บท
ตั้งค่า

7 งานกินข้าว

ฉันส่งโลเคชั่นไปให้แฮค ไม่นานรถเก๋งธรรมดาคันสีขาวก็ตบไฟเลี้ยวเข้ามาจอดตรงหน้า ทีแรกก็สงสัยว่าใครกระจกรถถูกเลื่อนลงพร้อมกับใบหน้าของแฮคที่ก้มตะโกนเรียกออกมาจากในรถ ฉันซ่อนสีหน้าประหลาดใจเอาไว้ รีบเปิดประตูเข้ามานั่งข้างใน คาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จก็หันมองไปที่เขาตาปริบๆ

ว่าจะถามเรื่องรถแต่คิดอีกทีไม่ดีกว่า... เราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดจะถามซอกแซกแบบนั้น

“นึกยังไงชวนกินข้าว” ฉันทักท้วง

“หิว”

ขอบคุณสำหรับคำตอบ ฉันลอบมองบน

“ไม่มีเพื่อนหรือไง ถึงได้มาหาฉัน”

“หึ” คราวนี้เขาแค่นเสียงหยันในลำคอ “เพราะรู้สึกว่าเธอสะดวกดี”

“หมายความว่ายังไง”

ทำไมฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ วะ ฉันหรี่ตามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของแฮค เคลือบแคลงในคำพูดที่ส่อไปในทางลบ

แฮคไม่ตอบแค่ยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ชวนให้อยากทบทวนการตัดสินใจของตัวเองขึ้นมาเลยเชียว

หรือฉันไม่ควรมากับเขาง่ายๆ แบบนี้นะ

“เดี๋ยวนะ นี่หาว่าฉันง่ายเหรอ”

“คิดมากทำไม ทั้งได้กินข้าวทั้งได้เงิน ไม่ดีเหรอ”

“....”

ดีมันก็ดีอยู่หรอก... แต่ไอ้ความรู้สึกที่เหมือนกำลังโดนด้อยค่าอยู่นี่สลัดยังไงก็ไม่หลุดออกไปจากใจเลยเนี่ยสิ

แฮคพาฉันมาที่ร้านนั่งชิลล์บรรยากาศสบายๆ ไม่หรูหรามาก ไม่ต้องพะวงเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมให้เสียอารมณ์

“ไหนว่าอยากกินข้าว นี่มันร้านเหล้าไม่ใช่เหรอ”

“กับข้าวก็มี”

เขาพูดสั้นๆ เดินนำฉันเข้าร้านด้วยท่าทางคุ้นเคย มาบ่อยแล้วล่ะสิ

“สวัสดีครับเฮีย” เด็กเสิร์ฟทักทายอย่างเป็นกันเองสุดๆ

“หาโต๊ะดีๆ ให้หน่อย”

แฮคบอก เด็กเสิร์ฟเหลือบมองฉันแวบหนึ่งแล้วหันไปพยักหน้ากับแฮค

“ได้ครับ ตามมาเลยวันนี้ลูกค้าไม่เยอะ มีโต๊ะว่างดีๆ หลายโต๊ะเลยครับ โซนนี้เห็นเวทีชัด ลมเย็นสบาย เฮียเลือกนั่งตามสบายเลยครับ”

“ขอบใจ”

“เฮียจะรับอะไรดีครับ เปิดขวดด้วยหรือเปล่า”

“เอาเบียร์ แล้วก็ของกินสามสี่อย่าง กินข้าวมั้ย” ท่อนหลังแฮคหันมาพูดกับฉัน

“ไม่ล่ะ”

“น้ำล่ะ อยากกินอะไรเป็นพิเศษ?”

ฉันขมวดคิ้ว เหลือบมองไปรอบๆ อย่างครุ่นคิด จริงๆ ไม่ได้อยากดื่มของมึนเมาเลย ถ้าบอกว่าน้ำส้มจะหาว่าดัดจริตหรือเปล่า เฮ้อ

“สปายก็ได้”

“ตามนั้น” แฮคหันไปกำชับเด็กเสิร์ฟ

“ได้ครับ”

ไม่นานอาหารก็ถูกวางเต็มโต๊ะ ส่วนใหญ่จะเป็นกับแกล้มทั้งนั้น อย่างเนื้อเสียบไม้ คอหมูย่าง เห็ดเข็มทองชุบแป้งทอดกรอบ หมึกไข่นึ่งมะนาว แล้วก็ข้าวผัดทรงเครื่องโถหนึ่ง

“กินสองคน?” ฉันถามแฮค ตอนนั้นเบียร์กับสปายอย่างละลังก็ถูกยกตามมาวางลงข้างโต๊ะ ฉันเบิกตาโตทันที “นี่... จะกินหมดเหรอ”

“พรุ่งนี้วันหยุด”

“แล้ว?”

“กินเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ”

ฉันไม่รู้จะพูดอะไรชั่วขณะ

“หรือเธอมีธุระ แต่รับนัดฉันแล้วไม่ใช่เหรอ” แฮคเหล่ตามอง สายตาจับผิด

“ช่างเถอะ ยังไงพรุ่งนี้ฉันก็ว่าง แต่ฉันกินไม่หมดหรอกนะ” ฉันมองลังสปายอย่างไม่มีความคิดที่จะรับผิดชอบ

“ไม่ต้องกังวลแค่เอามาเผื่อ”

“....”

ยิ่งดึกบรรยากาศก็ยิ่งเป็นใจ ลมเย็นๆ กับเสียงดนตรีสด ..จิบสปายเย็นๆ กับกับแกล้มอร่อยๆ หืม... ฉันนึกถึงยะหยาขึ้นมาเลย อยากชวนมาดื่มด่ำบรรยากาศด้วยกัน ยัยนั่นน่าจะชอบ

จิบไปจิบมาสปายหมดไปครึ่งโหล... ขณะที่แฮคกระดกเบียร์ไปมากกว่าครึ่งลัง

ฉันลุกเข้าห้องน้ำสามรอบแต่แฮคยังนั่งนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหนเลย

“เอาอะไรเพิ่มหรือเปล่า” แฮคมองอาหารบนโต๊ะ ไม่มีอะไรหมดสักอย่าง แต่ถูกกินจนพร่องทุกจาน

ฉันส่ายหน้า “ไม่ล่ะ แค่นี้ก็อิ่มแล้ว”

“เธอนี่เลี้ยงง่ายดี” เขายิ้มหยัน สายตาที่มองฉันเยิ้มกว่าปกติเพราะฤทธิ์เบียร์

“เหอะ” ฉันไม่รู้จะตอบว่าอะไร เลยทำได้แค่ส่งเสียงในลำคอกลับไปเท่านั้น

“ไม่เรื่องเยอะ ให้แค่ไหนก็พอแค่นั้น ไม่น่ารำคาญ คิดถูกแล้วที่เลือกเธอ”

ฉันขมวดคิ้ว จู่ๆ ก็พล่ามอะไรออกมาน่ะ

“อะไร เมาเบียร์เหรอ พูดจาฟังไม่รู้เรื่อง”

“หึ” แฮคกระตุกมุมปาก พล่ามเรื่องตัวเองต่ออย่างไม่สนใจว่าฉันอยากฟังหรือเปล่า “ฉันกำลังอึดอัดที่แม่พยายามจับคู่ให้ คิดอยู่ว่าจะหาใครมาช่วยตบตาแม่ดี” แฮคทำหน้าจริงจัง

“แล้วผู้หญิงที่ผ่านมา ไม่มีใครเข้าตาเลยเหรอ” เห็นเขาเครียด เลยทำเสียงขรึมกลับไป

“มี แต่เลือกไม่ถูก”

ไอ้! Xxxx

ฉันอยากโพล่งคำหยาบออกมาใจจะขาดเพราะอาการหมั่นไส้คนหลงตัวเองแต่ก็ต้องอั้นเอาไว้

“แค่คิดว่าจะขอให้ใครมาเล่นเป็นแฟนก็ปวดหัวแล้ว น่ากลัวว่าจะทำตัวเป็นเมียจริงๆ”

เอ่อ... ฉันกะพริบตาปริบๆ เหมือนจะเข้าใจว่าเขาอยากได้อะไร เพราะแบบนั้นถึงได้รู้สึกโมโหอยู่นี่ไง

“ก็แค่อยากได้ไม้กันหมาที่จะไม่สร้างปัญหาให้ตัวเองว่างั้นเถอะ”

“อะไรประมาณนั้น” แฮคยักไหล่ กระดกเบียร์กระป๋องในมือราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่

เหอะ! เอาสปายสาดหน้าคนนี่จะผิดมั้ย!

“เพราะฉันดูไม่เป็นปัญหาสำหรับนาย หวยก็เลยมาออกที่ฉัน?”

“ไม่เชิง” แฮคมองฉันนัยน์ตาคมกริบ เพ่งพิจารณาเหมือนสิ่งของที่เขาเผลอเก็บมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ “ฉันแค่คิดจะหาคนมาแสดงเล่นๆ ไม่ได้จะเอาจริง”

แปลว่าฉันสะเหล่อเข้าไปหาเขาได้ถูกที่ถูกเวลาเองอย่างงั้นเหรอ เหอะ! เกลียดความบังเอิญนี่จริงๆ

“แล้วพรุ่งนี้ฉันก็ต้องไปเล่นเป็นเมียนายที่โรงงานผ้าอะไรนั่นงั้นสิ”

“อืม”

“ถ้าไม่ชอบขนาดนั้นทำไมไม่บอกให้ชัดๆ ไปเลย สร้างเรื่องให้มันวุ่นวายทำไม”

“ถ้าทำได้จะสร้างเรื่องให้วุ่นวายทำไม”

“นี่!” ฉันไม่รู้จะพูดยังไงกับแฮคดี ก็เขาเล่นย้อนคำพูดฉันแบบนั้น แล้วพอฉันหงุดหงิดก็ยกสปายขึ้นดื่มอึกๆ รวดเดียวหายไปครึ่งขวด

ปึ้ก! ฉันกระแทกขวดสปายลงบนโต๊ะ

กินยังไงก็ไม่เมาหรอก แค่ปวดฉี่บ่อยเท่านั้นเอง

“แล้วจะกินให้หมดนี่เลยหรือไง คิดจะกลับเมื่อไหร่” ตีหนึ่งกว่าแล้ว ฉันทั้งเรียนทั้งออกบูธมาทั้งวัน เริ่มจะฝืนสังขารไม่ไหวแล้ว เพลียตาจะปิด

“ทำไม อยากกลับแล้วเหรอ”

“อืม ง่วง”

“ได้”

“....”

ง่ายๆ แบบนี้เลย

รู้งี้ชวนกลับตั้งนานแล้ว ไม่ทนนั่งทรมานตัวเองถึงป่านนี้หรอก

“นี่คิดจะไปไหน ไม่ใช่ทางไปหอพักฉันหนิ” ฉันโวยวาย มองถนนตรงหน้าที่รถกำลังวิ่งไป คิดยังไงถนนเส้นนี้ก็ไม่ใช่ทางกลับ ไม่มีทางลัด หรือทางเชื่อมกับเส้นทางไปหอพักฉันแน่ๆ

“คอนโด”

“คอนโดใคร ไปทำไม!”

ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลเกาะกุมไปทั้งใจ มองแฮคด้วยสายตาร้อนรน

“คอนโดฉัน”

“ทำไมต้องไปคอนโดนาย ไม่สิ นี่ไม่คิดจะไปส่งฉันตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย”

มานึกดูเขาก็ไม่ได้ถามเลยว่าหอพักฉันอยู่ที่ไหน มีแต่ฉันที่บอกเขาเองตอนก่อนจะขึ้นรถ ก็ว่าเห็นเขาไม่หือไม่อือสงสัยอยู่เหมือนกันว่าจะได้ยินหรือเปล่าแต่ที่แท้ก็ตั้งใจนี่เอง

“พูดอะไรของเธอ ยังไม่ปิดจ๊อบสักหน่อย”

เปลือกตากระตุกทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

“เดี๋ยว... นี่เราเข้าใจอะไรกันผิดหรือเปล่า”

“หือ? เธอเข้าใจว่ายังไง”

“ก็นายให้ฉันมากินข้าวเป็นเพื่อน...” เสียงฉันหายเมื่อคำว่า ‘งานกินข้าว’ แวบเข้ามาในหัว หรือว่าแฮคหมายถึงแบบนั้นตั้งแต่แรก

“ใสซื่อไปหรือเปล่า” เสียงแฮคดังขึ้น เขาพูดโดยที่สายตาจ้องมองถนนเบื้องหน้า ไม่เหลียวมองฉันสักนิด

ไอ้บ้าเอ๊ย! ฉันสบถอยู่ในใจ

“แค่สามพัน? ไม่ถูกไปเหรอ”

“หึ ที่แท้ก็เรื่องเงิน เดี๋ยวเพิ่มให้”

“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เงิน”

ฉันพ่นลมหายใจพรืด กลอกตาไปมาอย่างมีน้ำโห

แฮคเหลือบมองฉันครู่หนึ่ง ไฟถนนที่รถแล่นผ่านสะท้อนสีหน้าอึมครึมของเขาออกมา ท่าทางหัวเสียที่ฉันมาทำตัวยุ่งยากเอาป่านนี้ แต่จะโทษฉันไม่ได้นะ ก็เขาไม่พูดให้ชัดๆ ตั้งแต่แรกเองนี่ว่าเป็น “งานกินข้าว” น่ะ ถ้ารู้ก่อนฉันไม่มาด้วยหรอก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel