CHAPTER 3
สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมามิ้นไม่สดใสเหมือนเดิม เก็บตัวจนมาร์คเริ่มสังเกตเห็น ร่างบางของคนเป็นน้องยิ่งดูผอมลงไปอีกเมื่อทุกวันเจ้าตัวกินน้อยยิ่งกว่าแมวดม
“มิ้นไม่กินข้าวเหรอ” มาร์คถามน้องเมื่อเจ้าตัวเดินออกมาจากห้องเหมือนคนเหม่อลอยแล้วกำลังจะเดินเปิดประตูออกไปในชุดนักศึกษา
“มิ้นไม่หิวค่ะ เดี๋ยวจะออกไปเลยกลัวรถติด”
“งั้นเอาขนมปังติดไปด้วยนะน้องมิ้นจะได้รองท้อง” เพลงเดินไปหยิบคุกกี้ที่เธอซื้อมาติดห้องไว้ให้มิ้นใส่กระเป๋าติดไปด้วยจะได้กินระหว่างทาง หญิงสาวรับขนมมาจากแฟนพี่ชายโดยไม่พูดอะไรอีกแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ทั้งสองคนมองตามด้วยความเป็นห่วง
“มิ้นมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ช่วงนี้ดูซึม ๆ” มาร์คหันไปถามแฟนสาวเพราะปกติ
เวลาน้องมีเรื่องอะไรจะเล่าให้เพลงฟังมากกว่าเขา เพราะเป็นผู้หญิงด้วยกันคงคุยกันเข้าใจมากกว่า
“เพลงก็คิดว่าน้องมิ้นดูซึมจริง ๆ ค่ะ แต่เมื่อคืนถามก็ไม่ยอมเล่าให้ฟังเลยคิดว่ารอให้น้องพร้อมแล้วคงจะเล่าให้ฟังเอง”
มาร์คยิ้มให้แฟนสาวแทนคำขอบคุณ โชคดีที่เขามีเพลงเป็นแฟน เธอไม่เพียงแต่เอาใจใส่เขายังเอาใจใส่น้องของเขาด้วย ทำให้น้องมีที่ปรึกษา จากแต่ก่อนมีเรื่องอะไรก็ไม่เคยเล่าให้พี่ชายฟัง จนบางครั้งเขาคิดว่าน้องสาวเพียงคนเดียวของเขาเห็นแฟนตัวเองดีกว่าพี่ด้วยซ้ำ พอมีเพลงเข้ามาก็ทำให้สองพี่น้องคุยกันได้มากขึ้นโดยมีเพลงเป็นตัวเชื่อม
พอคิดถึงแฟนน้อง เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเหมือนช่วงนี้น้องเขาจะไม่ค่อยพูดถึงหมอนั่นเท่าไหร่ และไม่เห็นเวลมารับมิ้นไปไหนมาไหนเหมือนแต่ก่อน
“ช่วงนี้มิ้นไม่ค่อยไปไหนมาไหนกับหมอนั่นเลย มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”
เพลงรู้ว่ามาร์คไม่ชอบเวลมาแต่ไหนแต่ไรแต่ก็ห้ามน้องไม่ได้ เพราะน้องรักและหลงแฟนมาก แต่ข้อนั้นเธอเข้าใจดีดูอย่างเธอสิก็รักและหลงแฟนตัวเองมากเหมือนกัน ดีหน่อยตรงที่เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดีที่สุดตั้งแต่เธอเคยเจอมาเนี่ยแหละ เพลงเอื้อมมือไปกุมมือแฟนตัวเองที่นั่งจิบกาแฟบนโต๊ะอาหารไว้แล้วตบหลังมือเขาเบา ๆ อย่างต้องการจะปลอบใจ
“ใจเย็นนะคะ เดี๋ยวคืนนี้เพลงจะถามน้องให้รู้เรื่องว่ามีเรื่องอะไร”
“ขอบคุณครับเพลง”
แม้จะบอกเขาให้ใจเย็นแต่เพลงก็มีลางสังหรณ์ว่าสาเหตุของอาการซึมเศร้าของมิ้นช่วงนี้น่าจะมาจากเวลเหมือนกัน เพราะสำหรับมิ้นตอนนี้ไม่ได้มีเรื่องอะไรในชีวิตให้ต้องเศร้า มิ้นไม่ใช่คนเคร่งเครียดไม่ได้ซีเรียสเรื่องเรียนเหมือนคนเป็นพี่ชาย เพื่อน ๆ ในกลุ่มน้องก็ดูแลกันอย่างดี เรื่องครอบครัวยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถึงจะมีแค่พี่ชายแต่เขาก็เป็นทั้งพ่อและแม่ให้น้องเป็นอย่างดี จนบางทีเธอกังวลว่าน้องมิ้นจะอบอุ่นจนร้อนด้วยซ้ำ เรื่องเดียวที่จะให้มิ้นทุกข์ร้อนได้ก็คือเรื่องแฟนหนุ่มของมิ้นนั่นแหละ
และเมื่อถึงเวลาเลิกเรียน เจ้าตัวที่เป็นหัวข้อสนทนาก็เข้าไปขังตัวเองในห้องโดยไม่ยอมกินข้าวเย็นเหมือนเคย
“มิ้นพี่เข้าไปนะ”
เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแต่มาร์คยังมีงานถ่ายแบบจึงยังไม่กลับ เธอเห็นมิ้นเข้าไปขังตัวเองในห้องไม่ยอมออกมากินข้าวก็ยิ่งเป็นห่วง เพลงยืนอยู่หน้าห้องมิ้นพร้อมกับนมอุ่น ๆ เมื่อเรียกอยู่นานเจ้าของห้องยังไม่ตอบเธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปด้วยความเป็นห่วง
ภายในห้องมืดมากเมื่อเจ้าของห้องไม่ยอมเปิดไฟแม้แต่ดวงเดียว คนตัวเล็กนอนขดตัวอยู่บนที่นอนโดยมีผ้าห่มคลุมไปทั้งหัว เพลงเดินถือแก้วนมอุ่นไปวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงแล้วทรุดตัวลงนั่งบนเตียงน้องสาวแฟน
“น้องมิ้นไม่ร้อนเหรอ แอร์ก็ไม่เปิด” มือนุ่มของเธอสัมผัสไปบนผมชื้นเหงื่อของคนที่นอนบนเตียงถึงได้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังสะอื้นตัวสั่นอยู่
พอได้รับสัมผัสอ่อนโยนคนที่นอนสะอื้นอยู่ก็ปล่อยโฮออกมาอย่างอดกลั้นไม่ไหว ร่างเล็กลุกขึ้นมากอดเอวของแฟนพี่ชายแล้วซบศีรษะเล็กที่ไหล่บาง เรื่องราวทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดออกมาให้หญิงสาวฟัง
“พี่เพลงมิ้นโง่มากใช่ไหม” น้ำเสียงคนเล่าเจือสะอื้น หญิงสาวกอดเอวแฟนพี่ชายที่เธอรักไม่ต่างจากพี่สาวแท้ ๆ แน่นขึ้นอย่างต้องการที่พึ่ง
ที่ผ่านมาเรื่องที่เธอถูกเวลหลอกเธอไม่กล้าเล่าให้ใครฟังได้แต่เก็บความเสียใจไว้ เพราะไม่ว่าจะเพื่อนหรือพี่ชายไม่มีใครสนับสนุนให้เธอคบกับเวลเลยสักคน เพราะข่าวของเขาไม่ดีทั้งเรื่องความใจร้อนชอบมีเรื่องทะเลาะต่อยตีกับคนอื่น และเรื่องความเจ้าชู้เสือผู้หญิงของเขา แต่เพราะเขาดีกับเธอมาก เธอจึงหลงเขาหัวปักหัวปำใครเตือนก็ไม่ฟัง พอผิดหวังเสียใจเธอจึงได้แต่สมน้ำหน้าตัวเองก็เท่านั้น
เพลงลูบผมน้องสาวของแฟนหนุ่มอย่างสงสารและเข้าใจ ตอนเธอตามจีบพี่มาร์ค เพื่อน ๆ เธอก็ไม่เห็นด้วย เพราะเขาไม่ได้สนใจและเห็นคุณค่าในตัวเธอ แต่เธอก็ไม่ฟังเพราะปลื้มเขามากดังนั้นเรื่องความรักนั้นเธอเข้าใจดีว่าไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็ใช่ว่าจะห้ามหัวใจกันได้
“ไม่เป็นไรนะมิ้นไม่ต้องคิดมาก มิ้นยังมีพี่และพี่มาร์คอยู่ข้าง ๆ เสมอ”
มิ้นปล่อยโฮอีกครั้ง นี่สินะคนที่รักเธออย่างแท้จริง พร้อมจะอยู่กับเธอไม่ว่าเวลาทุกข์หรือสุข
“แต่…พี่เพลงอย่าเล่าให้พี่มาร์คฟังได้ไหมคะ” เธอขอร้องแฟนพี่ชายเสียงอ่อย
แต่ยังไม่ทันที่พี่เพลงจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธกลับมีเสียงทุ้มของคนที่เธอไม่อยากเล่าให้ฟังที่สุดดังขึ้นที่ประตู
“ทำไมถึงห้ามบอกพี่” เสียงทุ้มของคนที่ถูกพูดถึงห้วนสั้น เดาไม่ออกว่าเขาอยู่ในอารมณ์แบบไหน
ทั้งสองสาวหันไปมองอย่างคาดไม่ถึง เพราะวันนี้มาร์คมีตารางงานและตามตารางจะเลิกงานดึก ไม่คิดว่าเขาจะกลับมาเร็วขนาดนี้ เพลงและมิ้นจึงไม่รู้ว่าเขามายืนแอบฟังตั้งแต่ตอนไหน”
“พี่มาร์ค” คนเป็นน้องอุทานเรียกพี่เสียงค่อย ไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดีจึงหลบตาซบศีรษะตัวเองกับไหล่บางของพี่เพลงกอดหญิงสาวไว้แน่นอย่างต้องการที่พึ่ง
ร่างสูงเดินมั่นคงมายังจุดที่สองสาวกอดกันอยู่ แววตามีแต่ความห่วงใยไม่มีแววเกรี้ยวกราดเลยแม้แต่น้อย
“น้องสาวของพี่เสียใจทั้งคนทำไมถึงไม่อยากให้พี่รู้ครับ” มาร์คเอื้อมมือไปลูบผมน้องสาวที่ซบหน้ากับไหล่แฟนสาวไม่ยอมหันหน้ามาคุยกันดี ๆ
“ฮือ” พอได้รับสัมผัสอ่อนโยนน้ำตาที่เพิ่งแห้งก็ไหลออกมาอีกรอบ ร่างเล็กผละออกจากหญิงสาวที่เธอซบอยู่หันไปกอดพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเองแทน
“พี่มาร์ค ฮือ มิ้นน่าจะเชื่อพี่มาร์คแต่แรก”
“ไม่เป็นไรนะมิ้น ลืมผู้ชายแบบนั้นไปเถอะ น้องสาวคนเดียวของพี่ พี่ดูแลเอง”
ยิ่งได้รับการปลอบโยนคนเสียใจก็ยิ่งกอดคนเป็นพี่ชายแน่นเข้า เธอคิดได้ยังไงนะว่าพี่ชายจะดุเธอที่เขาเตือนแล้วไม่เคยเชื่อฟัง ในเมื่อพี่ชายเป็นคนมีเหตุผล รักและดูแลเธออย่างดีมาตลอด ต่อไปเธอก็จะอยู่กับความรักที่คนรอบข้างมีให้และลืมความรักฉาบฉวยที่ไม่จริงใจนั้นไปให้ได้
เมื่อได้รู้ว่าสาเหตุที่คนเป็นน้องเศร้าซึมเพราะอกหัก มาร์คและเพลงก็ใส่ใจคนเป็นน้องมากขึ้น โดยเฉพาะมาร์คช่วงเดือนที่ผ่านมาเขารับงานน้อยลงจะได้มีเวลามาอยู่กับน้องสาวมากขึ้น ซึ่งการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวก็ทำให้มิ้นค่อย ๆ ร่าเริงขึ้นเรื่อย ๆ