บทที่ 2 ทำไมยังไม่เลิกกับมันอีก
เมื่อทานมื้อเช้าอิ่ม หมอหนุ่มก็เดินมายังบ้านหลังข้างๆ เพื่อจะได้เจอแม่น้องนางของตัวเอง แต่เด็กรับใช้บอกว่าไม่มีใครอยู่ อวิกาไปร้านเพชรตั้งแต่ทานมื้อเช้าอิ่ม ส่วนอารยาเพิ่งออกไปข้างนอกก่อนเขามาเมื่อกี้เอง และพอถามก็ได้ความอีกว่าเธอออกไปกับเมทีแฟนหนุ่ม ได้ยินแค่นั้นริ้วรอยบนใบหน้าหล่อของทัพพ์ก็ลอยเด่นขึ้นมาทันทีพร้อมกับขอตัวกลับบ้าน
“เดินหน้าตึงมาเชียวตาทัพพ์” นงนุชเอ่ยถามลูกชายที่เดินหน้าตึงเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“ก็เด็กบ้านข้างๆ ทำให้ผมอารมณ์ไม่ดีครับ” พูดพร้อมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวที่ว่างอยู่
“อารมณ์ไม่ดี น้องอายทำอะไรให้ถึงอารมณ์ไม่ดีพ่อทัพพ์” นางถามลูกชายต่อ
“ก็ไปข้างนอกกับผู้ชาย”
“น้องอายแค่ไปกับเพื่อนรึเปล่าลูก”
“แฟนครับแม่น้อง น้องอายของคุณแม่มีแฟนแล้ว”
“ก็น้องอายเป็นสาวแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็เรียนจบปริญญาแล้ว ไม่เห็นแปลกเลยที่จะมีแฟน”
“แม่น้องเหมือนจะดีใจที่น้องอายมีแฟน”
“ดีใจสิ น้องอายมีแฟน เจอคนที่ดี แม่ก็ต้องดีใจด้วยอยู่แล้ว ว่าแต่เราเถอะตาทัพพ์ ไปหงุดหงิดน้องอายทำไมล่ะ”
“แม่น้องไม่เข้าใจผมเลยใช่ไหมครับ”
“แม่เข้าใจ แต่เราน่ะ อายุเยอะกว่าน้องอายมากเลยนะตาทัพพ์ อีกอย่างน้องอายก็ไม่ได้ชอบเราเหมือนที่เราทำตัวเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงมาตลอดสิบกว่าปีหรอกนะ” นงนุชรู้สิ และเข้าใจด้วยว่าตอนนี้ลูกชายกำลังหึงอารยา
“วันนี้ไม่ชอบ วันหน้าใครจะไปรู้ครับแม่น้อง อีกอย่างน้องอายเป็นของผม ผมมีสิทธิ์ในตัวน้องอายแค่คนเดียว ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ ขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับแม่น้อง”
“อือ...ลูกก็ควรยอมรับความจริงบ้างนะตาทัพพ์” นางเอ่ยไล่หลังลูกชายที่เพิ่งลุกเดินจากไป แล้วสามีของนางก็เดินสวนเข้ามาพอดี
“เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะแม่น้อง ทำไมลูกชายของเราหน้าตึงแบบนั้น” เดินมานั่งเบียดภรรยาบนโซฟาตัวเดียวกัน
“ก็ลูกของพ่อศรน่ะสิคะ หึงน้องอายทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ทำไมต้องหึงด้วยล่ะแม่น้อง”
“เห็นว่าน้องอายมีแฟนและออกไปข้างนอกกับแฟน ลูกชายของเราเลยไม่พอใจอย่างที่พ่อศรเห็นนั่นแหละจ้ะ”
“อือ...เพราะมันชักช้าไม่เดินเกมสักทีเลยโดนคนอื่นคาบไปแดกต่อหน้าต่อตา ก็สมควรแล้วล่ะแม่น้อง ว่าแต่วันนี้แม่น้องไม่ไปข้างนอกเหรอ”
“ไม่ไปค่ะ แล้วพ่อศรไม่ไปไหนเหรอคะ”
“ก็เนี่ยแหละว่าจะชวนลูกชายตัวดีของเราไปเป็นเพื่อน แต่ดูท่าแล้วคงไม่ไปแล้วมั้ง”
“แล้วจะไปไหนคะ”
“ไปตีกอล์ฟน่ะ”
“งั้นแม่น้องไปแทนก็ได้ อยู่บ้านก็เบื่อ” นางบอกสามี
“อือ...ไปสิ งั้นไปเปลี่ยนชุดกันเถอะ”
“ค่ะ” แล้วสองสามีภรรยาก็เดินโอบประคองกันออกจากห้องนั่งเล่นไป
ทันทีที่ขึ้นมาบนห้องส่วนตัว ทัพพ์เดินไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง จากนั้นก็กดต่อสายหาอารยาทันที แต่กดโทรแล้วโทรเล่าเจ้าหล่อนก็ไม่ยอมรับสาย แถมตัดสายทิ้งอีก เขาจึงส่งไลน์ไปให้เธอแทนว่า
‘ทำไมยังไม่เลิกกับมันอีก’
กดส่งไปไม่นาน เจ้าของไลน์ที่ได้รับก็เปิดอ่าน แต่ไม่มีการพิมพ์โต้ตอบกลับมา ทัพพ์ยิ่งโกรธ ยิ่งหงุดหงิดแล้วพิมพ์ข้อความส่งไปอีกครั้ง
‘อยู่ไหน พี่จะไปหา’
เงียบเหมือนเดิมแม้ว่าเธอจะเปิดอ่าน แล้วเขาก็ทำอะไรไม่ได้เมื่ออารยาไม่ยอมตอบกลับมาหรือบอกอะไรเลย แม้แต่โทรไปหา หล่อนก็ยังไม่รับสาย
“ได้ จะเล่นแบบนี้กับพี่ใช่ไหมน้องอาย เจอดีแน่” หมายมาดกับตัวเองแล้ววางกระแทกโทรศัพท์เครื่องหรูราคาแพงรุ่นใหม่ล่าสุดของตัวเองไว้ที่เดิมแล้วเดินไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำดับความกรุ่นโกรธของตัวเอง
ดึกเหมือนทุกครั้งที่อารยากลับมาบ้าน เธอยืนมองรถแฟนหนุ่มแล่นห่างออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“มีความสุขจังเลยนะ” ทัพพ์ที่แอบยืนอยู่ข้างพุ่มไม้ตั้งแต่เห็นรถของเมทีและอารยาแล่นมาจอดแล้วเอ่ยขึ้น
“พี่หมอ” หล่อนก้าวถอยหลังออกห่างคนที่เดินเข้ามาใกล้ตัวเองด้วยความหวาดหวั่น
“ทำไมไม่ตอบไลน์พี่ และทำไมยังคบกับมันอยู่ พี่บอกน้องอายให้เลิกกับมัน ทำไมไม่เชื่อฟังพี่” เขาเดินมาถึงตัวเธอพร้อมกับตวัดแขนออกไปรวบเอวเล็กดึงรั้งเข้ามาปะทะอกแกร่งตัวเอง
“อ่ะ...พี่หมอปล่อยน้องอายนะคะ” อารยาดิ้นขัดขืนให้หลุดพ้นจากวงแขนใหญ่ แต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งกอดรัดหล่อนแน่น
“พี่ไม่ปล่อย จนกว่าน้องอายจะรับปากพี่” เขาใช้มือข้างที่ว่างมาจับคางมนให้แหงนเงยขึ้นสบตาตัวเอง
“รับปากเรื่องอะไรคะ”
“เลิกกับไอ้หน้าอ่อนนั่นซะ เลิกกับมันตอนนี้เลย โทรหามันเดี๋ยวนี้” เขาสั่งเสียงดุ
“จะมากไปแล้วนะพี่หมอ”
“ไม่มากไปหรอก น้องอายเป็นของพี่”
“ไม่ใช่ น้องอายไม่ใช่ของพี่หมอ และไม่คิดจะเป็นด้วย น้องอายเกลียดพี่หมอ ได้ยินไหมคะว่าเกลียด เกลียดที่สุดคนเลว คน...อะ...อื้อ...” แล้วเสียงเล็กก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อริมฝีปากหนาโน้มลงมาทาบทับบดจูบ
“อ่ะ...อื้อ...”
เพียงแค่ได้บดเร่าสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากหวานล้ำของอารยา เขาก็ไม่อยากผละออกมา ทัพพ์ เคลื่อนไหวบดจูบควานกลืนความหวานของอารยาและกอดเกี่ยวเรียวลิ้นเล็กอย่างหยามใจ ก่อนจะผละออกมาปล่อยให้เธอได้หายใจเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกระตุกเหมือนคนจะขาดอากาศหายใจของหล่อน
“สารเลว! พี่หมอทำแบบนี้กับน้องอายได้ยังไง สองครั้งแล้วนะคะ” น้ำเสียงสั่นไปด้วยความโกรธและรู้สึกแปลกในใจที่หัวใจมันเต้นแรงพองโตยามคนใจร้ายบดจูบ
“ก็น้องอายเป็นของพี่ พี่จะทำยังไงกับน้องอายก็ได้ จะเอาน้องอายก็ยังได้ ว่ายังไง จะเลิกกับมันไหม”
“น้องอายชอบไมค์ ทำไมต้องเลิกกับไมค์ด้วย”
“พี่ให้โอกาสน้องอายพูดใหม่อีกที และห้ามบอกว่าชอบมันอีก พี่ไม่ชอบ”
“คนใจร้าย คนเอาแต่ใจ”
หึหึ
“โทรไปบอกเลิกมันเดี๋ยวนี้”
“ไม่! ยังไงน้องอายก็ไม่เลิกกับไมค์ ไมค์เป็นคนดีและดีกับน้องอายมาก ต่างจากพี่หมอที่เป็นคนเลวทำร้ายน้องอาย ทำให้น้องอายเสียใจ และก็ปล่อยน้องอายได้แล้ว น้องอายจะเข้าบ้าน” แม้ไม่แน่ใจว่าคนตัวโตจะปล่อยตัวเองหรือไม่ แต่ก็ยังอยากให้เขาปล่อยเธออยู่ดี ตอนนี้ทั้งอึดอัดและหัวใจของหล่อนมันก็เต้นแรงเพราะความโกรธหรือเพราะอะไรกันแน่ถึงได้เต้นไหวแรงแบบนี้ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ชิดบุรุษ
“ทำไมดื้อกับพี่แบบนี้น้องอาย ปกติไม่ดื้อกับพี่ไม่ใช่เหรอ”
“เรื่องอื่นน้องอายเชื่อฟังพี่หมอ แต่เรื่องหัวใจน้องอายขอคัดค้าน เพราะน้องอายทำตามที่พี่หมอบอกไม่ได้จริงๆ น้องอายชอบไมค์ ส่วนพี่หมอ น้องอายเกลียด เกลียดที่สุดตอนนี้ และก็ปล่อยได้แล้ว” หล่อนรวบรวมแรงดิ้นออกจากวงแขนใหญ่ทันทีเมื่อพูดจบความ และความชะล่าใจของทัพพ์จึงทำให้เธอดิ้นหลุดจากวงแขนไปได้
เผียะ!
พอได้รับอิสระก็ตวัดมือใส่หน้าหล่อของหมอหนุ่มแล้วรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที ส่วนคนที่โดนตบแบบไม่ทันตั้งตัวได้แต่กัดกรามแน่นมองตามร่างเล็กที่วิ่งเร็วๆ จากไป
“ฝากไว้ก่อนเถอะแม่ตัวดี ไม่เลิกกับมันใช่ไหม เจอดีแน่ พี่จะทำให้น้องอายเป็นของพี่ให้เร็วที่สุด” เขาหมายมาดกับตัวเอง ก่อนจะเดินกัดกรามแน่นกลับบ้านของตัวเอง
“คนบ้า! คนเลว! ทำแบบนี้กับน้องอายได้ยังไง นี่น้องนะ คนเผด็จการ!” พอขึ้นมาบนห้องนอนส่วนตัวก็หยิบรูปที่วางไว้ที่ข้างหัวเตียงมาต่อว่า รูปที่หยิบมาเป็นรูปของเธอและพี่ชายข้างบ้านที่ถ่ายด้วยกันเมื่อตอนเธออายุ 10 ขวบ
“คนใจร้าย ทำไมทำกับน้องอายแบบนี้ ทำไมต้องจูบกันด้วย แล้วทำไมต้องบังคับด้วย” วางรูปไว้ที่เดิมแล้วลุกลงจากเตียงเพื่อจะอาบน้ำนอน แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขวางเสียก่อน เธอจึงหยิบกระเป๋าสะพายมาค้นหาโทรศัพท์ที่ดังอยู่มารับสาย แต่พอเห็นชื่อที่โชว์หน้าจอก็ต้องถอนหายใจแรงออกมา
“โทรมาทำไมเนี่ย” พึมพำแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งไปบนเตียงอย่างไม่สนใจแล้วเดินไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำต่อ
เวลาผ่านไปนานสามสิบนาทีกว่าก็เดินออกมาจากห้องน้ำ พอเดินออกมาก็มาหยิบโทรศัพท์ที่โยนทิ้งก่อนหน้านี้มากดรับสาย เพราะเสียงเรียกเข้ายังคงดังอยู่
“อะไรอีกคะพี่หมอ”
“ทำไมไม่รับสายพี่”
“ก็คนอาบน้ำ”
“อือ...แล้วนี่จะนอนรึยัง”
“ก็นอนสิคะ นี่ดึกมากแล้ว”
“งั้นฝันดีนะ” แล้วปลายสายก็กดตัดสายทิ้งทำเอาอารยาขมวดคิ้วมึนงงไม่เข้าใจพี่ชายข้างบ้าน
“อะไรของเขา โทรมาเป็นสี่สิบกว่าสายเพื่อจะบอกฝันดีเนี่ยนะ คนบ้า” ปากบ่นแต่มุมปากนั้นกลับแย้มยิ้มออกมาอย่างที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองแอบเผลอยิ้มไปกับคำบอกฝันดีของทัพพ์
หล่อนทิ้งโทรศัพท์ไว้บนเตียงแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อจะทาครีมบำรุงผิวตัวเอง แล้วก็ต้องเม้มปากแน่นเมื่อเห็นว่าหน้าของตัวเองกำลังยิ้มและสองแก้มนวลก็กำลังแดง
“บ้าน่า...ยัยอาย เธอเป็นอะไรไปเนี่ย” บ่นว่าตัวเองแล้วสะบัดหัวตัวเองแรงๆ ไม่ให้คิดถึงคำพูดก่อนวางสายของหมอหนุ่ม ก่อนจะสนใจกับการบำรุงผิวตัวเองต่อ
อวิกามองออกว่าหลานชายข้างบ้านคิดยังไงกับลูกสาวของตัวเอง ก็ดูเอาเถอะ แสดงออกขนาดนี้แล้วใครจะไม่รู้ หมอหนุ่มแวะมาที่บ้านของนางทุกวัน และวันนี้ก็เช่นกัน ซึ่งอีกสองวันนางก็จะเดินทางไปญี่ปุ่นกับเพื่อนๆ แล้ว นางจะได้ฝากฝังให้ทัพพ์ช่วยดูแลอารยาและบ้านให้พอดีเลย
“หมอทัพพ์มาหาน้าหรือมาหาน้องอายจ๊ะวันนี้”
“ทั้งสองแหละครับ แล้วนี่น้องอายยังไม่กลับอีกเหรอครับ”
“วันนี้น้องอายไม่มีเรียน นอนอ่านหนังสืออยู่บนห้องน่ะ ว่าแต่หมอทัพพ์เถอะ วันนี้ทำไมกลับไวจังลูก”
“พอดีวันนี้ไม่มีเคสผ่าตัดครับน้าแวว อีกอย่างผมซื้อขนมไทยที่หน้าโรงพยาบาลมาฝากด้วยครับ” เขาพูดพร้อมกับส่งยื่นถุงขนมไทยที่ตัวเองซื้อติดมือส่งให้เจ้าของบ้าน
“ขอบใจมากจ้ะ แต่ครั้งหน้าไม่ต้องแล้วนะหมอทัพพ์” รับมาพร้อมกับกวักมือเรียกเด็กรับใช้มานำถุงขนมไปจัดใส่จานมาเสิร์ฟ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเต็มใจ”
“ขอบใจมากพ่อคุณของน้า และน้ามีเรื่องจะรบกวนหมอทัพพ์ด้วย”
“เรื่องอะไรครับน้าแวว”
“อีกสองวันน้าจะไปญี่ปุ่นกับเพื่อนน่ะหมอทัพพ์ น้าเลยอยากฝากเราดูแลบ้านและน้องอายให้ด้วยจะได้ไหม น้าไปรอบนี้ไปสองอาทิตย์เลยลูก”
“ผมยินดีครับน้าแวว” ตอบรับแบบไม่ต้องคิดนานเลย เพราะนี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ใกล้ชิดอารยา
“น้าขอบใจมากนะหมอทัพพ์”
“ผมยินดีครับ อยากให้ผมช่วยอะไรบอกได้เลยนะครับ แล้วร้านเพชรของน้าแววใครดูแลครับ ถ้าน้าแววไปนานแบบนี้”
“ผู้จัดการร้านน่ะลูก แต่น้องอายจะแวะไปช่วยน้าดูบ้างจ้ะ อันนั้นไม่น่าห่วง เป็นห่วงแต่น้องอายเนี่ยแหละ ยิ่งตอนนี้มีแฟนกลับบ้านดึกทุกวัน แถมอยู่ไม่ค่อยติดบ้านด้วย และช่วงนี้ใกล้เรียนจบแล้วด้วย น้ายิ่งเป็นห่วง จะมีแต่หมอทัพพ์เนี่ยแหละที่น้าไว้ใจให้ดูแลน้องอายกับบ้านระหว่างที่น้าไม่อยู่” จริงอยู่แม้เมทีจะเป็นคนนิสัยดี แต่นางก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี
“ผมยินดีครับน้าแวว ร้านเพชรถ้าน้าแววไม่ว่าอะไร ผมเข้าไปช่วยดูแลก็ได้นะครับช่วงนี้”
“ใจดีเหลือเกินพ่อคุณของน้า เอาเป็นว่าตามนี้นะหมอทัพพ์ น้าฝากดูแลบ้าน น้องอาย และร้านด้วยนะ และอย่าให้น้องอายกลับดึกนะช่วงที่น้าไม่อยู่ เดี๋ยวน้าบอกน้องอายอีกทีว่าช่วงนี้ให้กลับบ้านเป็นเวลาด้วยจะได้ไม่รบกวนหมอทัพพ์มาก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมยินดีครับน้าแวว”
“ใจดีจริงๆ พ่อคุณ งั้นเย็นนี้อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันไหมลูก”
“วันนี้เห็นทีจะไม่ได้ครับ ผมนัดกับแม่น้องและพ่อศรว่าจะกลับมาทานข้าวเย็นด้วยครับวันนี้ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“จ้ะพ่อคุณ”
ทัพพ์ยกมือไหว้ลาอย่างมีมารยาทเหมือนอย่างตอนแรกที่เดินเข้ามา เขาเดินจากไป ส่วนเจ้าของบ้านได้แต่มองยิ้มตามไปแล้วก็นึกไปถึงหน้าลูกสาว ทำไมนะ ทำไมอารยาถึงมองไม่เห็นความรักของหมอหนุ่มเหมือนที่นางมองเห็นบ้าง
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
เสียงสั่นโทรศัพท์ของอารยาดังขึ้นขณะนอนอ่านหนังสืออยู่ พอมองดูหน้าจอก็เห็นเป็นชื่อของแฟนหนุ่ม เธอก็ยิ้มแล้วกดรับสายทันที
“ว่าไงไมค์”
“พรุ่งนี้ไมค์ไปหาอายที่บ้านนะ”
“ได้สิ ว่าแต่จะมาตอนไหน”
“บ่ายๆ”
“โอเค เจอกันนะไมค์”
“ครับ เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“จ้า”
“ไมค์รักอายนะ” ก่อนตัดวางสายเมทีไม่ลืมบอกรักอารยา แต่อารยาทำเพียงแค่ครางตอบรับแล้วกดวางสายไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรือทำไมถึงไม่กล้าบอกรักแฟนหนุ่มสักที ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ชอบอีกฝ่ายมากเช่นกัน
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
“อะไรของไมค์อีกเนี่ย” เพราะคิดว่าเป็นเมทีโทรมาอีกครั้งเลยรีบหยิบโทรศัพท์มากดรับสายทันที
“ว่าไงไมค์”
“พี่เอง”
“พะ...พี่หมอ”
“ใช่ จำเสียงพี่ได้นี่”
“ค่ะ แล้วพี่หมอมีอะไรคะ”
“พี่แค่อยากได้ยินเสียงน้องอายเฉยๆ ก็เล่นหลบหน้าไม่พอ ไม่รับสายพี่อีก อ่านไลน์ก็ไม่ยอมตอบ คิดถึงนะครับ”
“บ้า” หล่อนเขินกับคำพูดของพี่ชายข้างบ้านจนบิดตัวกลิ้งไปมาบนเตียง หากทัพพ์ได้มาเห็นภาพเธอตอนนี้คงยิ้มพอใจไม่น้อย
หึหึ
“ถ้าจะโทรหาน้องอายพูดเรื่องไร้สาระแค่นี้ ขอวางสายนะคะ” พอสติกลับมาก็กรอกเสียงแข็งส่งไปในสายทันที
“ก็พี่คิดถึงน้องอายนี่ ไม่เจอหน้ากันตั้งหลายวันแล้วนะเราน่ะ จะหลบหน้าพี่ไปถึงไหน เกลียดพี่มากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“คะ...คือ...”
“ว่าไงครับ เกลียดพี่หมอมากขนาดนั้นเลยเหรอ เกลียดถึงขนาดไม่อยากพูดด้วยจริงๆ เหรอ”
“ไม่พูดกับพี่หมอแล้ว เสียเวลา”
“อย่าเพิ่งวางนะ แม่น้องให้พี่โทรบอกน้องอายมาเอาแกงเขียวหวานเนื้อของโปรดน่ะ พี่เลยโทรมาหาเรา ตอนแรกก็กลัวนะ กลัวน้องอายจะไม่รับสาย แต่โชคเข้าข้างพี่ น้องอายกดรับสาย และก่อนหน้านี้คุยกับไอ้หน้าอ่อนใช่ไหมถึงได้ทักพี่แบบนั้น”
“ค่ะ เดี๋ยวน้องอายไปเอาแกงเขียวหวานค่ะ ส่วนเรื่องส่วนตัวขอไม่ตอบนะคะ” พูดจบก็กดตัดสายทันที
“คนบ้า แล้วเราจะกลิ้งเขินทำไมเนี่ย” พอวางสายไปแล้วก็แปลกใจตัวเองที่เขินไปกับคำพูดของทัพพ์ แถมยังแสดงออกขนาดนี้อีก เธอเป็นอะไรไปเนี่ย