ตอนที่ 6 หายไป...
หายไป...
สองวันต่อมา ที่ไร่ธีรเมธ?
“วันนี้คุณธีร์มีนัดหรือครับ” นิกรถามขึ้นทันที เมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเจ้าของไร่เดินออกมาจากบ้าน มุ่งหน้าไปที่โรงจอดรถ
“มีธุระด่วนนิดหน่อย” เสียงเรียบนิ่งกลับเพียงแค่สั้น ๆ
“ธุระอะไรครับ ทำไมผมไม่เห็นรู้เลย” นิกรถามขึ้นมาทันที เพราะเขาจะรู้ทุกเรื่องของธีรเมธหากว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับงานในไร่ ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวก็มีบ้างที่ไม่อาจรู้นอกเสียจากผู้เป็นเจ้านายจะเล่าบอกเอง
“แกจำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของฉันไหมไอ้กร ไปดูแลแม่ฉันที่บ้านด้วย ถ้าท่านถามถึงก็บอกว่าฉันออกไปทำธุระข้างนอก” ธีรเมธตวาดใส่ลูกน้องคนสนิททันทีอย่างเหลืออด และสั่งการให้นิกรไปดูแลมารดาของเขาแทน
ธีรเมธเดินขึ้นรถไป และขับออกไปทันทีอย่างรีบร้อน ส่วนมารดาของเขานั้นเดินทางมาหาเขาได้สามวันแล้ว แต่การมาครั้งนี้มารดาของเขาเดินทางมาคนเดียว ไม่มีผู้เป็นสามีและลูกสาวสุดที่รักตามมาด้วยเหมือนเช่นทุกครั้งที่เคยมา
“กินอะไรมาว่ะ ระเบิดลงแต่เช้าเลย” นิกรได้แต่เอ่ยบ่นให้เจ้านายเมื่อรถแล่นออกไปได้ไกลแล้ว
ธีรเมธขับรถมาจอดที่หน้าโรงเรียนตามบัตรประจำตัวหอพักนักเรียนของเธอที่ตกอยู่ภายในห้องนอนของเขา ในตอนช่วงเช้าที่ผู้คนมากมายกำลังเดินเข้าไปด้านใน
เขาได้แต่นั่งขบคิดอยู่นานจนประตูโรงเรียนใกล้จะปิดลง จึงตัดสินใจเข้าไปภายในโรงเรียน เพราะถ้าจะรอในช่วงเย็นตอนโรงเรียนเลิกคงจะไม่เจอเธอเด็ดขาด เพราะเธอพักที่หอของโรงเรียน
เมื่อได้รู้คำตอบว่าหญิงสาวที่เขาตามหานั้นไม่ได้มาโรงเรียน และเข้าหอพักมาสามวันแล้ว เขาก็เดินกลับออกมาทันทีด้วยความผิด อยากจะถามที่อยู่ของเธอจากทางโรงเรียนก็ไม่ได้อีก และไม่รู้ว่าจะติดต่อเธอจากทางไหน เขาจึงขับรถออกมาจากบริเวณนั้น และขับรถออกไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย
“เธอทำอะไรไว้กับร่างกายของฉัน ยัยเด็กแสบ! แล้วเธอไปอยู่ที่ไหนของเธอ ถึงไม่ยอมมาโรงเรียน” เสียงก้นด่าออกมา เมื่อนึกถึงหญิงสาวเจ้าเนื้อใบหน้าจิ้มลิ้ม ที่เขาพึ่งมีสัมพันธ์ด้วยครั้งล่าสุดขึ้นมา
โรงพยาบาล
สองวันเต็มที่เอมิกาอยู่ที่โรงพยาบาล และวันนี้เธอก็ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว หลังจากที่นอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลมาสองวันเต็ม ๆ หลังจากที่เธอออกมาจากไร่ของเขาในวันนั้น และหมดสติไปด้วยพิษไข้ จึงมีพลเมืองพาเธอมาส่งที่โรงพยาบาล
“หนูชะเอมแน่ใจน่ะ ว่าจะไม่แจ้งความ” หญิงวัยทองถามเธอขึ้นมา หลังจากที่ได้รับรู้จากแพทย์เจ้าของไข้เธอ ว่าเธอโดนอะไรมาทำให้อาการของเธอเป็นแบบนี้
“แน่ใจค่ะป้า หนูไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้” เอมิกาตอบกลับหญิงวัยทอง ซึ่งเป็นคนพาเธอมารักษาที่นี่นั้นเอง
“ป้าขอถามอะไรหนูได้ไหมลูก” หญิงสาววัยทองลองถามเธอขึ้นมา
“ถามได้ค่ะป้า หนูจะตอบเท่าที่ตอบได้คะ”
“หนูไม่ได้โดนข่มขืนมาใช่ไหมลูก” หญิงวัยทองถามออกไป เพราะตลอดเวลาสองวันที่ผ่านมาก้ไม่เห็นผู้ปกครองหรือญาติของเธอมาเยี่ยมเธอเลย จึงอยากถามเพื่อความแน่ใจ
หากเธอต้องการความช่วยเหลือ เขาพร้อมที่ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมที่จะฟ้องฝ่ายที่กระทำกับเธอด้วย อยากจะรู้เหมือนกันว่าเป็นผู้ชายแบบไหนถึงกล้าทำกับเด็กอายุที่ยังไม่ถึงสิบแปดเต็มเสียด้วยซ้ำ หากรู้หรือเจอหน้าจะจับส่งห้องขังเลย
“ไม่ใช่คะป้า หนูเป็นฝ่ายสมยอมเขาเอง” เธอเอ่ยตอบหญิงวัยทองไปตามตรง เพราะเขาก็ไม่ได้บังคับหรือข่มขู่เธอเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเธอเองที่เป็นฝ่ายสมยอม แถมยังเป็นคนเริ่มเกมอีกต่างหาก
“ป้าเข้าใจ และเคารพการตัดสินใจของหนูน่ะ หนูชะเอม ชีวิตวัยรุ่นก็เป็นแบบนี้แหละ เพราะป้าก็เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน” เมื่อเธอเอ่ยแบบนี้ คนที่อยากจะเอาผิดจะทำอะไรได้ และอีกอย่างผู้ปกครองเธอก็ไม่รู้เป็นคนแบบไหน ถึงทิ้งลูกไม่มาดูดำดูแลแบบนี้
“ขอบคุณนะคะป้า” เธอยกมือขึ้นไหว้ผู้มีพระคุณขึ้นมาทันทีอย่างนอบน้อม
“แล้วเขาเป็นคนยังไงเหรอ หนูชะเอมถึงไม่อยากแจ้งความเอาผิดเขา หนูชอบเขาหรือเปล่า”
“เขาอายุเยอะกว่าหนูเป็นมากเลยคะป้า มาก็เป็นรอบเลย และอีกอย่างเขาก็เป็นคนค่อนข้างมีชื่อเสียงด้วย หนูกลัวเรื่องมันจะบานปลาย และเกรงว่า...ถ้าเขามีครอบครัวแล้ว กลัวเขาจะมีปัญหากัน เรื่องนี้ให้มันแล้วต่อกันเถอะคะป้า หนูไม่ติดใจเอาความหรอก เพราะเกิดจากอารมร์ชั่ววูบกันทั้งคู่” เธอเอ่ยตอบออกไปตามความคิดของเธอ เพราะเธอก็ไม่อยากให้เรื่องราววุ่นวายมากไปกว่า เรื่องทั้งหมดมันเริ่มจากตัวเธอเองทั้งนั้น
“กลับบ้านกันเถอะเดี๋ยวป้าไปส่ง” เมื่อเห็นว่าเธอไม่ติดใจอะไร หญิงวัยทองก็ไม่กล้าเข้าไปก้าวก่าย จึงชวนเธอกลับบ้าน
น้อยคนนักที่จะเข้าตาของหญิงวัยทอง เธอผู้นี้ช่างน่ารักจิตใจอ่อนโยนบริสุทธิ์เหลือเกิน ชีวิตไม่น่ามาเจออะไรแบบนี้เลย ถ้าเธอไม่ติดอะไร ก็อยากจะได้มาเป็นลูกสะใภ้เสียเหลือ เพราะเรื่องอย่างว่าก็ไม่ถืออยู่แล้ว แต่ติดตรงที่ลูกชายอายุห่างกันกับเธอมาก และรายนั้นก็คงไม่สนใจผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าตัวเองมากขนาดนี้อยู่แล้ว
“ไม่นะคะป้า” เธอรีบปฏิเสธทันควัน
“ทำไมละจ๊ะ”
“คือว่า...” ใครจะกล้ากลับบ้านไป และตอนนี้เธอก็ไม่ได้เข้าโรงเรียนมาสามวันแล้ว ทางโรงเรียนคงจะแจ้งทางบ้านเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้วแหละ
และอีกอย่าง เธอหายเงียบนอนโรงพยาบาลตั้งสองวัน แต่พ่อและพี่ชายของเธอยังคงเงียบ ไม่มีใครเดือดร้อนมาตามถามข่าวคราวเธอเลย เธอมันเป็นส่วนเกินที่ไม่มีใครต้องการจริง ๆ
“หนูไม่ได้อยู่บ้านค่ะ หนูอยู่ที่หอพักของโรงเรียนประจำ” เธอตอบไปตามตรง
“ถ้าอย่างนั่น เดี๋ยวป้าไปส่งที่หอพักนะ”
“คือ...” เธอมีความกังวลขึ้นมา เพราะก่อนออกจากโรงพยาบาล เธอพึ่งจะสำรวจกระเป๋าสะพายของเธอ ว่าบัตรเข้าหอพักของเธอหาย
“มีอะไรที่ไม่สบายใจหรือเปล่า”
“หนูเผลอทำบัตรประจำหอพักหายค่ะ คงจะเข้าหอพักไม่ได้แล้ว ต้องเข้าไปแจ้งที่โรงเรียนก่อน”
สามเดือนผ่านมา
“แม่ติดใจอะไรที่นี่เป็นพิเศษหรือเปล่าครับ บินมาทุกสามเดือนเลย” ธีรเมธถามผู้เป็นแม่ออกมา เพราะพักนี้ มารดาเทียวมาหาเขาบ่อย ทั้งที่อยู่ไกลกันมากแถมเดินทางลำบากอีก แต่ผุ้เป็นแม่กลับบินมาหาเขาทุก ๆ สามเดือน
“แม่อยู่เฉย ๆ อยู่แต่บ้านก็น่าเบื่อ เพราะช่วงนี้หลานก็เข้าโรงเรียนแล้ว หรือแกไม่อยากให้แม่มาหาเจ้าธีร์”
รดา หญิงวันทองอายุ ราว ๆ ห้าสิบปีต้น ๆ เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดเขาเอง ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่กรุงเทพมหานครกับสามีและลูกสาว เพราะมีธุรกิจอยู่ที่นั่น
“เปล่าครับ ไม่อยากเหงาก็ให้ลูกสาวสุดที่รักมีหลานให้เลี้ยงเพิ่มอีกสักคนสิครับ” เขารีบเสนอออกความเห็นทันที เมื่อมารดาคอยบ่นแต่เรื่องหลานให้เขาฟังตลอดทุกครั้งที่มาหาเขา
“ว่าแต่น้อง ตัวเองก็อายุเยอะแล้ว เมื่อไหร่จะมีกับเขาบ้างละ” รดาตอกกลับลูกชายคืนทันที
“จะมีได้ยังไงครับ หาแม่พันธุ์ยังไม่เจอเลย” เขาตอบมารดาออกไปด้วยคำพูดที่ติดตลก
“แล้วที่แกเอาไปวัน ๆ ไม่มีใครถูกใจสักคนเลยหรือไง”
“เซ็กส์กับความรักมันต่างกันครับแม่ เมื่อถึงเวลาน่าจะมาเองแหละ...” เพราะคนที่เขาซื้อกิน เขาจะไม่มีทางเอามาเป็นแม่ของลูกเขาเป็นอันขาด
การที่จะหาใครสักคนที่ยอมรับในตัวเขา และยอมมาลำบากตากแดดตากลมกับเขาได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนคนนั้น ๆ ที่เขาจะยกย่องเทิดทูลให้เป็นภรรยาและแม่ของลูกเขา ไม่จำเป็นว่าเธอจะต้องสวย ดูดีเพอร์เฟคอะไรหรอก ขอแค่อยู่ด้วยแล้วสบายใจมีความสุข ความเข้าใจกันก็พอแล้ว
“จะให้แม่รอไปถึงเมื่อไหร่เจ้าธีร์ พ่อกับแม่ก็แก่ตัวขึ้นทุกวันแล้วนะ” ผู้เป็นแม่ได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจกับลูกชาย
“เอาน่าแม่ ก็ผมยังไม่เจอคนที่ถูกใจนี่่ครับ”
“ยังไม่ถูกใจ หรือว่าแกเลือกเยอะจนเกินไปเจ้าธีร์!”
“ผมไม่คุยกับแม่แล้วครับ ไปทำงานของผมต่อดีกว่า” เขาพูดเพียงแค่นั้น ก็ลุกขึ้น เดินออกไปเข้าสำนักงานทันที เพราะขืนนั่งอยู่ต่อ มีหวังมารดาสอบปากคคำเขาจนถึงเย็นก็ไม่หยุด
“อ้าว แล้วไหนแกบอกว่าจะขับรถให้แม่หนึ่งวันไงเจ้าธีร์” เสียงตะโกนไล่หลังเมื่อลูกชายเดินจากไปไกลแล้ว
“รถมีตั้งหลายคันครับ แม่เลือกได้เลยอยากนั่งคันไหน ส่วนคนขับ ไอ้วิทย์ว่างเสมอครับ” เขาที่ได้ยินหันมาตอบผู้เป็นแม่ด้วยท่าทีที่ดูกวน ๆ