บทนำ -3
ทุกครั้งที่พวกผู้ชายจับกลุ่มล้อมวงหันหน้าเข้าหากันล้วนมีแต่เรื่องที่ผู้หญิงอย่างเราๆ ไม่อินตาม จะว่าเข้าไม่ถึงก็ไม่ใช่ เรียกว่าไม่น่าสนใจสำหรับผู้หญิงจะเหมาะกว่า แล้วฉันก็ไม่อยากนั่งฟังเรื่องพรรค์นั้นด้วยสิ
“อ๊ะ อย่าเพิ่ง” ฉันทิ้งน้ำหนักลงที่เท้าเกาะพื้นแน่น ยกมือขึ้นวางทาบไหล่เขาเบาๆ พร้อมกับยิ้มหวานบอกกับแฮค “นายไปก่อน ได้ค็อกเทลแล้วจะตามไป”
“หืม” ท่าทางเขาประหลาดใจน่าดูที่ฉันเห็นค็อกเทลสำคัญกว่า มือหนาคลายออกจากเอวฉันด้วยท่าทางเสียดาย
สัมผัสอบอุ่นที่เอวถูกแทนที่ด้วยความหวิวโหวงราวกับโดนป้ายยา ทั้งที่ไม่ควรรู้สึกแต่พอถูกปล่อยเป็นอิสระกลับเกิดอารมณ์โหยหาแปลกๆ ฉันรีบผลักอาการหวั่นไหวที่เกิดขึ้นภายในใจทิ้งอย่างรวดเร็ว เดินไปยังเคาน์เตอร์บาร์ตามลำพัง
ค็อกเทลแก้วแล้วแก้วเล่าถูกวางลงตรงหน้า ตอนแรกก็ไม่อะไรหรอก แต่หนุ่มรูปหล่อผมยาวสไตล์จอมมารในหนังจีนกำลังภายในเห็นว่าฉันเป็นคนเดียวในบรรดาสาว N ที่มานั่งเคาน์เตอร์บาร์ ในขณะที่คนอื่นๆ ไปเอาอกเอาใจลูกค้าตามมุมต่างๆ ของร้าน ก็เลยชักชวนให้ชิมเมนูค็อกเทลอย่างกระตือรือร้น เผื่อว่าฉันถูกใจจะได้ชวนเพื่อนมาเที่ยวในภายหลัง เข้าใจว่าเป็นการตลาดฉันก็เลยไม่ขัด แถมยังได้ดื่มฟรี โอกาสดีแบบนี้ใครจะปฏิเสธให้เสียของล่ะ
แรกๆ ก็ตั้งอกตั้งใจชิมอยู่หรอก วิเคราะห์ซะจริงจัง แต่หลังๆ ลิ้นเริ่มชา สายตาพร่าเบลอ พอรู้ตัวว่ากำลังเมาฉันก็ยกมือขึ้นห้ามคุณบาร์เทนเดอร์ ให้สัญญาณว่าไม่ไหวแล้ว
“พอแล้วค่ะ ดื่ม... ไม่ลงแล้ว” ฉันปัดค็อกเทลที่เพิ่งถูกวางลงตรงหน้ากลั้นลมขมๆ ที่รื้นขึ้นจุกคอลงไป ส่งสายตาขอร้องอีกฝ่ายให้หยุดชงสักที
“ไม่ไหวแล้วเหรอ งั้นก็แก้วสุดท้ายนะครับ” บาร์เทนเดอร์ยัดเยียดแก้วค็อกเทลใส่มือฉันแล้วจับมือฉันยกขึ้นดันเข้ามาใกล้ปาก คะยั้นคะยอให้ดื่ม แรกๆ เขาก็ดูเว้นระยะห่างดีอยู่หรอกแต่ทำไมตอนนี้ถึงได้น่ารำคาญอย่างนี้นะ
“ไม่ค่ะ ไม่ไหวจริงๆ ลิ้นชาแล้ว” ฉันดันหน้าออกห่าง พลางพยายามดึงมือออกจากการจับกุมของบาร์เทนเดอร์ ยื้อยุดกันไปมาจนน้ำค็อกเทลกระฉอก แต่ไม่มีใครใส่ใจ
“นิดหนึ่งน่านะ” เขายังคงตื๊อ
“แต่… อ๊ะ”
ด้วยแรงที่มากกว่า เขาดันแก้วมาจ่อที่ปากฉัน บังคับกลายๆ ให้ดื่ม พอเจอแบบนั้นก็ตกประหม่ากอปรกับสติที่โดนบั่นทอนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ กว่าฉันจะนึกออกว่าต้องทำยังไงค็อกเทลก็ถูกกรอกใส่ปากแล้ว แต่มันกะทันหันและเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ค็อกเทลบางส่วนหกราดลงมาที่คอ เส้นความเย็นไหลลู่เป็นสายเข้าไปในร่องอก
ความรู้สึกเย็นเยียบมาพร้อมอาการเหนียวเหนอะ ฉันดันมือหนาออก เกิดความรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าโวยวายได้แต่แสร้งมองเขาด้วยสายตาเหน็ดเหนื่อยใจทั้งที่ความจริงอยากยกเก้าอี้ขึ้นมาทุ่มฟาดใส่หน้าเขาแรงๆ สักที เผื่อจะสะกดคำว่าเกรงใจเป็นขึ้นมาบ้าง
“เล่นอะไรเนี่ย เห็นไหมเลอะหมดเลย” ฉันบ่นด้วยโทนเสียงน่ารักแทนที่จะเป็นการเหวี่ยงวีน เพราะยังไงซะก็ยังอยู่ในเวลางาน สติจะขาดไม่ได้
“เอ้า โทษที มาเดี๋ยวเช็ดให้” เขายืดแขนออกไปดึงทิชชูที่กลางบาร์แล้วกลับมาจะเช็ดรอยเปื้อนให้เหมือนหวังดี แต่ประสงค์ร้าย ฉันมองด้วยสายตาหวาดระแวงแต่ก่อนที่มือข้างนั้นจะเอื้อมมาถึงก็โดนคว้าหมับกลางอากาศ
“….”
ทั้งฉันและคุณบาร์เทนเดอร์รูปหล่อต่างชะงักอึ้งด้วยกันทั้งคู่ พอมองตามข้อมือที่โดนจับไปก็ปะทะสายตาเข้ากับเจ้าของเรือนผมสีฟ้าละมุน แฮคไม่ใช่เหรอ? เขามาได้ยังไง เมื่อกี้ยังเห็นอยู่ที่โซฟาอยู่เลย
“เอาไว้เช็ดเป้ากางเกงมึงเหอะว่ะ”
“ชิ!” บาร์เทนเดอร์ทำเสียงไม่พอใจสลัดข้อมือออกจากการจับกุมของแฮค เบนสายตาเสียดายมาที่ฉัน “อุตส่าห์ชง”
เขาสบถอะไรสักอย่าง ฉันฟังไม่ถนัด แต่จากสีหน้าท่าทางบอกให้รู้ว่าไม่ใช่ความหมายที่ดีนัก
ทันทีที่บาร์เทนเดอร์หันหลังให้คล้ายคนถอดใจจากอะไรสักอย่าง นิ้วเรียวยาวก็ยื่นมาสางผมข้างใบหูฉันหนึ่งที
“คออ่อนนะเรา”
อุ้งมือหนานาบกับข้างแก้ม ฉันเผลอซบคลอเคลียกับฝ่ามือแฮคเบาๆ กะพริบตามองใบหน้าเรียวผอมของอีกฝ่ายแล้วยิ้มหวาน อยากพูดอะไรตอบโต้เขาบ้างแต่สมองกลับโหลดช้ากว่าปกติ
“ไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวไปพักก่อน”
“ที่ไหน” ฉันถามเสียงยานเอื่อย เปลือกตารู้สึกหน่วง ขมับสองข้างกลับปวดหนึบ อาการแบบนี้น่าจะเมาจริงแล้วล่ะ
ฉันไม่ใช่คนคอแข็งอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้คออ่อนขนาดแก้วสองแก้วจอด... ค็อกเทลที่บาร์เทนเดอร์ยื่นให้ถ้าให้เปรียบเทียบก็น่าจะเท่าๆ กับเหล้าหนึ่งแบน ไม่มึนก็ให้มันรู้ไป
“อยากเข้าห้องน้ำ” ฉันบอกกับคนตรงหน้า ลุกขึ้นยืนโงนเงน เสียหลักไปแวบหนึ่ง
“เดี๋ยวพาไป” เขาจับแขนฉันเอาไว้ อีกมือโอบประคองเอว
“ขอบคุณ” ฉันบอกตามมารยาท ไม่รังเกียจการถึงเนื้อถึงตัวเล็กๆ น้อยๆ นี่ ยอมให้เขาโอบเอวเดินไปทางห้องน้ำ ว่าแต่ห้องน้ำอยู่ทางนี้เหรอ... นึกว่าอยู่ข้างในร้านซะอีก
“เฮ้ยแฮค จะไปแล้วเหรอวะ” เสียงใครสักคนร้องถามก่อนถึงประตูทางออกบาร์ไม่กี่ก้าว
“เออ ไปละ ไว้เจอกัน”
“อย่าหนักนักล่ะ พรุ่งนี้มีงานนะโว้ย”
คนตะโกนกลับมาเหมือนเป็นเรื่องสำคัญแต่น้ำเสียงกลับไม่จริงจัง แฮคไม่พูดอะไรต่อ เขาแค่ยกมือขึ้นโบกทีสองทีตอบอีกฝ่ายที่อยู่ด้านหลัง ฉันไม่ได้สนใจบทสนทนาพวกนั้น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองทางต้นเสียง
ไม่รู้ว่าใครที่โต้ตอบกับแฮคแต่ดันสัมผัสถึงสายตาอิจฉาของพวกผู้หญิงแทน พวกนั้นใช้สายตาราวกับว่าฉันฉกฉวยอะไรสักอย่างที่ทุกคนต่างอยากได้ไปอย่างงั้นล่ะ
“ไปเถอะ” แรงกระตุกเบาๆ ที่เอวกับเสียงเรียกทุ้มต่ำดึงความสนใจฉันกลับมา ถึงจะรู้สึกติดใจแต่คนข้างๆ ก็ไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้คิดอะไรมาก หลังพ้นประตูออกมาฉันก็ลืมไปหมดแล้ว