บทย่อ
เป็นของแฮคไม่ยาก แต่จะทำยังไงให้แฮคเป็นของเราคนเดียว คือโจทย์ที่ต้องตีให้แตก อุบัติเหตุในงานปาร์ตี้ ทำให้ฉันจับพลัดจับผลูมาเป็น #แฟนจ้างของแฮค พ่อหนุ่มอัจฉริยะ ช่างซ่อมประจำอู่เรดซันที่โด่งดังในวงการแข่งรถ ที่มีนิสัยลูกผีลูกคน เดี๋ยวร้าย และเดี๋ยวร้ายขั้นสุด เดิมทีฉันใส่ใจแค่ค่าจ้างกับเงินในบัญชีแฮคเท่านั้น ...ส่วนเรื่องความหล่อของเขานั้นถือว่าเป็นกำไร เตือนตัวเองตลอดว่าอย่าเผลอใจไปกับคนประสาทแดก ผีเข้าผีออกแบบเขาเด็ดขาด ทว่าสุดท้ายฉันกลับตกหลุมรัก 'ขยะเปียก' นี่ซะได้ ฉันอ้อนวอนขอความรัก เขากลับบอกว่ามันไม่เวิร์ก เราไม่มีทางคบกันได้ ...แต่ในวันที่ฉันเก็บเศษใจที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไปหาคนอื่น เขากลับเพิ่งนึกออกว่าฉัน 'สำคัญ' กับชีวิตเขามากแค่ไหน เหอะ! ฉันอยากเบะปาก เชิดหน้าสวยๆ ขึ้นแล้วตะโกนใส่หน้าเขายิ่งนักว่า "กราบเท้าฉันสิ แล้วฉันจะลองคิดเรื่องนายดูอีกที โฮะๆๆๆๆ"
บทนำ -1
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รับงานเอนเตอร์เทน แต่กลับเป็นครั้งแรกที่ถูกโมเดลลิ่งยื่นเอกสารให้เซ็นก่อนเริ่มงานไม่กี่ชั่วโมง หลังอ่านดูแล้ว สรุปสั้นๆ คือ เป็นเอกสารยินยอมว่าจะไม่เอาเรื่องหรือเรียกร้องอะไรในกรณีมีเซ็กส์กับลูกค้า... คนที่ยอมเซ็นเอกสารจะได้รับค่าจ้างเพิ่มเป็นสองเท่า
มันก็น่าสนใจนะ ถึงการมีเซ็กส์ในงานเอนเตอร์เทนจะไม่ใช่เรื่องใหม่ มองตากันแล้วคลิกก็จัดตรงนั้นหรือตรงไหนก็ได้แล้วแต่ความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย
...ทว่าฉันไม่เซ็น
ไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับเงื่อนไข เพียงแต่ฉันไม่คิดจะมีอะไรกับลูกค้าอยู่แล้ว เอนเตอร์เทนอย่างเดียวก็พอ ถึงจะได้เงินน้อยกว่าแบบ Full Package ก็ยังสบายใจกว่า ไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงขายตัว ใช้เรือนร่างหากิน ถึงที่ทำอยู่นี่ก็อาศัยรูปร่างหน้าตาหาเงินแต่ฉันก็มีจุดยืนของตัวเองอยู่เหมือนกัน เลิกตราหน้าสักทีว่าผู้หญิงที่ทำงานสายนี้จะยอมแลกศักดิ์ศรีเพื่อเงินทุกคน
ฉันส่งเอกสารสัญญาคืนพี่ที่เป็นโมเดลลิ่ง ก่อนก้าวขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่ด้านหน้าบริษัท พูดว่าบริษัทมันก็แค่ตึกแถวสามชั้นที่เปิดไว้เป็นห้องแต่งตัวเท่านั้นแหละ
“เดี๋ยวจ้ะหนู ทำไมไม่มีลายเซ็นล่ะ” พี่โมเดลลิ่งซึ่งเป็นสาวสองแต่ความสวยไม่เป็นสองรองใครจับข้อมือฉันเอาไว้ก่อนขึ้นรถตู้
“คะ... อ๋อ หนูไม่รับงานนาบ ‘N’ อย่างเดียว”
ฉันตอบอย่างมั่นใจ พี่โมเดลลิ่งเลิกคิ้ว เอียงหน้าเหมือนคิดไตร่ตรองถึงความเป็นไปได้ สีหน้าเริ่มขมวดเป็นปมฉายแววยุ่งยากใจออกมาเรื่อยๆ
“ของแบบนี้พี่ว่าเซ็นไว้เผื่อก็ดีนะ จะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง”
“ถ้าหนูเซ็นก็เท่ากับว่าหนูจะปฏิเสธลูกค้าไม่ได้น่ะสิ”
พี่โมเดลลิ่งเงียบไปแป๊บหนึ่ง อ้าปากกำลังจะแย้งก็มีคนอื่นโผล่มาพอดี
“นี่ค่ะพี่ช่อฟ้าของหนูกับเพื่อนๆ” ยัยนั่นยื่นกระดาษสี่ห้าใบออกมาตัดหน้าฉัน คงไม่มีเจตนาจะหักหน้าอะไรหรอก ก็แค่ตำแหน่งยืนมันพอเหมาะพอเจาะเฉยๆ
พี่โมเดลลิ่งหรือ ‘ช่อฟ้า’ ตรวจดูลายเซ็นบนเอกสารทีละแผ่นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพยักหน้า “โอเค เซ็นครบ ขึ้นไปได้จ้ะ เอ้า... น้องคนนั้นไปไหนแล้ว...”
ทว่าเธอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็ไม่เห็นฉันอยู่ตรงนั้นแล้ว แน่นอน ใครจะอยู่รอให้ซักล่ะ ฉันฉวยโอกาสช่วงที่ชุลมุนขึ้นรถพร้อมกับกลุ่มที่เซ็นเอกสารเรียบร้อย ยัยพี่ช่อฟ้าก็ทำเป็นเนี้ยบแค่แรกๆ เท่านั้น พอหลังจากที่ฉันขึ้นรถเสร็จก็มีพริตตี้อีกกลุ่มทยอยกันออกมายื่นเอกสารสัญญาให้ ก็ไม่เห็นว่าเธอจะตรวจอะไรเข้มงวดเหมือนตอนที่ตรวจฉันเลย หรือเพราะฉันมาส่งคนแรก? ชิ... รู้งี้ไม่รีบก็ดี
ผู้หญิงสวยประมาณสิบสองชีวิตนั่งอัดกันอยู่ในรถตู้ วิ่งออกจากหน้าบริษัทโมเดลลิ่งมุ่งตรงสู่ที่หมาย คือโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง รถตู้เข้ามาจอดด้านหลังโรงแรม ส่งคนเสร็จก็กลับไป
ฉันเดินตามกลุ่มมาที่ลิฟต์โดยไม่พูดอะไร ได้ยินพวกเธอซุบซิบกันถึงเรื่องลูกค้าในวันนี้ตั้งแต่ที่อยู่บนรถแล้ว เห็นว่าเป็นแก๊งนักแข่งอะไรสักอย่าง แต่ละคนงานดี แถมยังหล่อแซบและรวยมาก... ถ้าเอาใจเก่งๆ ทำให้พวกนั้นติดใจได้อาจจะได้ดิบได้ดีสบายไปทั้งชาติเลยก็ได้ ฉันฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะความคิดไร้สาระนั่นในใจ คิดว่าผู้ชายดีๆ ที่ไหนจะมาเอาพวกหล่อนทำเมียยะ ทำงานแบบนี้แล้วยังจะโลกสวยกันอีก แต่ก็นั่นแหละ ฉันแค่คิดเงียบๆ อยู่คนเดียว ไม่ได้พูดออกไป ไม่งั้นได้กลายเป็นแกะดำของฝูงแน่
“อ้าวสาวๆ มากันแล้วเหรอ”
ทันทีที่ออกจากลิฟต์มา ก็มีเสียงผู้ชายตะโกนทักอย่างเป็นกันเอง พี่วันหนึ่งซึ่งรับหน้าที่เป็นตัวแทนของทุกคนก้าวนำออกไปทักทายผู้ชายรูปร่างท้วม ทรงเสี่ย ทว่าโครงหน้านี่ดูถูกไม่ได้เลย... ทั้งจมูกโด่งเป็นสันมาตั้งแต่หัวคิ้ว ดวงตาเรียวคมดูดุดันแต่ก็พริ้มพรายเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เหลือล้น จนน่ากลัวว่าถ้าเผลอจ้องนานๆ จะโดนล่อลวงเข้าจริงๆ
“สวัสดีค่ะเฮีย นี่วันหนึ่งเองค่ะ จำได้หรือเปล่า”
“จำได้สิ น่ารักออกขนาดนี้เฮียจะลืมลงได้ยังไง” ผู้ชายร่างท้วมเหลือบมองพี่วันหนึ่งด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ยอย่างเปิดเผย นี่ถ้าเลียได้ก็คงเลียไปทั้งตัวแล้ว
ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ไม่ว่าจะงานไหนๆ ก็ต้องเจอกับคนแบบนี้จนชินแล้ว บางคนมีลูกมีเมียแล้ว แต่พออยู่ในงานเลี้ยงก็หางโผล่ เอาหมดไม่สนห่าเหวอะไรทั้งนั้น
“จริงหรือเปล่าเนี่ย” พี่วันหนึ่งมองช้อนแววตาของคนตรงหน้าพลางยิ้มอ่อนหวาน อ้อนสุดฤทธิ์สุดเดช
“ฮ่าๆ จริงสิครับ ถึงพื้นที่สมองเฮียจะมีไม่เยอะแต่พื้นที่ในหัวใจของเฮียมีเผื่อพวกเราทุกคนอยู่แล้ว”
จะอ้วก...
ทว่า...
“อร๊ายย ปากหวานนะคะเนี่ย”
“คิกๆ เข้าใจพูด”
“น่ารักอะ หุ่นหมีแบบนี้สเปกเลยค่ะ กรี๊ดๆ”
พวกที่มาด้วยกันเขินตัวม้วนเป็นเปลือกหอยทาก บิดเป็นเกลียวเล่นบทสาวน้อยใสซื่อกันหมด
“สเปกเลยเหรอคะ หนูก็สเปกเฮียเหมือนกันนะรู้เปล่า ไปเถอะ เข้าไปข้างในกัน” คนที่เรียกตัวเองว่าเฮียอ้าแขนโอบเอวยัยคนพูดเข้าหา เชยคางขึ้นสั่นเบาๆ ด้วยท่าทางมันเขี้ยว พวกที่เหลือก็รีบรี่เข้าไปขนาบกอดซ้ายขวาของเฮียนั่นจนเต็มฝั่งละสองคน หนีบกระเตงกันเข้างาน