บทที่ 5 ดาราเรื่องมาก
MD Agency
อันดามันก้าวลงจากรถสปอร์ตสีดำเงาด้วยอารมณ์เบิกบาน วันนี้เหมือนจะเป็นวันที่เธอมีความสุขในรอบร้อยปีเลยทีเดียว เนื่องจากไม่ถูกบิดาบ่นตอนมื้ออาหารเช้า เธอฮัมเพลงสบายอารมณ์ก้าวเข้าด้านในของบริษัทโฆษณาติดอันดับของประเทศ พนักงานต่างส่งยิ้มทักทายเป็นกันเอง ซึ่งเธอก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน
ร่างเล็กสวมกางเกงเอวสูงสีเทา ด้านในสวมสายเดี่ยวพอดีตัวสีขาว คลุมทับอีกชั้นด้วยเสื้อสูทขนาดใหญ่สีเดียวกับกางเกงตามกระแสแฟชั่นดูทะมัดทะแมง เส้นผมนุ่มความยาวประบ่าสะบัดไปตามจังหวะเดิน เธอเข้าลิฟต์พร้อมพนักงานอื่นๆ กดลิฟต์ไปยังชั้น 3 ของตัวตึก
"วันนี้ดูอารมณ์ดีจังน้องอัน"
"ใช่แล้วค่ะ มีเรื่องดีๆ นิดหน่อย"
"ขอให้อารมณ์ดีทั้งวันนะคะ ทีมน้องอันต้องถ่ายกับยัยดาราขี้วีนด้วยนี่"
"โอ๊ย ฟังแล้วเริ่มเศร้าเลยพี่" แม้จะเป็นประโยคหยอกล้อแต่อันดามันก็แอบเซ็งขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคิดถึงคนที่ต้องร่วมงานในวันนี้
"ฮ่า ฮ่า ยังไงก็สู้ๆ นะจ๊ะ"
"จะพยายามไม่ตีกับนางจนงานล่มนะพี่"
"ร้ายอะเรา"
"ไปแล้วพี่ เจอกันค่ะ"
"จ้า~"
หญิงสาวทักคนนั้นคุยกับคนนี้ไปเรื่อย แม้จะเป็นลูกสาวประธานบริษัทแต่เธอก็ให้เกียรติทุกคนเสมอ และเป็นกันเองจนได้รับความเอ็นดูจากรุ่นพี่ในบริษัทโดยไม่ต้องพึ่งบารมีมารดา เธอถือว่าตัวเองเป็นเด็กจบใหม่ไร้ประสบการณ์ทำงาน ทุกอย่างที่คนโตกว่ามอบให้จึงเป็นความรู้สำคัญ ทุกคนจึงเปรียบเสมือนอาจารย์
อันดามันเรียนรู้งานทุกอย่างในบริษัทก็ว่าได้ ตั้งแต่งานเอกสาร ประสานงานกับลูกค้า เสนอไอเดีย รวมถึงถ่ายทำ จัดไฟ ถ่ายภาพ ตัดต่อ ช่วยนักแสดงแต่งตัว ซื้อกาแฟก็ทำมาแล้ว เมื่อรู้ทุกระบบในการทำงานเธอก็จะสามารถรับรู้ถึงปัญหาในแต่ละแผนกเพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาในอนาคต
ปัจจุบันเธอยังไม่ได้มีห้องทำงานส่วนตัว มารดาทำเหมือนเธอเป็นพนักงานคนหนึ่งในบริษัทไม่ได้ให้สิทธิพิเศษแต่อย่างใด เธอนั่งรวมอยู่กับทีมครีเอทีฟ แม้เธอจะไม่เก่งด้านนี้นักแต่ก็ไม่ย่อท้อ ถึงงานที่เสนอจะไม่ผ่านก็ตาม
"ไงจ๊ะน้องอันคนสวย วันนี้ต้องไปลุยงานที่ไหนบ้าง" จีจี้หญิงสาวในแผนกเอ่ยทักขึ้น เธออายุมากกว่าอันดามันสองปี แต่ทั้งสองก็สนิทสนมกันพอสมควร
"ไปช่วยพี่ชาติถ่ายโฆษณาเครื่องสำอางจ้า"
"น่าสนุกนี่"
"ก็คงสนุกถ้าไม่ใช่ได้ยัยชิชามาเป็นพรีเซนเตอร์"
อันดามันบ่นอุบ ชิชา ถือว่าเป็นดาราสาวหน้าใหม่ไฟแรงที่กำลังได้รับความนิยม เธอจึงมีโอกาสร่วมงานกันบ่อยเพราะลูกค้าชอบจ้าง จนรู้ซึ้งไปถึงธาตุแท้ด้านในถึงความเรื่องมาก งี่เง่า เจ้าปัญหา
"อ๋ออออ งานจะไม่ล่มใช่ปะ รอบก่อนแทบจะพุ่งเข้าไปตบกันอยู่แล้ว"
"ถ้ายัยนั่นไม่หาเรื่องอันก็คงไม่มีอะไรหรอก"
ร่างเล็กนึกย้อนไปถึงการทำงานร่วมกันครั้งแรก ครั้งนั้นเธอมีหน้าที่คอยช่วยนักแสดงแต่งตัวเพื่อถ่ายภาพโปรโมตก็ถูกชิชาจิกหัวใช้งานเยี่ยงทาส เธอบ่นไม่เลิกกับชุดที่ได้รับบอกว่ามันไม่พอดีกับขนาดตัวเธอ ทั้งที่ทีมงานส่งชุดดังกล่าวให้เธอไปลองหลายวันแล้ว ทั้งยังติเตียนเรื่องอาหารที่เตรียมให้ช่างแต่งหน้า แถมยังพูดจาดูถูกเด็กฝึกงานจนอันดามันทนไม่ไหว ออกปากต่อว่าเธอกลับบ้าง
ชิชาที่ไม่รู้จักอันดามันมาก่อนก็วางอำนาจบาตรใหญ่ ข่มขู่ว่าจะไล่เธอออกจากบริษัท เธอจึงสวนกลับว่าตนเป็นลูกสาวประธานบริษัท แม้ชิชาจะหน้าหงายไปครั้งนั้น แต่เธอก็หาเรื่องโวยวายแล้วล่มงานในวันนั้นไปแทน หลังจากนั้นเมื่อทั้งสองเจอกันก็มักพูดจาเหน็บแนมกระทบกระทั่งอีกฝ่ายเสมอ แม้ส่วนใหญ่อันดามันจะไม่ได้เริ่มก่อนก็ตาม
"น้องอันก็ปล่อยๆ ไปบ้าง อย่างที่เขาว่า อย่าโกรธคนบ้า อย่าถือสาคนประสาท"
"ไม่รู้ทำไมลูกค้าชอบจ้างนางนักนะ นิสัยโคตรแย่"
"ก็ตอแหล อุ๊ย! แสดงละครเก่งไง อย่างเรื่องที่กำลังฉายอยู่ก็เล่นดี แถมนางก็สร้างภาพเก่ง ช่วยเหลือหมาแมวเอยอะไรเอย"
"ทั้งที่ข้างในโคตรเฟะ ประจบแต่คนที่มีผลประโยชน์ อย่างพี่ชาติ พอรู้ว่าเขามีเส้นสายรู้จักผู้กำกับเยอะ ก็ว่าง่ายขึ้นมาเชียว"
"เอ้า สาวๆ สุมหัวบ่นอะไรกันแต่เช้าไม่รอกันเลย"
สิงโตหนุ่มวัย 24 ปี อีกคนหนึ่งในแผนกครีเอทีฟโผล่หน้าเข้ามาทักทาย พร้อมแก้วกาแฟแบรนด์ดังเต็มสองมือ
"ก็เรื่องดาราขวัญใจสิงโตนั่นแหละ"
"อ๋อ~ งั้นอันเอาไปสองแก้วเลย วันนี้คงต้องใช้พลังงานเยอะ" ว่าแล้วก็ยืนแก้วกระดาษให้เธอสองใบจริงๆ หญิงสาวส่ายหน้าพรืดรับมาแค่แก้วเดียว พร้อมกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย ขืนกินสองแก้วจริงๆ เธอได้ตาค้างทั้งคืนแน่ ก่อนที่สิงโตจะนำกาแฟไปแจกจ่ายให้คนอื่นในห้องต่อ
ช่วงใกล้ 10 โมงอันดามันก็ขอแยกจากรุ่นพี่ในแผนกครีเอทีฟมายังห้องสตูดิโอที่ใช้ถ่ายในวันนี้ เธอทักทายทีมงานทุกคนด้วยท่าทางขยันขันแข็ง
วันนี้เธอมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยตากล้อง ถึงจะดูยิ่งใหญ่แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการจัดแสง จัดท่าทางนางแบบมากกว่า
อันดามันเข้าไปทักชาติ ชายวัยกลางคนที่รับหน้าที่ตากล้องในวันนี้ และไปเช็กระบบไฟต่างๆ หลังจากฟังบรีฟงานเสร็จ
"มีใครติดต่อน้องชิชาได้ไหม"
"ยังไม่ได้เลยค่ะ โทรหาผู้จัดการก็บอกน้องออกมาแล้ว"
"อะไรกัน นัด 10 โมง นี่ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ถึงอีก"
เสียงพูดคุยของทีมงานดังแว่วให้ได้ยิน ทำให้ร่างเล็กที่ยืนสแตนด์บายจนขาแข็งเริ่มหงุดหงิด ไฟ พร็อป ทุกอย่างถูกจัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อขาดตัวพรีเซนเตอร์ก็ไม่อาจถ่ายทำได้
ชาติเริ่มหัวเสียขึ้นบ้าง หลังจากเตรียมตรวจงานบรีฟรายละเอียดการถ่ายทำกับผู้ช่วยอีกคน จนแวบออกไปนั่งดื่มกาแฟรอก็แล้ว นางเอกคนสำคัญก็ยังไม่มา
"ปิดไฟก่อนไป วันนี้มีทีมอื่นใช้ห้องนี้ไหมเนี่ย" ชาติส่ายหัวหันไปถามทีมงานอีกคน
"มีช่วง 3 โมงพี่"
"ถ้าชิชามาแล้วให้คนไปตามพี่แล้วกัน เฮ้อ เสียเวลาฉิบ"
ทีมงานได้แต่ถอนหายใจ งานยังไม่ทันเริ่มก็มีแววจะล่มมาแต่ไกล ร่างเล็กไม่มีอะไรทำก็หยิบมือถือขึ้นมากดรอ จนกระทั่งผ่านไปอีกเกือบชั่วโมง ดาราสาวจึงยอมปรากฏตัว
"น้องชิชามาแล้วค่า ขอโทษทีมงานทุกคนด้วยนะคะ พอดีน้องรถเสียกลางทาง พี่เพิ่งไปรับมา" ผู้จัดการสาวสองรีบร้องบอกแก่ทุกคน
ด้วยที่ชิชาแม้จะเป็นดาราใหม่แต่ชื่อเสียงเธอก็ดังกระฉ่อนจึงไม่มีใครกล้าพูดตำหนิ แม้จะรู้ว่าคำแก้ตัวไม่ใช่เรื่องจริงก็ตาม
"ไม่เป็นไรค่ะ น้องชิชามาแต่งตัวทางนี้เลยจ้า"
"ชิชาขอโทษอีกครั้งนะคะ" นักแสดงสาวปั้นหน้าตาน่าสงสารเอ่ยกับหัวหน้าฝ่ายประสานงาน
"จ้าๆ ไม่ช้าเท่าไหร่หรอก ไม่ต้องคิดมากนะคะน้องชิชา เหตุสุดวิสัย เอ้าให้คนโทรบอกพี่ชาติหน่อย"
หญิงสาวได้แต่เบะปากกับคำตอบของรุ่นพี่ทีมงาน ก็เข้าใจว่าเธอต้องเอาใจนักแสดงสาวเรื่องมากเป็นธรรมดา ซึ่งชิชาก็หันมาเห็นเธอพอดี นางเอกสาวเชิดหน้าใส่ มองเธอด้วยแววตาเกลียดชัง ซึ่งร่างเล็กก็กลอกตาเหนื่อยหน่ายและหันมาสนใจมือถือตัวเองต่อ
ไม่ทันไรก็มีเรื่องวุ่นวายตามมาอีก วันนี้เป็นงานภาพวิดีโอโฆษณาลิปสติกคอลเลกชันของแบรนด์ดัง โดยมีคอนเซปต์งานว่า 'แค่เปลี่ยนสีปากอารมณ์คุณก็เปลี่ยน' นักแสดงสาวจึงแต่งหน้าเพียงบางๆ กับเสื้อผ้าเล็กน้อย แต่ต้องลบลิปสติกออกนับ 10 ครั้ง
เพิ่งผ่านไปเพียงสองสี เธอก็เริ่มบ่นเรื่องรีมูฟเวอร์ไม่ใช่แบรนด์ที่เธอใช้ประจำ ทำปากแสบไปหมด เริ่มงอแงจนงานถ่ายล่าช้า
"พี่ชาติลองไปคุยหน่อยได้ไหมคะ ไม่งั้นงานช้ากว่านี้แน่" น้อยหน่าวิ่งมายกมือไหว้หัวหน้าช่างกล้องขอให้เขาช่วยไปเกลี้ยกล่อม อย่างไรชิชาก็ค่อนข้างเกรงใจชายหนุ่ม
"เฮ้อ เรื่องมากจริงโว้ย" เขาบ่นอุบออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปตะโกนสั่งทีมงานคนอื่น "ใครก็ได้ออกไปซื้อไอ้ที่เช็ดเครื่องสำอางที่น้องชิชาจะเอามาด้วย"
ชาติเดินไปยังห้องแต่งตัวเพื่อเจรจากับนางเอกสาว ไม่นานเธอก็เปลี่ยนชุดใหม่พร้อมกลับออกมาอีกครั้งด้วยใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
อันดามันก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปพูดคุยอะไรกับเธอมาก เดี๋ยวงานจะพังมากกว่าเดิม
"โอเค เช็กแสงอีกรอบ"
ร่างเล็กวิ่งเข้าตรวจเช็กไฟที่ส่องไปทางตัวพรีเซนเตอร์ ระวังไม่ให้เกิดเงาบนใบหน้าเธอ
"น้องชิชาปัดผมขึ้นนิดหนึ่งนะครับ เอ่อ... อันๆ ไปช่วยหน่อย ยังมีเงาที่หน้าอยู่"
สุดท้ายอันดามันก็ต้องจำใจเดินเข้าไปเฉียดโจทก์อันดับหนึ่ง เธอพยายามไม่สนใจสายตาจิกกัดของนางเอกคนสวย ทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่
"แหม เจอกันกี่รอบก็หัวฟู ทำแต่เบื้องหลัง ไม่รู้ชาติไหนเนอะกว่าจะได้มาบริหารที่นี่"
"..."
"ก็อย่างว่าแหละ คนมันไม่มีความสามารถ ต่อให้มาดูแลจริง กลัวว่าทำบริษัทเจ๊งมากกว่า อยู่จัดไฟ หอบของ เป็นขี้ข้าฉันไปนานๆ นะจ๊ะ โอ๊ย!"
ด้วยความหมั่นไส้อันดามันจึงแอบกระตุกเส้นผมที่กำลังจัดออก 2 3 เส้น ทำชิชาสะดุ้งโหยงหน้าเหยเก
"อุ๊ยขอโทษ ลองจัดแล้วก็เส้นนี้หลุดลงมาเหมือนเดิม เอาออกเลยดีกว่าเนอะ จะได้ไม่เป็นปัญหา ผมชิชาก็หนาดีเหมือนกันนะ เหมือนหนะ.... อุ๊ย ไม่มีอะไรจ้า"
"ยัยอันดามัน!"
"เป็นนางเอกดังก็ช่วยทำงานให้สมกับเป็นมืออาชีพหน่อยนะ เผื่อฉันจะได้เลิกเข้าใจผิดสักที ว่าที่ดังได้เพราะเอาเต้าไต่"
"แก!" ชิชากัดฟันกรอด แต่อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่หลายคนเธอจึงไม่กล้าโวยวายอะไรออกมาอีก
ซึ่งบทสนทนาเมื่อครู่ก็พูดคุยให้ได้ยินกันแค่สองคน
"มีอะไรกันหรือเปล่า โอเคหรือยัง"
"โอเคแล้วค่า"
ร่างเล็กหันมาส่งยิ้มกว้างราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเตรียมจะหมุนตัวกลับไปยืนประจำที่ แต่แล้วเธอก็สะดุดขาของชิชาที่ยื่นมาขวางทางเสียก่อน จนล้มเข่ากระแทก
"ว้าย!"
"เฮ้ย น้องอันเป็นอะไรไหม"
"เข้าไปช่วยดูน้องหน่อย"
"อันไม่เป็นไรค่ะ" ทีมงานสองคนเข้ามาช่วยพยุงแขนร่างเล็กขึ้นมา เธอตวัดตามองไปยังตัวต้นเรื่อง
"อุ๊ย! ตกใจหมดเลย เธอนี่ก็ซุ่มซ่ามเหมือนกันนะ" ชิชาปั้นหน้าเสแสร้งไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่วายส่งคำพูดจิกกัดมาให้
เข่าเธอถลอกเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายมากไปกว่านี้จึงไม่ได้เอาเรื่องนางเอกจอมเสแสร้ง แค่นี้งานก็ล่าช้ามากแล้ว
คนตัวเล็กเอนพิงเก้าอี้โต๊ะทำงานของตัวเองอย่างหมดเรี่ยวแรง แม้การถ่ายทำจะเสร็จสิ้นไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ดี ยิ่งต้องมารับมือกับชิชาด้วย
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าเธอดังขึ้น ทำให้เธอลืมตาขึ้นมาควานหาด้วยท่าทางเกียจคร้าน
"ว่า"
(นัดคืนนี้ยังจะไปไหมชะนี) เสียงเดซี่ลอดมาตามสาย
"ไปสิยะ เครียดจะแย่ อยากไปปลดปล่อย"
(เปลี่ยนร้านมะ อีชาบอกไปเจอร้านใหม่ เพิ่งเปิด งานดี)
"เออได้"
(2 ทุ่มห้ามเลตนะยะ งั้นรอบนี้แม่ตบ พรุ่งนี้ทำงาน ไม่อยากกลับดึกมาก)
"จ้าๆ ไม่สายจ้า เดี๋ยวเลิกงานพุ่งกลับไปแต่งตัวเลยจ้าแม่"
(เดี๋ยวลงโลให้ในกลุ่ม)
พอรู้ว่าคืนนี้จะได้ไปเที่ยวกับเพื่อน อารมณ์ของหญิงสาวก็ดีขึ้นมาก รีบลงมือเคลียร์งานให้มากที่สุด พี่ชาติส่งไฟล์ภาพนิ่งบางส่วนที่ถ่ายวันนี้ให้เธอเรียบร้อย อันดามันจึงนำไปแต่งสี รีทัชอีกเล็กน้อย เพื่อให้งานดูสมูตขึ้น ก่อนจะเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้านเมื่อถึงเวลาเลิกงาน