ตอนที่ 3 เหตุผลที่คุณแม่รีบ
ตอนที่ 3 เหตุผลที่คุณแม่รีบ
"เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ เรื่องอะไรจะคืน" สำหรับคุณน้ำผึ้ง ท่านอยากได้หนูดีมาเป็นลูกสะใภ้จริงๆ ท่านรักและเอ็นดูหนูดีมาก ไม่เกี่ยวว่าหนูดีเป็นลูกใคร จะเป็นลูกสาวแม่บ้าน หรือจะเป็นลูกสาวของนักธุรกิจใหญ่โตรวยล้นฟ้ามาจากไหน ท่านก็ไม่ได้สนใจ สิ่งที่ท่านสนใจก็คือ คุณสมบัตินิสัยใจคอของหนูดีต่างหาก อนาคตหนูดีสามารถสร้างความสุขให้กับลูกชายของท่านได้อย่างแน่นอน เรื่องนี้ท่านมั่นใจ
แต่ถ้าจะพูดแค่ในเรื่องนี้ ก็ดูเหมือนว่าคุณน้ำผึ้งจะเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อย ซึ่งท่านยังมีเหตุผลอื่นอีก เช่นหนูดีมีแม่เลี้ยง ท่านไม่รู้หรอกว่าภรรยาของคุณภานุเมศร้ายหรือดี แต่สิ่งที่สามารถมองเห็นได้ตอนนี้ก็คือผู้ชายคนนั้นไม่สามารถปกป้องคนที่ตัวเองรักและลูกแท้ๆได้ เพราะถ้าทำได้คงทำไปนานแล้ว คงไม่ต้องรอให้ถึงวันนี้ สิ่งที่ทำได้ที่ผ่านมาก็แค่เอ่ยปากฝากคนรักกับลูกสาวไว้ที่บ้านหลังนี้ ส่วนตัวเองก็ทำได้แค่แอบมองดูอยู่ไกลๆ แต่ทั้งหมดนี้แก้วแม่ของหนูดีไม่รู้เรื่องนี้เลย
"บ่นอะไรครับคุณแม่" กัปตันเดินหนีหนูดีออกมาจากห้อง ได้ยินเสียงคุณพ่อกับคุณแม่เถียงกันแว่วๆจึงเดินเข้ามาดู แต่พอเดินมาถึงกลับเห็นคุณแม่นั่งบ่นอยู่คนเดียว
"มาพอดีเลย นั่งลงคุยกันหน่อยสิ"
"ผมเหรอครับ"
"เรานั่นแหละ จะใครล่ะ มีกันอยู่แค่นี้" กัปตันมองดูสีหน้าคุณแม่ก็รู้สึกว่าท่านกำลังหงุดหงิด
"มีเรื่องอะไรเหรอครับ" กัปตันทิ้งตัวนั่งลงไปที่โซฟาตัวเดียวกันกับคุณแม่ของเขา
"ลูกว่าหนูดีน่ารักมั้ย"
"คุณแม่..." กัปตันลากเสียงยาว เขาพอจะมองออกว่าคุณแม่ของเขากำลังคิดอะไรอยู่
"น้องไม่น่ารักเหรอ"
"คุณแม่ครับ น้องยังเด็กอยู่เลยนะครับ เพิ่งจะสิบแปดเอง ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย"
"เดี๋ยวก็โต แม่ไม่ได้บอกให้แกรีบตอนนี้สักหน่อย รอให้น้องเรียนจบก่อนก็ได้"
"อย่าบอกนะครับว่าคุณแม่พูดเรื่องนี้กับหนูดีไปแล้ว"
"พูดตั้งนานแล้ว ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าเลย แม่ก็เลยมาพึ่งแกอีกแรง" กัปตันสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างแรง
"มิน่า" พักหลังๆมานี้หนูดีชอบพูดแปลกๆ
"มีอะไรหรือเปล่า"
"เปล่าครับไม่มีอะไร ว่าแต่คุณแม่เถอะ มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมดูรีบร้อนจัง หรือว่ากลัวผมเหงา"
"ไม่ใช่"
"จะว่าไปแล้วตั้งแต่ไออุ่นแต่งงานย้ายไปอยู่กับพี่ภีร์ อันที่จริงผมก็รู้สึกเหงาจริงๆนั่นแหละ แต่ผมคิดกับหนูดีแบบที่คุณแม่ต้องการตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ" สำหรับกัปตัน เขามองหนูดีน่ารักมาตลอดเสมอ แต่ก็แค่สถานะน้องสาวเท่านั้น ถ้ามากกว่านี้อนาคตอาจจะได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้
"ทำไม" คุณน้ำผึ้งอยากฟังเหตุผลของลูกชาย แต่เขาบอกไม่ได้
"ผมมีเหตุผลก็แล้วกัน" เหตุผลของเขาก็คือ ข้อแรกหนูดียังเด็กเรื่องบนเตียงทำไม่ได้เพราะคุกอาจจะรออยู่ข้างหน้า ข้อสองหนูดีต้องเรียนหนังสือมีความรักตอนนี้อาจจะเรียนไม่จบ ข้อสามเขาออกเที่ยวตามประสาผู้ชายไม่ได้ มีแฟนแล้วเรื่องเที่ยวคงต้องงด เมื่อมาคิดๆดูแล้วเวลานี้ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมแน่นอน แต่ถ้าเขายอมทำตามที่คุณแม่พูด มีสองทางให้เขาเลือก ทางที่หนึ่งช่วยตัวเองเป็นระยะเวลาสองปี รอจนกว่าหนูดีจะมีอายุยี่สิบปีเต็ม ทางที่สองกินเด็ก คุกหรือไม่คุกดวลเอาวันข้างหน้า
"แล้วถ้าแม่จะบอกว่า กำลังจะมีคนมาเอาหนูดีไปล่ะ ลูกจะรีบมั้ย" เรื่องนี้คุณน้ำผึ้งก็ยังไม่แน่ใจ ทางโน้นไม่มีทายาท ท่านแค่พูดเผื่อๆไว้เท่านั้น เพราะโอกาสที่จะเป็นไปได้มีสูงมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าหนูดีจะยอมไปหรือไม่ เพราะเหตุผลนี้คุณน้ำผึ้งจึงอยากจะรั้งหนูดีเอาไว้ที่นี่ด้วยวิธีนี้
ก่อนหน้านี้คุณน้ำผึ้งพูดเสมอว่าหนูดีเหลือตัวคนเดียว แกเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้า แต่หลังจากที่แม่ของเธอเสียไป พ่อที่ไม่เคยสนใจก็เริ่มอยากจะแสดงตัว ซึ่งเรื่องนี้ท่านไม่พอใจมาก
"ใครจะเอาน้องไปครับ...ผมไม่ให้นะ ผมเสียไออุ่นไปหนึ่งคนแล้ว ผมไม่อยากเสียหนูดีไปอีก" แค่คิดก็ยอมไม่ได้แล้ว
"เขาคนนั้นจะเป็นใครไม่สำคัญ ถ้าลูกไม่อยากให้น้องไปจากเราก็รีบๆหน่อยแล้วกัน อ่อเราเป็นผู้ชายห้ามล่วงเกินน้องถึงขั้นนั้นเด็ดขาดจนกว่าน้องจะเรียนจบ" เรียนจบ!! คุณแม่กำลังทรมานลูกทางอ้อม
"คุณแม่ก็คิดได้เหมือนกันนี่ครับ คนคบกัน เป็นแฟนกัน เรื่องนั้นใครมันจะไปทนไหว"
"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเลือก ระหว่างความอดทนที่ลูกผู้ชายต้องมีให้มากๆกับปล่อยให้หนูดีไป" คุณน้ำผึ้งเป็นผู้ใหญ่ อีกทั้งยังเป็นแม่คน ยังไงก็ต้องห้ามปรามลูกชายของตัวเองไว้ก่อนบ้าง ส่วนเมื่อเวลานั้นมาถึงก็ว่ากันไปตามธรรมชาติ แต่ท่านเชื่อว่าลูกชายของท่านมีความเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะสามารถหักห้ามใจของตัวเองได้
"คุณแม่กำลังขู่อะไรผมครับเนี่ย ใครครับใครจะมาเอาหนูดีไป บอกผมหน่อยได้มั้ย"
"คุณพ่อของเธอ" จบประโยคนี้ของคุณแม่ กัปตันนิ่งไป ก่อนที่จะตั้งคำถามต่อว่า...
"หนูดีไม่มีพ่อไม่ใช่เหรอครับ"
"คนบ้าอะไรไม่มีพ่อ ไม่มีพ่อจะเกิดมาได้ยังไง" คุณแม่อารมณ์เสียแล้วมาลงที่ลูก!
"คุณพ่อของหนูดีเป็นใครครับ ผมรู้จักมั้ย" คุณน้ำผึ้ง มองหน้าลูกชายนิ่งๆสักครู่ ราวกับไม่อยากบอก แต่ท่านก็อดใจไม่ไหว กลัวว่าลูกชายจะไม่ร่วมมือด้วย จึงตัดสินใจยอมบอก
"คุณภานุเมศ"
"คุณอาภานุเมศน่ะเหรอครับ จะเป็นไปได้ยังไง" เขาคือคนที่วนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวันของครอบครัวมาตลอด ถึงแม้ว่าจะไม่บ่อยแต่ก็ถือว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี
"รู้แค่นี้พอ ขี้เกียจตอบแล้ว ตกลงจะเอายังไง"
"ขอผมคิดดูก่อนแล้วกันนะครับ"
"........."
"คุณแม่รู้เรื่องพ่อของหนูดีตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ"
"ตั้งแต่หนูดีสามขวบ"
"ตั้งแต่แรกเลยเหรอครับ"
"แม่ไม่มีวันยอมให้หนูดีไปจากที่นี่เด็ดขาด"
"งั้นผมขอถามอีกข้อ ในเมื่อคุณแม่รู้ว่าหนูดีเป็นลูกใคร ทำไมถึงให้หนูดีอยู่บ้านเราในฐานะคนใช้ล่ะครับ"
"เพราะว่าแก้วไม่รู้ว่าแม่กับคุณพ่อรู้เรื่องนี้ของพวกเธอ วันนั้นเธอมาสมัครงานแม่ก็แค่รับเอาไว้"
"บังเอิญจังเลยนะครับ"
"อันที่จริงก็ไม่ใช่ความบังเอิญหรอก พอดีมีคนช่วยจัดฉากให้นิดหน่อยน่ะ"
"คุณแม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับหนูดีมั้ยครับ"
"ไม่คิด"
"คุณแม่อย่าบอกหนูดีนะครับ ว่าผมรู้เรื่องที่คุณแม่คิดจะจับคู่ผมกับหนูดี"
"กลัวอะไร"
"ผมเขินเธอ ไม่งั้นคุณแม่ก็จับผมกับน้องคลุมถุงชนแต่งงานกันเลยสิครับ"
"แม่อยากให้เราสองคนรักกันก็จริง แต่ทั้งหมดนี้แม่ไม่ได้บังคับนะ อย่าเข้าใจผิด ลูกทั้งสองคนจะต้องรักกันด้วยความเต็มใจเท่านั้น ชีวิตคู่มันถึงจะไปกันรอด" กัปตันพยักหน้าเข้าใจ เขาเห็นด้วยกับคุณแม่ ชีวิตคู่จะต้องเกิดจากความรักเท่านั้น อยู่ด้วยกันถึงจะมีความสุข
"ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะครับ"