บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 หัวใจคนเรายากจะเข้าใจ

เมทีมารอแฟนสาวที่หน้าตึกเรียนเหมือนที่ส่งไลน์ไปหา แม้ว่าหญิงสาวยังไม่เปิดอ่าน เขาก็รออยู่ที่เดิม เพราะตอนนี้ใกล้ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว เหลือเวลาแค่สิบนาที และแล้วการรอคอยก็มาถึงเมื่อมองเห็นอารยาเดินลงจากรถยนต์คันหรูที่ตัวเองไม่คุ้นเคย เขาแปลกใจและสงสัยอยากรู้อยากถามแฟนสาว แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้

“ทำไมมาช้าจังอาย” เขาเดินไปหาแฟนสาวพร้อมเอ่ยถาม

“พอดีเราทานข้าวก่อนน่ะเลยมาช้า”

หล่อนบอกตอบพร้อมมองไปยังคนที่เดินตามหลังตัวเองมา ก่อนจะบุ้ยปากเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ ตอนแรกที่ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จจะขอตัวมามหาวิทยาลัย แต่ก็ถูกบังคับให้ทานมื้อเที่ยงกับเขาที่ห้องทำงานก่อน และอาหารแต่ละอย่างก็มีแต่ของโปรดเธอทั้งนั้น เธอจึงปฏิเสธไม่ได้ แถมท้องก็ทำให้เธอขายหน้าร้องให้เขาได้ยินทั้งๆ ที่เธอบอกเขาว่ายังไม่หิวแท้ๆ

“อ้อ...สวัสดีครับ” เมทีพยักหน้ารับรู้พร้อมยกมือสวัสดีคนที่เดินตามหลังแฟนสาวตัวเองมาด้วย ด้วยคิดว่าเขาอาจเป็นญาติของอารยาหรือไม่ก็พี่ชายแน่นอน

ทัพพ์มองหนุ่มหน้าอ่อนยกมือไหว้สวัสดีตัวเองอย่างมีมารยาท เขาจึงทำแค่เพียงยกยิ้มมุมปากพยักหน้าส่งให้แล้วหันมาพูดกับน้องน้อยของตัวเอง

“ตอนเย็นพี่จะมารับ” เขาบอกอารยา

“ผมไปส่งอายที่บ้านก็ได้ครับพี่” เมทีเอ่ยแทรกขึ้นแม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรกับแฟนสาว และรู้ด้วยว่าอีกฝ่ายไม่ชอบหน้าตนเอง เขาเป็นผู้ชาย เขามองออกและมองออกด้วยว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าที่มองเห็นแน่นอน

“ไม่ต้องหรอก ฉันจะมารับน้องอายเอง ส่วนนายก็เอาเวลารับส่งน้องอายไปตั้งใจเรียนเถอะ” เขาพูดแค่นั้นแล้วคว้าข้อมือเล็กมากุมไว้แล้วเอ่ยย้ำอีกครั้ง แม้ว่าเจ้าของมือเล็กจะบิดขัดขืน

“รู้นะว่าถ้าดื้อกับพี่จะเจออะไร รอพี่ที่นี่ พี่จะมารับกลับบ้าน ห้ามกลับกับใครทั้งนั้น” เขาสั่งเสียงดุดันก่อนจะปล่อยมือเล็กแล้วเดินกลับไปยังรถยนต์ที่จอดไว้ โดยไม่สนใจจะฟังคำตอบของอารยาและคำพูดของใคร

อารยาได้แต่มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เริ่มจะเอาแต่ใจเยอะเกินไปแล้ว เธอมองเขาเคลื่อนตัวรถออกไปจนลับตา ก่อนจะหันมาสนใจเมทีที่ตอนนี้คงอยากรู้ว่าเขาเป็นใครและทำไมเขาถึงสั่งเธอแบบนั้น แถมยังกล้าจับมือเธออีก

“ไมค์คงอยากรู้ใช่ไหม แม่แววฝากอายไว้กับพี่หมอน่ะ อายกับพี่หมอเราโตมาด้วยกัน บ้านเราก็อยู่ติดกัน”

“เขาชอบอาย”

“ไม่รู้สิ” หล่อนตอบแค่เพียงสั้นๆ แล้วพูดต่อ “เราไปเรียนกันเถอะ เดี๋ยวอาจารย์จะมาก่อน”

เมทีไม่ได้ซักต่อ เพราะการที่อารยาพูดแบบนี้แสดงว่าเธอไม่ต้องการพูดต่อ และเขาก็เคารพการตัดสินใจของแฟนสาว หากว่าอารยาอยากเล่าให้ฟังในอนาคต เธอคงพูดให้ฟังแน่นอน

“ไปเรียนกันอาย” แล้วเขาก็ฉวยข้อมือเล็กของแฟนสาวมาจับไว้แล้วเดินไปเคียงคู่กัน อารยานั้นรู้สึกไม่ชอบเลยที่เมทีจับมือเดินแบบนี้ แต่ก็ยอมให้เขาจับมือเดินเข้าไปในตึก เพราะยังไงเธอและเขาก็เป็นแฟนกันไม่ใช่ใครอื่น ใช่...เขาคือแฟนของเธอ ส่วนทัพพ์คือพี่ชายข้างบ้านเท่านั้นเอง

ทัพพ์มองดูเวลาที่ได้สอบถามอารยาไว้ว่าเธอจะเรียนเสร็จเวลานี้ เขาจึงรีบด้วยไม่อยากให้น้องน้อยรอนาน และกลัวว่าอารยาจะกลับไปกับคนอื่นก่อนตัวเอง แต่พอจะเดินเข้าไปในลิฟต์โดยสารก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงเล็กของคุณหมอที่เพิ่งจบใหม่ร้องเรียก

“อาจารย์หมอคะ”

“ครับ” เขามองไปทางแพทย์สาวจบใหม่ที่เดินยิ้มเข้ามาหาตัวเอง

“คือดิฉันมีเรื่องของผู้ป่วยจะปรึกษาอาจารย์หมอค่ะ ไม่ทราบว่าอาจารย์หมอพอจะมีเวลาให้ดิฉันสักสิบนาทีไหมคะ”

“ตอนนี้เหรอครับ” เขาถามพร้อมกับดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง

“ค่ะอาจารย์หมอ” แพทย์สาวเอ่ย

“งั้นเชิญที่ห้องทำงานผมเลยครับ” ยังไงเสียเรื่องของผู้ป่วยย่อมสำคัญกว่าเรื่องส่วนตัวเสมอ

“ขอบคุณนะคะอาจารย์หมอ”

หล่อนยิ้มหวานให้อาจารย์หมอที่เป็นทุกอย่างของตัวเอง หล่อนแอบรักอาจารย์หมอมาตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่ง จำได้ดีตอนที่เขาไปสอนที่มหาวิทยาลัยนั้น เขามีเสน่ห์มากแค่ไหน ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนวันแรก เขาเป็นแพทย์เชี่ยวชาญด้านโรคไตมือหนึ่งของประเทศ และเป็นมือหนึ่งของโรงพยาบาลด้วย

อารยารอทัพพ์มารับ แต่รอแล้วรอเล่าเขาก็ยังไม่มารับสักที เขาคงลืมแล้วแน่ๆ เธอจึงเดินไปหน้ามหาวิทยาลัยหมายจะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน แต่ก็มีรถยนต์คันหรูคุ้นเคยแล่นมาจอดข้างๆ

“ขึ้นรถสิ พี่บอกให้รอไง ทำไมไม่รอพี่” เขาลดกระจกลงเรียกคนตัวเล็กขึ้นรถ

“ก็...”

“ขึ้นรถมาก่อนค่อยคุยกัน” เขาบอกสั่งคนตัวเล็กอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธออ้ำอึ้งลีลาไม่ยอมเดินมาขึ้นรถสักที

“ค่ะ” แล้วก็เดินอ้อมไปเปิดประตูรถขึ้นนั่งข้างคนขับพร้อมรัดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อยพร้อมกับรถยนต์เคลื่อนตัวออกไปทันที

“ทำไมไม่รอพี่ล่ะ”

“พี่หมอมาช้า แถมโทรศัพท์น้องอายก็หายอีก ไม่รู้หายตอนไหนจึงไม่ได้โทรบอกค่ะ” เธอบอกเขา เพราะจนตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าเผลอทำโทรศัพท์หายที่ไหน

“พี่ขอโทษ พอดีพี่ติดธุระกับหมอที่โรงพยาบาลน่ะเลยมาช้า ส่วนโทรศัพท์น้องอายอยู่กับพี่ เราทำตกไว้ที่ห้องทำงานพี่น่ะ” เขาปลดเธอทั้งๆ ที่เขาเป็นคนเก็บไว้กับตัวเองแท้ๆ

“เหรอคะ”

“อือ...หิวรึยัง เราแวะกินข้าวก่อนไหม หรือจะไปกินข้าวที่บ้าน แม่น้องโทรมาบอกว่าทำกับข้าวไว้รอเยอะเลยนะ”

“กลับไปกินข้าวที่บ้านดีกว่าค่ะ อีกอย่างน้องอายเพลีย เหนื่อย วันนี้เรียนหนักด้วยปวดหัว” เธอพูดพร้อมกับเอนตัวหลับตาพิงเบาะนุ่มของรถยนต์มองข้างทางไปด้วย

“โอเคครับ งั้นกลับบ้านกันเลยนะ” แล้วเขาก็ไม่ชวนน้องน้อยพูดอะไรอีก เพราะว่าเธอเพลีย เขาจึงปล่อยให้เธอนอนระหว่างนั่งรถกลับบ้าน ส่วนเขาก็ตั้งใจขับรถมองถนนด้วยความระมัดระวัง

นงนุชยิ้มหวานเอ็นดูให้อารยาทันทีเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ส่วนอารยาก็ยกมือไหว้คุณป้าและคุณลุงเจ้าของบ้านพร้อมกับเดินไปนั่งที่โซฟาตัวที่ว่างอยู่ คนที่เดินตามมาก็เดินมานั่งเบียดเธอบนโซฟาตัวเดียวกันจนต้องขยับตัวถอยหนีและเขาก็ขยับตามจนตอนนี้เธอขยับไปไหนไม่ได้แล้วเมื่อชิดกับขอบโซฟาแล้ว

“ทำไมถึงมาด้วยกันได้ล่ะลูก” นงนุชถามลูกชายทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าลูกชายไปรับเด็กสาวจากมหาวิทยาลัยกลับมาบ้าน

“ลูกไปรับน้องอายครับ”

“พี่หมอไปรับน้องอายค่ะป้าน้อง”

“แล้วหิวรึยังน้องอาย วันนี้ลุงได้ยินป้าน้องบอกว่ามีของโปรดหนูด้วยนะลูก” ศรเอ็นดูเด็กสาวเหมือนลูกของตัวเอง และถ้าได้มาเป็นลูกสะใภ้จะดีมาก

“ขอบคุณลุงศรนะคะ น้องอายจะกินเยอะๆ เลยค่ะวันนี้”

“งั้นน้องอายก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนค่อยมากินข้าวกัน ตาทัพพ์ก็ด้วยนะลูก ไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนเถอะ” นงนุชเอ่ยเมื่อเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกนานกว่าจะได้เวลามื้อเย็น

“ดีเหมือนกันค่ะป้าน้อง งั้นน้องอายขอตัวกลับไปอาบน้ำที่บ้านก่อนนะคะ เดี๋ยวน้องอายมานะคะป้าน้องลุงศร”

“จ้ะน้องอาย” นงนุชเอ่ยรับคำพร้อมส่งยิ้มเอ็นดูให้เด็กสาวในชุดนักศึกษาน่ารัก ส่วนอารยาก็ลุกเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นทันทีเมื่อขอตัวเสร็จ จะเหลือแต่ลูกชายเจ้าของบ้านที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม

“เราก็ไปสิทัพพ์” ศรเอ่ยบอกลูกชาย

“ผมก็กำลังจะลุกอยู่เนี่ยไงครับพ่อศร” เขาบอกคนเป็นพ่อ

“งั้นก็ไปสิตาทัพพ์ และวันนี้พ่อกับแม่มีเรื่องจะคุยกับเราด้วยหลังกินมื้อเย็นอิ่ม” ศรเอ่ย

“งั้นผมไม่ไปอาบน้ำแล้ว เราคุยเรื่องที่พ่อศรกับแม่น้องจะคุยกับผมเลยดีกว่าครับ”

“รอหลังกินข้าวเย็นนะลูก” นงนุชเอ่ยบอก

“ครับ งั้นผมไปอาบน้ำนะครับ” จากนั้นทัพพ์ก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปทันที ส่วนพ่อกับแม่ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาเมื่อลูกชายเดินหายลับไปจากสายตา

“น้องว่าลูกชายเราจะเอาชนะใจน้องอายได้ไหม”

ศรเอ่ยถามเชิงปรึกษาภรรยา เพราะตอนนี้มองยังไงอารยาก็ไม่มีใจให้ลูกชายตัวเองแน่นอน และยิ่งได้ข่าวมาว่าเด็กสาวนั้นมีแฟนหนุ่มที่เรียนด้วยกันอยู่แล้ว คนนั้นก็ใกล้ชิดเจอกันทุกวัน ส่วนลูกชายของเขาก็ใกล้ชิด แต่อารยาก็ไม่เคยคิดกับทัพพ์เกินกว่าพี่ชาย แล้วมันจะเป็นไปได้เหรอ

“ดูกันไปก่อนพี่ศร น้องว่าเรามีหวังนะคะ เพราะน้องเชื่อว่าน้องมองไม่ผิดแน่ เมื่อกี้น้องอายมีท่าทีเขินอายออกมาให้เห็นแต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้รอดสายตาของน้องค่ะ” นงนุชพูดพร้อมกับยิ้มแล้วยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำส้มคั้นตรงหน้ามาจิบดื่ม

“ขอให้มันสมหวังเถอะ ก็เฝ้ามาตั้งแต่น้องอายตีนเท่าฝาหอย ตอนเด็กน้องอายเผลอทีไร ไอ้ลูกชายตัวดีเราต้องลวนลามหอมแก้มน้องอายตลอดเวลาที่ปล่อยให้อยู่กับน้องสองต่อสอง”

“ตาทัพพ์คงรักของตาทัพพ์แหละพี่ศร แต่ก็ดีนะคะ ถ้าน้องอายจะมาเป็นสะใภ้เรา ขันหมากไม่ต้องแห่ไกล”

“พี่ก็ยินดีที่จะมีลูกสะใภ้เป็นน้องอาย”

“อุ๊ย! ลืมโทรกลับหาคุณแววเลยค่ะ เดี๋ยวน้องโทรหาคุณแววก่อนนะคะ เมื่อเช้าเด็กบอกว่าคุณแววโทรหาน้อง น้องลืมเลย” นางลืมไปเลยว่าเมื่อเช้าอวิกาโทรหาตัวเอง

“ไปเถอะ เดี๋ยวพี่จะไปดูกล้วยไม้ที่โรงกล้วยไม้ก่อน”

“เดี๋ยวถ้าเด็กๆ อาบน้ำเสร็จ น้องให้เด็กไปตามนะคะพี่ศร” นางบอกสามีที่ลุกขึ้นจะเดินจากไป ส่วนสามีก็ยิ้มพยักหน้าตอบรับแล้วเดินจากไป นางจึงคว้าหยิบโทรศัพท์มาโทรไลน์หาอวิกาทันที

มื้อค่ำวันนี้ก็เหมือนทุกครั้งที่อารยามาทานข้าวด้วย พ่อกับแม่ของทัพพ์จะเอาใจหญิงสาวเป็นพิเศษ จนบางทีเขาก็สงสัยว่าตัวเองหรืออารยากันแน่ที่เป็นลูกของท่าน แต่ก็เข้าใจแหละ หล่อนน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ บวกกับท่านทั้งสองอยากมีลูกสาวเลยรักลูกสาวเพื่อนบ้านเปรียบเหมือนเป็นลูกในไส้ตัวเองก็มิปาน

“น้องอายแน่นพุงสุดๆ เลยค่ะวันนี้ ขอบคุณป้าน้องและลุงศรนะคะสำหรับมื้อเย็นวันนี้” ทันทีที่ทานบัวลอยไข่หวานของโปรดหมดชามที่สองก็เอ่ยขอบคุณพร้อมกับหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

“สำหรับน้องอายของป้าน้องแล้วต้องจัดชุดใหญ่ให้อยู่แล้วจ้ะ” นงนุชล่ะชอบเหลือเกิน อารยาเป็นผู้หญิงที่เวลาทานอะไรจะทานอร่อย นางจึงอยากให้เด็กสาวมาทานข้าวด้วยบ่อยๆ

“น้องอายช่วยพี่ๆ เก็บโต๊ะนะคะ” เมื่อเห็นว่าตอนนี้ทุกคนอิ่มแล้ว คนที่มาฝากท้องอย่างเธอจึงเอ่ยขึ้น

“ไม่ต้องหรอกลูก น้องอายกลับบ้านไปอ่านหนังสือเถอะ เห็นว่าใกล้สอบแล้วด้วยไม่ใช่เหรอ” ศรเอ่ย

“ใกล้สอบแล้วค่ะ แต่น้องอายอ่านคืนนี้ได้ค่ะลุงศร”

“กลับไปอ่านหนังสือเถอะลูก ที่นี่ให้เด็กๆ ทำเถอะ ป้าน้องกับลุงศรมีธุระจะคุยกับพี่เขาด้วยลูก” นงนุชเอ่ย

“งั้นน้องอายกลับบ้านเลยนะคะ”

“จ้ะลูก”

“ฝันดีนะคะป้าน้อง ลุงศร” อารยายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะเดินจากไป ทิ้งเหลือแต่เจ้าของบ้านและลูกชายนั่งอยู่ในห้องรับประทานอาหาร

“น้องอายก็กลับบ้านแล้ว แกตามพ่อกับแม่ไปที่ห้องทำงานนะทัพพ์”

ศรเอ่ยแล้วลุกขึ้นพร้อมภรรยาคู่ทุกข์ก็ลุกขึ้นเดินตามเขาไปอีกคน ส่วนทัพพ์ก็ได้แต่มองหน้าสาวใช้แล้วก็ส่ายหน้าไปมาคว้าหยิบแก้วน้ำตรงหน้ามากระดกดื่มจนหมดแก้ว ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงตามท่านทั้งสองไปยังห้องทำงาน ส่วนสาวใช้เมื่อเจ้านายไม่อยู่แล้วก็พากันเก็บกวาดโต๊ะทานข้าวทันที

เมื่อเดินเข้ามาในห้องทำงานก็เห็นพ่อกับแม่นั่งรอท่าที่ชุดโซฟาอ่านหนังสือแล้ว เขาจึงเดินไปนั่งตัวที่ว่าง ก่อนจะเอ่ยถามท่านทั้งสองด้วยความฉงน

“มีอะไรสำคัญจะคุยกับลูกรึเปล่าครับ”

“จะว่าสำคัญก็ได้ ไม่สำคัญก็ได้” ศรพูดตอบ

“แล้วเรื่องอะไรครับ ทำไมพ่อศรกับแม่น้องถึงมองหน้าผมแบบนั้น”

“พ่อกับแม่รู้นะว่าเราน่ะรักน้องอาย รักมานานแล้ว”

“ครับ” เขาก็รู้แหละว่าท่านทั้งสองดูออก ก็เขาแสดงออกชัดเจนมาตลอดว่าเสน่หาน้องน้อยข้างบ้าน

“ครับ? หมายความว่ายังไงตาทัพพ์ เราน่ะอายุเยอะแล้วนะ แก่กว่าน้องเกือบรอบเลยนะลูก แล้วจะพูดแค่นี้เนี่ยนะ” นงนุชไม่เข้าใจคำพูดสั้นๆ ของลูกชายเลยถามย้ำ

“แม่น้องกับพ่อศรก็ไปสู่ขอน้องอายกับน้าแววให้ผมสิครับ ผมไม่อยากเสียน้องอายของผมให้ใครไป ผมจองของผมมาตั้งแต่เด็ก” เขาบอกท่านทั้งสอง

“สู่ขอน่ะสู่ขอได้ แต่ถ้าน้องอายไม่รักแกล่ะทัพพ์ แกจะทำยังไง อีกอย่างพ่อกับแม่ก็รู้ด้วยว่าน้องอายมีแฟนแล้วตอนนี้” ศรเอ่ยบ้าง

“ก็แค่แฟนที่คบไว้โก้ๆ เท่านั้นแหละครับ เพราะเจ้าของของน้องอายคือลูก” ทัพพ์เอ่ย

“แม่กับพ่อของลูกรู้ว่าความรักของลูกมันจุกอกแล้วตอนนี้ เพราะน้องอายก็มีแฟน และลูกกำลังหึงน้อง แม่กลัวว่าทัพพ์จะทำอะไรเกินเลยและควบคุมตัวเองไม่ได้” นงนุชเอ่ยอย่างอ่านขาด

“ลูกเป็นลูกผู้ชายพอครับแม่น้อง ถ้าไม่ไหวจริงๆ จะไม่ล่วงเกินเด็ดขาด แต่ถ้าอดทนแล้วมันไม่ไหว อารมณ์ผมถึงจุดขาดสะบั้น มันก็ต้องว่าไปตามอารมณ์ครับ เพราะอนาคตมันคาดเดาไม่ได้ แต่แม่น้องกับพ่อศรก็รู้จักลูกชายคนนี้ดีไม่ใช่เหรอครับว่าเป็นคนยังไง ไม่ว่ายังไงผมก็รับผิดชอบการกระทำของตัวเองเสมอ และถ้าเป็นความผิดพลาดที่ผมตั้งใจให้เกิดขึ้นกับน้องอายแล้วละก็ ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยปละละเลย ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับผิดชอบและได้ครอบครองคนของผม” น้ำเสียงหนักแน่นของลูกชายทำให้พ่อกับแม่อย่างศรและนงนุชได้แต่ส่งยิ้มให้กำลังใจลูกชาย

“ถ้าพ่อศรกับแม่น้องหมดเรื่องจะพูดแล้ว ลูกขอตัวก่อนนะครับ คืนนี้ลูกนอนบ้านน้าแววเหมือนเดิมครับ” แล้วเขาก็ลุกเดินจากไปโดยไม่รอฟังว่าท่านทั้งสองจะมีเรื่องพูดกับตัวเองต่อหรือเปล่า

เฮ้อ!

ศรเอนตัวพิงพนักโซฟาทันทีเมื่อประตูห้องปิดสนิทพร้อมร่างลูกชายหายไปจากสายตา ตอนนี้ก็หวังแต่ว่าลูกชายจะไม่ใจร้อนและเอาแต่ใจตัวเองจนทำให้อารยาเสียใจ

“พี่ศรถอนหายใจทำไมคะ”

“ก็เป็นห่วงลูกชายเรานั่นแหละน้อง พี่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง ความรู้สึกของพี่บอกว่ามันไม่ราบรื่นแน่นอน และอารมณ์ของทัพพ์แม้จะสุขุมและอ่อนโยน แต่ใช่ว่าคนเราทุกคนจะไม่มีด้านมืดของตัวเอง ถ้าหากยามรักแล้วไม่ได้ครอบครอง และรักผสมความโกรธมันรวมตัวกันแล้วความวายป่วงก็จะเกิดขึ้น แล้วคนที่จะตกที่นั่งลำบากของอารมณ์ก็คงจะเป็นไอ้ทัพพ์ลูกชายของเรา” ศรพูดอย่างคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน

“ก็ได้แต่ดูและเตือนสติลูกแล้วค่ะตอนนี้ แต่ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น น้องเชื่อว่ายังไงลูกของเรากับน้องอายคือเนื้อคู่กัน จำไม่ได้เหรอคะ เมื่อปีที่แล้วที่เรากับแววไปทำบุญด้วยกันแล้วเราเอาดวงของลูกๆ ของเราให้พระอาจารย์ดู ท่านก็บอกว่าเด็กทั้งสองเป็นคู่กัน ยังไงเสียถ้าเกิดเรื่องวายป่วงจริงๆ หัวใจของเด็กทั้งสองก็ต้องหลอมรวมกันได้อยู่ดีค่ะพี่ศร”

“พี่ก็หวังให้เป็นแบบนั้นน้อง”

“งั้นเราขึ้นห้องพักกันเถอะค่ะ เนี่ยก็สองทุ่มแล้ว นอนดึกไม่ดีค่ะ”

“วันนี้ไม่ดูละครเหรอ” เขาถามภรรยา

“ไม่ดูค่ะ วันนี้ละครไม่ชอบเลยจะนอนไว พรุ่งนี้เราไปซื้อต้นไม้มาจัดสวนเพิ่มดีไหมคะ น้องว่าจะลงดอกไม้ที่สวนดอกไม้ข้างโรงกล้วยไม้ของพี่ศรอีกค่ะ”

“ไปสิ งั้นพรุ่งนี้เราไปดูดอกไม้กัน แถมพรุ่งนี้วันหยุดไอ้ทัพพ์ด้วยสิ ส่วนน้องอายรอถามพรุ่งนี้เผื่อไม่มีเรียนจะได้ชวนไปดูต้นไม้และไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาด้วยกัน”

“เป็นความคิดที่ดีเลยพี่ศร งั้นเราไปนอนกันเถอะค่ะ แต่ก่อนนอนต้องส่งไลน์ไปบอกตาทัพพ์ก่อนว่าพรุ่งนี้จะไปไหน และต้องไลน์ถามน้องอายด้วยว่าพรุ่งนี้มีเรียนไหม ถ้าถามพรุ่งนี้กลัวว่าจะปุบปับแล้วน้องอายจะปฏิเสธค่ะ” นางพูดบอกสามีอย่างรอบคอบ

“อือ...ก็จริง งั้นก็จัดการตามนี้เลย”

แล้วสองสามีภรรยาก็โอบประคองกันลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงานทันที เมื่อตอนหัวค่ำนงนุชก็ได้พูดปรึกษากับแม่ของอารยาเรื่องของลูกๆ ตัวเองแล้ว และฝ่ายนั้นก็ยินดีหากว่าลูกสาวตัวเองรักทัพพ์ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะตอนนี้อารยามีเมทีที่คบหาดูใจอยู่แล้ว ซึ่งเมทีก็ดูเป็นคนดี ฉะนั้นไม่ว่าลูกสาวจะรักใครเลือกใคร นางก็สนับสนุนอยู่ดี แม้ว่าทัพพ์หลานชายข้างบ้านจะมาวินเป็นเบอร์หนึ่งก็ตามแต่ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่เลือกก็คืออารยาอยู่ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel