บทที่ 4 หว่านล้อมคนหัวแข็ง
ค่ายมวย
หญิงสาวตัวเล็กในชุดเสื้อแขนกุดสีดำ เธอสวมกางเกงขาสั้นความยาวเหนือเข่าเล็กน้อยดูทะมัดทะแมง ผมสีน้ำตาลประบ่าเปียกลู่จากเม็ดเหงื่อจนชุ่ม เธอยกมือตั้งการ์ดจับจ้องไปที่เป้าล่อที่ครูฝึกยกขึ้นมา ปล่อยหมัดตามการให้จังหวะ สลับยกขาขึ้นเตะเต็มแรง
"โอเคดี พักได้"
ครูฝึกวัยกลางคนส่งสัญญาณหลังจากครบ 5 นาที ร่างเล็กผ่อนลมหายใจโค้งตัวขอบคุณ เดินเข้าไปหาน้องชายที่ยืนกอดเชือกกั้นเวทีรออยู่ เขารับนวมสีขาวของหญิงสาวไปถือให้พลางยื่นขวดน้ำดื่มส่งให้เธอ
ใบหน้าสวยแดงจัดหลังจากออกแรงหนักหน่วงร่วมชั่วโมง เหงื่อไหลโทรมกายจนรู้สึกเหนอะหนะไปหมด
"ขอบใจ" มือที่พันผ้าพันมือรับน้ำขึ้นมากระดกดื่มดับกระหาย
"ดีขึ้นยัง"
"ก็ดี"
"พีพี อย่าอู้ ขึ้นมาต่อได้แล้ว" เสียงครูฝึกแทรกบทสนทนาของคู่พี่น้อง ชายหนุ่มได้แต่ส่งสายตาน่าสงสารให้ครูฝึก แต่ก็ปีนขึ้นเวทีมวยมาอย่างกระฉับกระเฉง
อันดามันจึงกระโดดข้ามเชือกลงไปนั่งพักเหนื่อยระหว่างรอน้องชาย แต่ครูฝึกสุดโหดก็ไม่ปล่อยให้เธอชิลล์ได้นาน หันมาตะโกนสั่งคนตัวเล็กขณะยกเป้าให้พีพีไปด้วย
"อันดามัน หายเหนื่อยก็ไปต่อยกระสอบทรายรอ"
"ค่าาา~"
เมื่อหมดชั่วโมงเรียนก็ทำคู่พี่น้องแทบคลานออกจากค่ายมวย พีพีหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าพาดไหล่ แข้งขาสั่นระริกปวดตึงไปหมด เขาหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ผิดกับหญิงสาวที่ไม่นานก็ดูกลับมาเป็นปกติบ่งบอกถึงร่างกายที่แข็งแรง
"สงสัยผมต้องลดบุหรี่แล้ว เหนื่อยฉิบหาย"
"แกไม่ค่อยออกกำลังกายเอง"
"รอบหน้าถ้าเซ็งไปทำกิจกรรมอื่นเถอะนะ แบบนี้จะตายเอา"
"เออ ขอบใจที่มาเป็นเพื่อน"
คนตัวสูงส่งมือไปขยี้เส้นผมยุ่งเหยิงของพี่สาวด้วยความมันเขี้ยว แต่ก็ถูกสาวห้าวปัดมือทิ้งอย่างไม่ไยดี
"ลามปามไอ้น้อง"
"แดกข้าวก่อนมะ ค่อยกลับบ้าน"
"แกเลี้ยงนะ"
"ทุกที เจ๊แม่งใจร้ายว่ะ"
พีพีถอนหายใจด้วยความระอา แต่ก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไรต่อ ล้วงกุญแจรถสปอร์ตสีดำของพี่สาวขึ้นมาปลดล็อกประตู ก่อนจะส่งคืนให้เธอ
"อะไรของแก"
"เหนื่อย เจ๊ขับเถอะ"
"อ่อนว่ะ เอาเวลาเข้าผับไปออกกำลังกายบ้าง"
"ผมต้องขึ้นวอร์ด เรียนหนัก งานเยอะ ไม่มีเวลาทำอะไรทั้งนั้น"
"แต่ศุกร์เสาร์บ้านช่องไม่กลับ"
"พูดมากว่ะ แค่มาด้วยก็ดีแล้ว ยังหาเรื่องผมอีก"
"เออๆ เอามาฉันขับก็ได้"
หลังจากเถียงกันเสร็จทั้งคู่ก็สลับตำแหน่ง อันดามันเป็นคนขับ ส่วนน้องชายตัวสูงนั่งข้างแทน ทันทีที่ขึ้นรถเขาก็ปรับเร่งแอร์พร้อมหลับตาเตรียมตัวเฝ้าพระอินทร์ แต่พี่สาวใจร้ายก็จิกหัวขึ้นมาก่อน
"เดี๋ยวดิ กินร้านไหน ช่วยคิดก่อน"
"โว้ะ! รำคาญฉิบ เจ๊ก็เลือกสิวะ ดูทางเองด้วย จะนอนแล้ว"
อันดามันพ่นลมออกจมูก หยิบมือถือขึ้นมาเลือกร้านอาหารคนเดียว ไม่น่าเชื่อว่าน้องชายเธอจะมีความสามารถถึงขนาดยังไม่ทันออกรถมันก็หลับสนิทไปแล้ว ดูท่าจะเหนื่อยจริงอย่างที่พูด
บ้านอันดามัน
เธอนอนเปื่อยอยู่ในห้องนอนส่วนตัว ไล่ปุ่มรีโมตเพื่อหาหนังที่อยากดู เธอและน้องชายกลับมาถึงบ้านก็ช่วงเย็น ด้วยที่มีพีพีออกหน้าให้ว่าทั้งคู่แวะทานข้าวกันมาแล้ว เธอจึงไม่ถูกบิดาว่ากล่าวอะไรมาก แต่บรรยากาศระหว่างทั้งคู่ก็ยังตึงเครียด ไม่มีใครพูดอะไรกัน จนเธอหนีขึ้นมาหลบอยู่แต่ในห้องนอน
ก๊อก ก๊อก
"ใคร!" น้ำเสียงแข็งตะโกนถาม
"แม่เอง เปิดหน่อย"
ร่างเล็กอาบน้ำแต่งตัวเตรียมจะนอนแล้วถอนหายใจอีกรอบ แต่ก็ยอมก้าวลงจากเตียงไปเปิดประตูให้ผู้เป็นมารดา
"ถ้าจะคุยเรื่องหมั้นอีก อันไม่คุยนะ" เธอพูดขึ้นทันทีหลังจากเห็นหน้ามารดา ใบหน้าสวยที่ได้สิมิลันมาเต็มๆ บูดบึ้งบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่ดี
"เข้าไปคุยกันก่อน"
อันดามันสะบัดตัวเดินปึงปัง กระแทกตัวลงนั่งบนเตียง กอดอกแน่นมองมารดาที่ปิดประตูและเดินตามเข้ามา ปากกระจับแดงระเรื่อคว่ำลงด้วยความน้อยใจ
"อันก็อย่าเพิ่งโวยวายใส่พ่อ ที่เขาทำแบบนี้เพราะหวังดีกับอันนะ"
"หวังดียังไง แม่ก็เอาแต่เข้าข้างพ่อ"
สิมิลันถอนหายใจกับความดื้อดึงของเธอ แต่ก็พยายามอธิบายกับลูกสาวหัวแข็งด้วยความใจเย็น
"พ่อกับแม่ก็ไม่ได้จะให้แต่งกันเลย หมั้นไว้เฉยๆ ถือว่าจะได้ศึกษาดูใจ ถ้าไม่โอเคทั้งคู่จะเปลี่ยนใจถอนหมั้นก็ยังไม่สาย"
"แล้วทำไมไม่ให้อันเลือกคนเอง"
"พ่อเขาก็มีเหตุผลของเขา เขาเป็นห่วงอันมากนะ"
"เฮอะ! เป็นห่วง ถ้าห่วงจริงคงไม่ทำกับอันแบบนี้" เสียงของเธอเริ่มอ่อนลง แต่ก็ยังขุ่นเคืองใจอยู่ดี แม้ไม่ได้เดือดพล่านเช่นตอนแรก
"อีกอย่าง หลังจากงานหมั้นลูกจะต้องย้ายไปอยู่กับวิคเตอร์เขานะ"
"อะไรนะคะ! วิคเตอร์นี่ใคร อันไม่ไปไหนทั้งนั้นนะแม่" ร่างเล็กเบิกตากว้าง จากที่เริ่มใจอ่อนคล้อยตามก็กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง มองมารดาอย่างไม่เชื่อหู
"วิคเตอร์ก็ชื่อคู่หมั้นเราไง" สิมิลันส่ายหัวระอาใจ
"แม่! ไม่เอานะ ไหนบอกหมั้นกันเฉยๆ ไง ทำไมต้องย้ายไปอยู่กับเขาด้วย"
"พ่อกับแม่จะมีบินไปธุระที่ต่างประเทศหลังงานหมั้นเราเสร็จ อาจจะหลายเดือน เราไปอยู่กับคู่หมั้นน่ะดีแล้ว จะได้มีคนคอยดูแล"
"คนเดียวที่ไหน ไอ้พีพีก็อยู่"
"น้องขึ้นปี 4 แล้ว ช่วงนี้เรียนหนักมาก เพิ่งขอย้ายไปเช่าห้องอยู่ใกล้โรงพยาบาล"
"แม่ มันตอแหล! มันหาเรื่องเที่ยวนะสิ"
"อัน! อย่าว่าน้อง"
"แล้วเรื่องไอ้พีพีอยู่หอมันเกี่ยวกับอันตรงไหน นี่บ้านอันนะ โตจนขนาดนี้แล้วอันอยู่คนเดียวได้"
"พ่อกับแม่ก็เป็นห่วงอยู่ดี ถือว่าจะได้มีเวลาศึกษาดูใจคู่หมั้นไปด้วยสิลูก" มารดาพยายามยกหาเหตุผลมาให้ลูกสาว แต่เธอก็ดูเหมือนจะต่อต้านท่าเดียว
"ไหนบอกว่าเป็นห่วงกันนักหนา แล้วส่งอันไปอยู่กับผู้ชายที่ไม่รู้จักเนี่ยนะ ถ้าเกิดเขาทำอะไรอันขึ้นมาจะทำยังไง"
"อย่างเราใครจะทำอะไรได้" สิมิลันถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความห้าวหาญเกินหญิงของเธอ "แม่ต้องเป็นห่วงลูกบ้านนั้นมากกว่าว่าอันจะไม่ไปทำอะไรเขา"
"เนี่ยไง! เพราะแบบนั้นก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าอันดูแลตัวเองได้จริงๆ"
"อย่ามาหัวใสใส่แม่ มันคนละอย่างกัน ผู้หญิงตัวคนเดียวจะอยู่ท่ามกลางลูกน้องชายฉกรรจ์เป็นสิบๆ คนได้ยังไง อีกอย่างถ้าไม่ทำแบบนี้เราก็ไม่ยอมไปทำความรู้จักอีกฝ่าย"
นายหญิงของบ้านรู้ทันความคิดลูกสาว ทำคนตัวเล็กหน้าบึ้ง
"แต่อันก็ไม่โอเคอยู่ดี" เธอกอดอกปั้นหน้าบึ้งราวกับเด็กน้อย
"พ่อกับแม่เลือกกันมาดีแล้ว พี่โซเฟีย แม่วิคเตอร์เป็นรุ่นพี่แม่สมัยมหาลัย ครอบครัวของเธอดีมาก ลูกก็ได้เจอแล้ว เธอสัญญาจะช่วยดูแลอันระหว่างที่พ่อแม่ไปทำธุระ หากว่าพ่อกับแม่กลับมาแล้วอันยังไม่เปลี่ยนความคิดเรื่องหมั้น แม่ก็จะยอมให้ถอนหมั้น โอเคไหม"
เธอจำผู้หญิงมาดมั่นในคราบนักธุรกิจคนนั้นได้แม่น อันดามันเคยเจอแม่ของชายที่ได้ชื่อว่าคู่หมั้นสองครั้งจากการนัดทานข้าว แม้ดูจากภายนอกจะดูน่ากลัวและรู้สึกถึงรังสีกดดันบางอย่างแผ่ออกมาจากหญิงสาว แต่โซเฟียก็ยิ้มแย้มเป็นมิตรกับคนตัวเล็กดี
ผิดกับคาร์ลผู้เป็นสามี ที่ดูดุดันจริงจังและเงียบขรึม
อันดามันลังเลไปเล็กน้อย เมื่อถูกคำหว่านล้อมของมารดาทำให้สับสน หากว่าภายในระยะเวลานั้นเธอยังยืนยันคำเดิม การหมั้นก็จะสิ้นสุดลง ดังนั้นการไปอยู่กับคนแปลกหน้าเพียงระยะสั้นๆ ก็ดูไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอย่างที่คิดไว้ เธอกะพริบตาปริบๆ มองผู้เป็นแม่ด้วยความสับสนซึ่งก็ได้รับสายตาอ่อนโยนพร้อมฝ่ามืออบอุ่นเอื้อมกุมมือน้อยของเธอ
"จบเรื่องนี้แล้วแม่ช่วยพูดให้พ่อเลิกบังคับอันได้ไหมล่ะ" เธอลองยื่นข้อเสนอเพิ่ม อย่างไรหากหนีการหมั้นหมายไม่พ้น เธอก็ควรได้รับสิ่งตอบแทนบ้าง
"พูดแบบนี้แสดงว่าโอเคแล้วใช่ไหม"
"อันมีทางเลือกอื่นเหรอคะ"
"ขอบใจมากลูกรัก เรื่องพ่อ แม่จะช่วยพูดให้ เราก็อย่าหาเรื่องให้พ่อหงุดหงิดนักเลย" คนเป็นแม่ลุกขึ้นลูบศีรษะลูกน้อยด้วยความอ่อนโยน หลังจากการเจรจาครั้งนี้จบลงด้วยดี
"แม่รับปากนะ ว่าถ้าแม่กลับมาแล้วอันไม่โอเคกับผู้ชายคนนี้ จะยอมให้ถอนหมั้น คงไม่มีแผนการตลบหลังอะไรอีกใช่ไหม"
"ไม่มีจ้า แค่หมั้นกันไว้ระหว่างพ่อแม่ไปทำธุระแค่นั้น"
"งั้นก็ได้ค่ะ"
"เรื่องที่บริษัทก็ฝากอันดูแลด้วยนะ"
หัวใจดวงน้อยเต็มตื้น เงยหน้ามองสิมิลันราวไม่เชื่อสายตา ที่ผ่านมาทั้งบิดามารดาไม่ค่อยยอมเปิดปากหรือแสดงการยอมรับในสิ่งที่เธอทำเท่าไหร่ แสดงว่าผลงานการทำงานของเธอเป็นที่น่าพอใจ มารดาจึงเอ่ยปากฝากบริษัทเช่นนี้
"ค่ะ! อันจะทำให้ดีที่สุด"
"เก่งมากลูกรัก ไปทำอะไรของเราต่อเถอะ แม่ไม่กวนแล้ว"
"ฝันดีนะคะ"
"ฝันดีจ้ะ"
เมื่อสิมิลันจากไป คนตัวเล็กก็ทิ้งตัวคว้าหมอนข้างมากอดก่ายกลิ้งไปมาอย่างมีความสุข เธอไม่ได้ดีใจเรื่องการหมั้น แต่สุขใจกับคำชมของแม่ สิ่งที่อันดามันคาดหวังมาตลอดคือการยอมรับจากครอบครัว พิสูจน์ว่าเธอมีความสามารถและทำให้พวกเขาวางใจได้ การประสบความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ครั้งนี้ ก็เหมือนแรงกระตุ้นให้ไฟในตัวเธอลุกโชน
อันดามันหยิบมือถือขึ้นมาตรวจเช็กตารางสำหรับวันต่อไป นึกวางแผนในหัวเกี่ยวกับการถ่ายทำโฆษณาตัวใหม่ไปด้วย จนแล้วจนรอดถึงอย่างไรร่างเล็กก็ไม่คิดสนใจศึกษาข้อมูลว่าที่คู่หมั้นของตนเลย แม้จะถึงตกปากรับคำยอมหมั้นไปแล้วก็ตาม เพราะเรื่องที่เธอไม่ให้ความสำคัญก็คือไม่สนใจจริงๆ