูแลรักษายังไงและปลูกในที่แบบไหนจะเจริญสวยงามและออกดอกเร็ว

ด้านทัพพ์กับพ่อเดินมาดูกล้วยไม้ด้วยกันอย่างที่แม่ของเขาพูดนั่นแหละ ทัพพ์มองดูกล้วยไม้หลากหลายสายพันธุ์แล้วก็หันไปถามคนเป็นพ่อว่าที่บ้านยังไม่มีสายพันธุ์ไหนบ้าง พอพ่อบอกเขาก็จัดการเลือกพันธุ์กล้วยไม้ ส่วนศรก็เดินดูกล้วยไม้พร้อมกับมองสังเกตสีหน้าของลูกชายที่เรียบขรึมผิดปกติที่ควรจะเป็น

“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าไอ้ทัพพ์” เขาถามอย่างคนช่างสังเกต

“ไม่มีอะไรครับ”

“เหรอ แต่พ่อว่ามีนะ”

“เรื่องของวัยรุ่นน่ะพ่อศร อย่ารู้เลยครับ เลือกกล้วยไม้กันเถอะครับ” เขาเปลี่ยนเรื่องแล้วเดินหนีไปอีกฝั่งทันที ส่วนศรเมื่อลูกชายไม่ยอมปริปากเล่าอะไร เขาก็ไม่คิดจะซักต่อ หากอยากบอกเล่าคงจะบอกตั้งแต่มาถึงที่อัมพวาแล้ว

“คืนนี้น้องอายจะไปดูหิ่งห้อยกับลุงและป้าไหมลูก” นงนุชถามทันทีหลังจากทานมื้อเย็นอิ่ม

“ไม่ดีกว่าค่ะ น้องอายเคยไปดูแล้วเมื่อครั้งมากับแม่แววค่ะ” หล่อนบอกท่าน

“งั้นป้ากับลุงจะไปดูหิ่งห้อยนะลูก ถ้าหนูต้องการอะไรก็ไปเคาะห้องของพี่ทัพพ์ได้นะลูก พี่เขาบอกนอนพักอยู่ห้องข้างๆ หนู” นางบอกเด็กสาว

“ค่ะป้าน้อง งั้นหนูขอตัวไปนอนพักผ่อนอ่านหนังสือบนห้องพักนะคะ” เธอไม่สนใจหรอกว่าทัพพ์จะอยู่ห้องข้างๆ ตัวเอง เพราะว่ามื้อค่ำเขาก็ไม่ลงมาทานด้วย ถือว่าดีเพราะจะได้ไม่ต้องปั้นหน้ายิ้มให้ชายหนุ่ม

“ลุงกับป้าไปก่อนนะลูก เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา” ศรเอ่ยบ้าง

“ค่ะลุงศร ไปดูหิ่งห้อยให้สนุกนะคะป้าน้อง ลุงศร” เธออวยพรท่านทั้งสอง

“จ้า” แล้วสองสามีภรรยาก็เดินออกจากโต๊ะทานข้าวไป ส่วนเธอก็ลุกขึ้นเดินไปยังห้องพักของตัวเองเพื่อจะไปยืนรับลมที่ริมระเบียงห้องของตัวเอง เพราะตอนนี้สองทุ่มแล้ว ดาวบนฟ้าก็เต็มสุกสกาวสวยงามพร้อมกับพระจันทร์เต็มดวงอีก มองแล้วโรแมนติกเหลือเกิน

ทัพพ์ไม่หิว เพราะเมื่อตอนกลับมาจากซื้อต้นไม้นั้นระหว่างทางคนขับรถพาแวะทานตลอดทางกลับ เขาจึงแน่นท้องและอิ่มอยู่ พอขึ้นมาบนห้องก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายตัวเองให้สะอาดทันที เพราะวันนี้อากาศร้อนเหนียวตัวจะแย่ เมื่ออาบน้ำเสร็จจึงเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวมายืนรับลมเย็นที่ระเบียงห้องพร้อมกับเสียงสั่นเตือนโทรศัพท์ดังขึ้น เขาจึงเดินกลับเข้าไปในห้องไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย

“ครับคุณหมอ”

“อาจารย์หมอสะดวกคุยไหมคะตอนนี้” แพทย์สาวเอ่ยกรอกเสียงหวานกลับมา

“สะดวกครับ” เขาเดินมาจับราวระเบียงคุยกับคุณหมอจบใหม่ ที่หลังๆ มานี้จะโทรหาเขาบ่อยเหลือเกิน เพราะตอนกลางวันก็โทรมาแล้วรอบหนึ่ง และมาตอนนี้อีก ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าแพทย์สาวคิดยังไงกับตัวเอง เขารู้แต่เขาไม่สนใจซะอย่างก็ทำได้แค่คุยเท่านั้นแหละ และหล่อนก็มักมีเหตุผลมาชวนเขาคุยเสมอ

“คือดิฉันมีเรื่องเคสของเมื่อตอนกลางวันจะปรึกษาอีกนิดหน่อยค่ะ ใจก็ไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของอาจารย์หมอ แต่ดิฉัน...”

“พูดมาเถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก เพราะเรื่องผู้ป่วยมาก่อนเสมอ ผมพักผ่อนตอนไหนก็ได้” เขารีบเอ่ยแทรกขึ้นก่อนที่หล่อนจะพูดจบประโยค

“อาจารย์หมอใจดีกับดิฉันตลอดเลย”

“ผมก็ใจดีกับลูกศิษย์ทุกคนนั่นแหละครับ ปรึกษามาเลยครับ มีตรงไหนที่ยังไม่เข้าใจก็ถามผมได้เลยครับ”

“ค่ะ งั้นดิฉันถามเลยนะคะ” แล้วปลายสายก็พูดร่ายยาวเรื่องของตัวเองเพื่อขอคำแนะนำจากอาจารย์หมอที่ตัวเองแอบรักทันที

ส่วนระเบียงห้องติดกันที่ตอนนี้เจ้าของห้องก็อาบน้ำใส่ชุดนอนมายืนรับลมเหมือนกันได้ยินคำพูดของคนที่อยู่ข้างห้องชัดทุกถ้อยทุกคำ เธอยืนกอดอกตัวเองแหงนมองท้องฟ้าพร้อมเบ้ปากบ่นพึมพำตลอดที่เขาตอบกลับปลายสายด้วยเสียงนุ่มสุภาพ

“แล้วบอกว่ารักเรา...ชิ! คนเจ้าชู้” ไม่รู้ว่าเธอจะน้อยใจและรู้สึกไปกับคำพูดของเขาทำไม ทั้งๆ ที่เธอเองก็มีแฟนอยู่แล้ว ใช่...มีแฟน เธอจึงเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ในห้องมาติดต่อหาแฟนหนุ่ม เพราะวันนี้ทั้งวันเธอยังไม่ได้ตอบไลน์ของเมทีเลยสักข้อความ

“ไมค์ทำอะไรอยู่” พอแฟนหนุ่มรับสาย เธอก็ถามทันที

“ไมค์กำลังเตรียมหัวข้อสำคัญไว้อ่านสอบน่ะ แล้วอายล่ะ ไปเที่ยวสนุกไหม”

“ไม่เลยไมค์ อายอยากกลับแล้วแหละ” เธอบอกแฟนหนุ่ม

“อือ...น่าเบื่อเหรอ งั้นหลังสอบเสร็จเราไปทะเลกันไหม ชวนเพื่อนๆ ในคณะไปด้วย”

“ดีเหมือนกัน ถือว่าไปฉลองก่อนเรียนจบ”

“งั้นหลังสอบเสร็จเราไปกันนะ”

“จ้ะ แล้วเนี่ยไมค์เตรียมถึงไหนแล้ว ของอายเตรียมเสร็จหมดแล้วนะ ไมค์ทำไมไม่รอถ่ายเอกสารจากของอายล่ะ”

“ไม่เอา เราอยากทำเองจะได้ทำความเข้าใจเองด้วย”

“ไมค์เก่งอยู่แล้ว ถ้างั้นอายไม่รบกวนแล้วนะ ฝันดีนะไมค์”

“ฝันดีครับอาย”

แล้วเธอก็ยิ้มให้กับโทรศัพท์ในมือที่เพิ่งกดวางสาย นี่สิตัวจริงของเธอ เธอควรจะกลับมาอยู่กับความจริงไม่ใช่หลงไปกับเรื่องระหว่างทางในวันนี้

“พระจันทร์คืนนี้สวยจัง” แล้วก็ถ่ายรูปเก็บพระจันทร์ในคืนนี้ไว้ เป็นคืนที่สวยงามมาก และระหว่างที่กำลังยืนมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวด้วยความเพลิดเพลินนั้น ทำให้ไม่รู้ว่าคนที่พักห้องข้างๆ กำลังปีนระเบียงจากห้องของเขาข้ามมาห้องของเธอ

“สวยจังเลย พระจันทร์และดาวที่นี่ไม่เหมือนที่บ้านเลย ว้าย!” แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจพร้อมดิ้นแรงเมื่อถูกจู่โจมทางด้านหลัง

“ชูว์...ตกใจไปได้ นี่พี่เอง” เขาปีนย่องมาสวมกอดเธอเงียบๆ ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ด้วย และไม่พอใจมากด้วยที่เธอดื้อยังติดต่อกับไอ้หน้าอ่อนนั่น แม้จะรู้ว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน แต่ก็ไม่ควรติดต่อกันให้เขาได้ยินแบบนี้ เขาหวงแม้กระทั่งเสียงเล็กสดใสของแม่น้องน้อยในวงแขนของเขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel