แม่ยอดขมองอิ่มของพี่หมอ(หมอทัพพ์)

60.0K · จบแล้ว
ณิการ์
13
บท
1.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“อือ” สัมผัสแผ่วเบาที่แตะริมฝีปากทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้จนต้องยกมือขึ้นถูแรงๆ “ตื่นได้แล้วค่ะ ดึกแล้วนะคะ” เขาเขย่าแขนคนตัวเล็กปลุกให้ตื่น “อือ...พะ...พี่หมอเหรอคะ” หล่อนถามทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ “อือ...พี่หมอเองเด็กดี ตื่นได้แล้วนะคะ พี่หมอผ่าตัดเสร็จแล้วค่ะ” เขาบอกเธอและเขย่าปลุกเธอแรงกว่าเดิม “อือ...เหรอคะ” เธอลืมตาขึ้นช้าๆ พร้อมปรับไล่ระดับการมองเห็นของสายตา ก่อนจะลุกขึ้นนั่งด้วยผมที่ยุ่งเหยิงพร้อมกับยกมือเช็ดคราบน้ำลายที่ไหลเปื้อนแก้ม “อืม...พี่หมอเสร็จนานรึยังคะ” เมื่อมองเห็นคนตรงหน้าชัดเจนจึงเอ่ยถาม “เพิ่งเสร็จครับ แล้วพยาบาลบอกว่าน้องอายมารอ พี่เลยรีบขึ้นมาหา แล้วจะมาทำไมไม่โทรมาบอกหรือไลน์มาบอกหึ” เขาเช็ดคราบน้ำลายมุมปากของเธอมาดูดกินโดยไม่นึกรังเกียจ “อือ...สกปรกค่ะพี่หมอ” เธอปัดมือของเขาออกจากปากของเขา “น้ำลายของเมียสกปรกได้ไง ว่าไงหึ ทำไมไม่โทรหาหรือไลน์มาบอกก่อนว่าจะมา”

นิยายรักโรแมนติกประธานหมอเลขาคนธรรมดาผู้ชายอบอุ่นนักศึกษาพระเอกเก่งนางเอกเก่ง21+

บทที่ 1 แฟน?

อุ๊ย!

ร่างเล็กวิ่งออกมาจากบ้านด้วยความเร่งรีบจนไม่ทันได้ระวังเลยชนกับแขกที่เพิ่งเดินสวนกับตัวเองเข้ามาในบ้าน

“จะรีบไปไหนน้องอาย” เสียงทุ้มเอ่ยถามไม่จริงจังนักพร้อมกับยกมือปัดเสื้อตัวเองไปมาให้เรียบตึงเหมือนเดิม

“พี่หมอเหรอคะ น้องอายขอโทษนะคะ พอดีรีบเลยไม่ได้ระวัง งั้นน้องอายขอตัวนะคะ”

จากนั้นคนตัวเล็กในชุดนักศึกษาก็รีบวิ่งออกไปจากบ้านทันที ส่วนผู้เป็นแขกของบ้านได้แต่มองตามคนเร่งรีบไปจนลับสายตา

“หมอทัพพ์มาทำอะไรแต่เช้าจ๊ะ”

เสียงเนิบนาบตามวัยเอ่ยถามแขกผู้มาเยือนด้วยน้ำเสียงเอ็นดูลูกชายของเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกับตัวเองตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้เมื่อสี่สิบปีที่แล้ว

“แม่น้องบอกว่าน้าแววไม่สบาย ผมก็เลยแวะมาดูน้าแววก่อนจะไปทำงานครับ”

“น่ารักจริงพ่อคุณ หมอทัพพ์ไม่ต้องห่วงน้าหรอก ตอนนี้น้าสบายดีแล้ว เข้าไปในบ้านกันเถอะ เดี๋ยวน้าหาน้ำเย็นๆ ให้ดื่ม”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าน้าแววเป็นอะไรเรียกผมได้เลยนะครับ ช่วงนี้บ้านเรายิ่งฝุ่นพีเอ็ม สองจุดห้าด้วยครับ แถมยังมีไวรัสโครานามาอีก ผมเลยเป็นห่วงครับ หรือยังไงไปหาผมที่โรงพยาบาลได้เลยนะครับน้าแวว” หมอหนุ่มเอ่ยอย่างเป็นห่วง ด้วยตอนนี้อากาศและโรคภัยมักมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเสมอ

“หมอทัพพ์ห่วงใยคนอื่นเสมอ น้าขอบคุณมากนะจ๊ะ”

“ผมยินดีครับ ก็เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันนี่ครับ แล้วน้องอายรีบไปไหนแต่เช้าครับ” ยังไม่ลืมถามถึงคนตัวเล็กที่วิ่งชนตัวเอง

“พอดีพ่อไมค์จะมารับที่หน้าปากซอยน่ะ หนูอายเลยรีบ”

“ไมค์ไหนครับน้าแวว”

“หมอทัพพ์คงยังไม่รู้ว่าน้องสาวเราน่ะมีแฟนแล้วนะ เนี่ยพ่อไมค์น่ารักมาก นิสัยดีด้วย หนูอายพามาบ้านสองสามครั้งแล้ว เป็นเพื่อนเรียนที่คณะบริหารด้วยกันน่ะ เพิ่งตกลงเป็นแฟนกันได้เดือนกว่าเองนะหมอทัพพ์” อวิกาพูดถึงเรื่องของลูกสาวและแฟนหนุ่มไปยิ้มไปโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของหลานชายข้างบ้านว่าตอนนี้มันบึ้งตึงขมวดมุ่นชนกันเสียแล้ว

“ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับน้าแวว” ทัพพ์ทนฟังไม่ไหวจึงเอ่ยขอตัวพร้อมยกมือไหว้แล้วเดินก้าวยาวๆ ออกไปทันที

ส่วนเจ้าของบ้านก็ได้แต่มองตามหลังของหมอหนุ่มไปแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านของตัวเอง อวิกาเป็นหญิงหม้ายวัย 57 ปี มีลูกสาวคนเดียวคือนางสาวอารยา ม่วงฉวี หรืออาย วัย 21 ปี และอารยาก็กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่ก็ใกล้ได้เวลาไปร้านขายเพชรของครอบครัวแล้ว สามีที่จากไปทิ้งธุรกิจร้านเพชรไว้ให้นางและลูกสาวจึงไม่ได้ลำบาก ถือว่าเป็นคนมีอันจะกินเลยก็ว่าได้

ระหว่างที่ขับรถมายังโรงพยาบาลที่ครอบครัวตัวเองมีหุ้นส่วนอยู่ด้วย 40% นั้น ทำให้ทัพพ์ พ่วงทรัพย์ หรือหมอทัพพ์ วัย 38 ปี ขบคิดตลอดทางถึงเรื่องที่ได้ทราบมา เขาไม่ยอมแน่ ไม่ยอมให้อารยามีแฟนแน่นอน เขาเฝ้ามองหล่อนมาตลอดตั้งแต่เล็กจนตอนนี้เป็นสาวเต็มตัว ตั้งใจไว้ว่าหากน้องข้างบ้านเรียนจบจะให้คุณแม่และคุณพ่อมาสู่ขอมาเป็นเจ้าสาวให้ตัวเอง แต่คงจะยาก เพราะตอนนี้เธอมีแฟนแล้ว และแฟนของเธอก็ยังเป็นเพื่อนที่คณะที่เรียนด้วยกัน เจอกันทุกวันเสียด้วยสิ แล้วแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไตอย่างเขาที่วันๆ ทำแต่งานจะมีเวลาที่ไหนไปเต๊าะเด็กสาวได้ล่ะ แถมอายุของเขาก็เยอะกว่าอารยาเกือบรอบเลยทีเดียว ไม่มีทางหรอก เขายังไม่แก่ เขายังเหมาะสมกับหล่อน

พอมาถึงโรงพยาบาลชายหนุ่มก็จอดรถที่จอดประจำสำหรับผู้บริหารแล้วเดินเข้าไปในโรงพยาบาล แล้วสายตาของเหล่าพยาบาลและคนป่วยก็ต่างมองมายังออร่าของเขา หมอหนุ่มหล่อขวัญใจของสาวน้อยสาวใหญ่ในโรงพยาบาลที่มีความสูง 6 ฟุต ใบหน้าคมเข้ม แบบฉบับหนุ่มไทยแท้ คิ้วหนาเข้มดกดำพาดอยู่เหนือดวงตาสีดำทมิฬ แม้จะดุดันแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน

“สวัสดีค่ะอาจารย์หมอ” เสียงพยาบาลที่เขาเดินผ่านเอ่ยทัก

“สวัสดีครับ” น้ำเสียงทุ้มพร้อมยิ้มทรงเสน่ห์ส่งให้เหมือนทุกครั้งที่เคยทำ ก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟต์โดยสารของผู้บริหารเพื่อจะไปห้องทำงานของตัวเอง

วันนี้ทั้งวันทัพพ์เหนื่อยกับการผ่าตัดเปลี่ยนไตให้คนป่วย กว่าจะเสร็จก็ปาไปสามทุ่มกว่าแล้ว พอขับรถมาถึงบ้านแต่ยังไม่เลี้ยวเข้าไปในบ้านที่เปิดประตูรอท่าอยู่ สายตาของเขาก็มองไปเห็นคนสองคนยืนพูดคุยกันอยู่หน้าบ้านหลังข้างๆ และทันทีที่ได้เห็น เขาก็จอดรถแล้วลงจากรถเดินตรงไปหาคนทั้งสองทันที เพราะผู้หญิงที่ยืนคุยกับผู้ชายนั้นเป็นของเขา ใช่...ของเขาคนเดียว คนอื่นไม่มีสิทธิ์ เขาจองอารยามาตั้งแต่มัดผมแกละแล้ว ไอ้หน้าอ่อนนั้นมาทีหลังเขา

“ทำอะไรกัน” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับฉวยโอกาสคว้าข้อมือเล็กดึงรั้งให้มาหลบอยู่ด้านหลังตน

ว้าย!

“พี่หมอทำอะไรคะเนี่ย ตกใจหมดเลย” อารยาเอ่ยถามพร้อมบิดข้อมือตัวเองออกจากอุ้งมือใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ผล

“ใครน่ะอาย” เมทีถามแฟนสาวพร้อมกับมองหน้าของคนที่ตัวสูงกว่าตัวเอง ก่อนจะหลบตาเมื่อสายตาดุดันนั้นจ้องมองมาอย่างเอาเรื่อง

“พี่หมอน่ะ เป็นพี่ข้างบ้านเราเองไมค์” อารยาบอกแฟนหนุ่ม

“แล้วทำไมเขาถึงสนิท...”

“คือเราสองบ้านสนิทกันและอายก็สนิทกับพี่หมอเขามาตั้งแต่เด็กแล้วน่ะ ไมค์กลับเถอะ เนี่ยก็ดึกแล้ว ขอบคุณนะที่มาส่งอาย และยังพาไปดูหนังด้วยวันนี้” หญิงสาวบอกแฟนหนุ่มยิ้มๆ

“สำหรับอาย ไมค์ทำให้ได้ทุกอย่าง งั้นไมค์กลับก่อนนะ ฝันดีนะอาย” เมทีบอกลาแฟนสาว ไม่ลืมยกมือไหว้ชายหน้าดุที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง

“เดี๋ยวค่อยโทรคุยกันนะไมค์”

“ครับผม” แล้วเมทีก็เดินไปเปิดประตูรถแล้วติดเครื่องรถออกตัวไปทันที ตอนนี้ก็เหลือแต่ทัพพ์และอารยาสองคน

“พี่หมอปล่อยมืออายได้แล้วค่ะ อายจะเข้าบ้านแล้ว อายง่วง”

“เป็นอะไรกันถึงต้องมาส่ง แถมไปดูหนังกันด้วย” ทัพพ์ไม่ปล่อย แต่เลือกถามแทนทั้งๆ ที่เมื่อเช้าก็รู้แล้วว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน

“แฟนค่ะ แล้วพี่หมอจะอยากรู้ไปทำไมคะ ปล่อยได้แล้ว น้องอายเจ็บข้อมือนะ”

“เลิกกับมันซะ”

“อะไรกันพี่หมอ จะมายุ่งเรื่องส่วนตัวของน้องอายทำไม อีกอย่างไมค์เป็นคนดี ไม่ได้ทำอะไรผิด และน้องอายก็ชอบไมค์ด้วยค่ะ” เธอบิดข้อมือตัวเอง แต่แล้วก็ต้องร้องเจ็บออกมาเมื่อมือใหญ่กำข้อมือเธอแน่นกว่าเดิม

“โอ๊ย! เจ็บนะพี่หมอ”

“จะเลิกกับมันไหม”

“ก็บอกแล้วไงคะว่าน้องอายชอบไมค์ จะให้เลิกได้ยังไงคะ อีกอย่างน้องอายโตแล้ว โตพอจะมีแฟนแล้ว เนี่ยก็อีกสองเดือนจะเรียนจบแล้วด้วย แถมแม่แววก็รับรู้เรื่องของน้องอายกับไมค์แล้วด้วย แม่แววสนับสนุนเรา แล้วพี่หมอเป็นใครคะ เป็นแค่พี่ชายข้างบ้าน ไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับน้องอาย และก็ปล่อยได้แล้ว น้องอายง่วงจะไปนอน”

กรอด!

หมอหนุ่มกัดฟันแน่นจนเสียงดังออกมาให้คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างหลังได้ยิน เขาคลายมือที่กำข้อมือเล็กไม่ยอมปล่อยแล้วดึงคนตัวเล็กมายืนตรงหน้าตัวเอง

“ชอบมันงั้นเหรอ?”

“ค่ะ น้องอายชอบไมค์ แล้วพี่หมอ อ่ะ...อื้อ...”

แล้วเสียงเล็กก็กลืนหายเข้าไปในลำคอทันทีเมื่อปากหนาของคนกรุ่นโกรธนั้นโน้มลงมาบดจูบปิดปากน้อยพร้อมพยายามดุนดันปลายลิ้นตัวเองเข้าไปในโพรงปากเล็ก มือใหญ่ที่จับข้อมือเล็กก็เคลื่อนมากดหัวไหล่มนพร้อมบีบให้เธอรู้สึกเจ็บจนเผยออ้าปาก แล้วจังหวะนั้นเองทัพพ์ก็ฉวยโอกาสใช้ลิ้นสากควานหาความหวานในโพรงปากของน้องน้อย

“อ่ะ...อื้อ...”

ความหวานของปากอารยาทำให้เขาไม่อยากผละออกไปแม้แต่วินาทีเดียว ปากหนาของหมอหนุ่มบดเคล้าคลอเคลียดูดลิ้นน้อยที่พยายามถดถอยหนีตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอดยอมจำนนให้เขาแต่โดยดี เมื่อปล้ำจูบปลายลิ้นดูดเร่าในปากเล็กจนหนำใจแล้วเขาถึงได้ผละออกมาให้คนตัวเล็กได้หายใจ

เผียะ!

มือเล็กตวัดใส่หน้าหล่อของคนตัวโตทันทีเมื่อได้รับอิสระ

“สารเลว! น้องอายเกลียดพี่หมอ”

พูดจบก็วิ่งร้องไห้เข้าไปในบ้านทันที ทิ้งให้คนที่เพิ่งปล่อยให้อารมณ์โกรธยืนลูบแก้มสากตัวเองไปมาด้วยความเจ็บชาและไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะกล้าตบตัวเอง เพราะผู้หญิงส่วนมากชอบให้เขาจูบและวิ่งเข้าหา แต่กับอารยามันไม่ใช่ เธอรังเกียจจูบของเขา

หึหึ

“เกลียดยังไงน้องอายก็เป็นของพี่คนเดียว ไอ้หน้าอ่อนหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวน้องอายทั้งนั้น นอกจากพี่คนเดียว” เขาพึมพำกับตัวเองพร้อมหยักยิ้มร้าย ก่อนจะเดินกลับไปยังรถที่จอดทิ้งไว้เพื่อขับเข้าไปในบ้าน

ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์กว่าที่อารยาเอาแต่หลบหน้าทัพพ์ ไม่ว่าชายหนุ่มจะแวะมาที่บ้านทุกวัน ซื้อของมาฝากบ้าง แต่มีแต่แม่ของเธอเท่านั้นที่ต้อนรับเขา วันนี้เป็นวันอาทิตย์ วันที่ไม่อยากมาบ้านหลังข้างๆ แต่ก็ต้องมาเมื่อแม่ที่รักนั้นสั่งให้นำแกงเลียงกุ้งสดมาให้เพื่อนบ้านที่สนิทกันมานาน

“น้องอายถือปิ่นโตอะไรมาจ๊ะ” เสียงหวานตามวัยของนงนุชเอ่ยถามเด็กสาวข้างบ้านที่ตัวเองรักไม่ต่างจากลูก ก็เห็นอารยามาตั้งแต่เด็ก คนไม่มีลูกสาวมีแค่ลูกชายคนเดียวจึงรักและเอ็นดูเด็กข้างบ้านเป็นพิเศษ

“แม่แววให้นำแกงเลียงกุ้งสดมาให้ป้าน้องค่ะ”

“พอดีเลยลูก ป้าน้องเพิ่งสั่งให้เด็กตั้งมื้อเช้า น้องอายทานข้าวมารึยังจ๊ะ”

“ยังเลยค่ะ น้องอายนำปิ่นโตมาให้ป้าน้องแล้วก็จะกลับค่ะ”

“ทานด้วยกันดีกว่า เดี๋ยวลุงศรกับพี่หมอก็คงลงมาแล้ว” ชื่อของคนสุดท้ายทำให้เธอไม่อยากอยู่และต้องรีบไปจากบ้านนี้เร็วๆ จึงรีบเดินไปส่งปิ่นโตให้เจ้าของบ้าน

“ไม่ดีกว่าค่ะป้าน้อง น้องอายกลับไปทานที่บ้านดีกว่า น้องอายกลับนะคะ” ส่งปิ่นโตให้พร้อมกับบอกลาและยกมือไหว้แล้วเดินจากไปทันที แต่ขณะที่รีบๆ เดินนั้นทำให้เดินไม่ระวังชนเข้ากับร่างใหญ่ราวกับกำแพงเข้าอย่างจังจนเสียหลักเกือบหงายหลังล้ม แต่โชคดีที่ถูกรวบเอวเล็กไว้ได้ทัน

ว้าย!

“ระวังหน่อยสิ” เขาดุเธอเบาๆ แต่ไม่ยอมปล่อยมือที่รัดเอวเล็กแต่กลับกระชับกอดแน่นและดึงรั้งเข้ามาเบียดชิดร่างตัวเองแนบสนิทกว่าเดิมจนอารยาต้องยกมือขึ้นดันหน้าอกตัวเองออกห่างจากอกแกร่ง เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นได้หน้าอกเบียดไปกับคนตัวโตแน่

“ขอโทษค่ะพี่หมอ และก็ปล่อยน้องอายได้แล้วค่ะ” บอกพร้อมขืนตัวเองออกห่าง

“อือ...จะกลับแล้วเหรอ ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งอาทิตย์ ไม่คิดจะ...”

“น้องอายกลับก่อนนะคะ แม่แววรอกินข้าวอยู่” แล้วเธอก็รีบเดินเร็วๆ ออกไปทันที ส่วนคนที่ได้กอดน้องน้อยได้สูดกลิ่นกายสาวแต่เช้าของวันหยุดเลยทำให้วันหยุดนี้ของเขาเป็นวันที่แสนจะสดใสและไม่น่าเบื่อเหมือนที่คิดไว้

“แกล้งอะไรน้องตาทัพพ์” นงนุชเดินมาถามลูกชาย เมื่อกี้นางเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง และก็มองออกด้วยว่าทัพพ์คิดยังไงกับอารยา ซึ่งนางกับสามีก็ยินดีที่ลูกชายจะมีสะใภ้ให้เป็นเด็กสาวข้างบ้าน

“เปล่าสักหน่อยครับ หิวจังเลย ว่าแต่มีอะไรบ้างครับเช้านี้ แล้วพ่อศรล่ะครับ”

“เดี๋ยวก็ตามมา วันนี้มีกับข้าวหลายอย่างเลย และมีแกงเลียงกุ้งสดของโปรดลูกด้วยนะ น้าแววให้น้องอายนำปิ่นโตมาให้น่ะ”

“หิวจังเลย ไปรอพ่อศรกันเถอะครับ ทัพพ์หิวแล้ว”

“จ้ะ แม่รู้นะว่าเรากำลังคิดจะทำอะไร และหยุดเลยนะ น้าแววบอกว่าตอนนี้น้องอายน่ะมีแฟนแล้วด้วย” นางพูดขณะเดินเคียงข้างลูกชายไปยังห้องรับประทานอาหาร

“แล้วยังไงครับ เด็กนั่นผมเฝ้าจองมาตั้งแต่เด็ก คนอื่นห้ามแตะยกเว้นผม” เขาบอกเสียงเรียบแล้วเดินไปลากเก้าอี้ออกให้แม่นั่ง ก่อนจะเดินไปนั่งที่ประจำของตัวเองพร้อมกับศร พ่อของเขาเดินเข้ามาพอดี

“วันหยุดแกเหรอทัพพ์” ถามพร้อมกับดึงเก้าอี้ประจำของตัวเองออกมานั่ง

“ครับพ่อ”

“ดีเลย วันนี้ไปทำธุระกับพ่อหน่อยนะ”

“ได้เลยครับ”

“ก่อนจะคุยเรื่องอื่น ตอนนี้สนใจกับข้าวก่อนนะคะพ่อกับลูก” นงนุชเอ่ยพร้อมกับกวักมือเรียกเด็กมาตักข้าวให้สามี ลูกชาย และของตัวเอง เมื่อมีข้าวแล้วทุกคนก็เริ่มลงมือทานมื้อเช้ากันพร้อมกับพูดคุยกันไปด้วย