แพ้ทางรัก ครั้งที่ 4
“อย่าเสียงดังสิครับ เดี๋ยวพวกอาจารย์ก็แห่กันมาพอดี”
พูดมีเหตุผล เฮ้ย! ไม่ใช่ละ
“มึงเป็นใครทำไมแอบมาใช้ห้องน้ำอาจารย์แบบนี้วะ” ปากผมถาม แต่เชื่อเถอะว่าสายตาผมน่ะโฟกัสไปที่กำแพงด้านข้างเรียบร้อยแล้ว
แม่งใครจะไปกล้ามองไอ้ชีเปือยตรงหน้าตรงๆ กันล่ะครับ เมื่อกี้แค่แอบเผลอเหลือบมองยังเห็นมังกรมัดผงาดอยู่เลย ไม่อยากจะลามกหรอกนะครับ แต่นั่นยังไม่เต็มที่พร้อมรบ ขนาดมันยังมหึมาขนาดนั้น ผมล่ะไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนที่มันโตเต็มตัวมันจะขนาดไหน
“แอบอ่านกินเรือนร่างพี่อยู่เหรอเรา” เสียงแซวที่ฟังดูนุ่มหูดังขึ้นอีกครั้ง
แต่เดี๋ยวนะ! ทำไมผมถึงรู้สึกถึงลมอุ่นๆ เป่ารดแถวๆ ซอกคอวะ
“เชี่ย! ถอยไปเลยนะเว้ย ไอ้ชีเปือย” เมื่อรู้สาเหตุของลมอุ่นๆ นั้นแล้วผมถึงกับผงะร่างกระโดดจนตัวติดกำแพงไร้ซึ่งหันทางหนีรอด เมื่อไอ้ชีเปือยมันใช่สองมือคร่อมข้างลำตัวผมไว้กักกันไม่ให้มีหนทางหนี
“พอดีว่าพี่ถอยไม่ค่อยเป็น เป็นแต่ ‘รุก’ เท่านั้น”
โอ๊ย! ไม่ต้องพูดเสียงเซ๊กซี่ก็ได้เปล่าวะ พูดธรรมดาหน้าตาที่ดูหล่อเหลาราวกับรูปปั้นเทพนิยายที่ทำให้สาวๆ พากันเป็นลมล้มพับเมื่อได้สบตาก็เซ๊กซี่พอแล้ว
“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ ผมถามว่าคุณมึงเป็นใค..ร อุ๊บส์!”
เสียงผมเบาลงเมื่อนิ้วมือเรียวยาวของคนตรงหน้าจรดลงบนริมฝีปากเพื่อให้ผมหยุดเสียงตัวเอง “ทำไมถึงพูดไม่เพราะกับรุ่นพี่แบบนี้ล่ะครับ”
ก็กูไม่รู้ไงครับว่าคุณมึงเป็นรุ่นพี่ แต่ถึงรู้ถ้ารุ่นพี่ไม่น่าเคารพก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพด้วยก็ได้ไหมหว่า?
“ถามไม่ตอบ หรือต้องให้ง้างปากก่อนดี”
“ง้างปากไรมึ..ง”
“หืม?”
หุบเสียงแทบไม่ทันเมื่อไอ้รุ่นพี่ตรงหน้ามันเลิกคิ้วเหมือนเตือนว่าเมื่อกี้ผมพูดไม่น่าฟังอีกครั้งแล้วนะ
“โอเค งั้นก็... รุ่นพี่ครับช่วยหลีกทางให้ผมด้วย พอดีผมหลงทางมา”
“หลงทาง? เด็กศิลป์หลงมาไกลเนอะ นี่มันตึกคณะบริหาร”
เชี่ย! วันนี้ผมสบถคำนี้กี่รอบแล้ววะพอดีลืมนับ
ไอ้รุ่นพี่หน้ามึนคนนี้แม่งรู้อีกว่าผมเรียนอะไร หยั่งรู้หรือมันมีสัมผัสพิเศษกันวะ
“ไม่ต้องทำคิ้วขมวดขนาดนั้น ทุกเรื่องของน้องพู่กัน พี่ซันคนนี้รู้ทุกเรื่องครับ”
เชรดดดดด นอกจากจะรู้ว่าผมเรียนอะไรแล้ว แม้แต่ชื่อเล่นมันยังรู้
ขนลุกว่ะ!
หวังว่ามันคงไม่ได้ตามติดชีวิตผมเพื่อฆ่าหมกป่าเหมือนในข่าวหรอกนะ ผมไม่มีเงินทองอะไรให้มันมาปล้นหรอกครับ ผมจน~
“พี่รู้ได้ไง เป็นสตอกเกอร์เหรอ?” ผมจ้องตาคมสีเทาหม่นของคนตรงหน้า
สีตาแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกคุ้นแปลกๆ แต่มันก็แค่คุ้นนึกยังไงก็นึกไม่ออก สงสัยจะเห็นพวกที่ใส่คอนแทคเลนส์ใส่บ่อยๆ มั้ง?
“จะเรียกแบบนั้นก็ได้ แต่พี่ยิ่งกว่านั้น”
“ยิ่งกว่านั้น?” แค่คิดแต่ดันออกมาเป็นเสียงนะไอ้พู่กันเอ๊ย!
“พี่รู้ทุกเรื่องที่พวกสตอกเกอร์ไม่รู้ รวมถึงบ้านเรา เวลาว่างของเราด้วย”
เชร้ดดดด
นี่ผมสบถคำหยาบพวกนี้กี่ครั้งในรอบสิบนาทีแล้วเนี่ย!
คือถ้ารู้ขนาดนั้นมันก็คงเป็นนักสืบแล้วล่ะ เอ๊ะ! หรือมันจะจ้างคนสืบประวัติผมจริงๆ แต่มันจะทำไปเพื่ออะไรล่ะในเมื่อผมก็ไม่ใช่คนรวยอะไร อีกอย่างเรื่องชกต่อยหรือประวัติด่างพล้อยผมไม่มีเลยนะ นอกจากหลีสาวไปทั่ว
เดี๋ยวดิ!
หรือว่ามันคือแฟนของสาวๆ ที่ผมแอบหลี แล้วมันจ้างนักสืบให้สืบเรื่องของผมเพื่อที่จะหาทางฆ่าผมหมกป่า
โป๊ก!
“เจ็บ!”
ผมกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแรงดีดที่หน้าผากก็ทำให้ผมได้สติ
ทั้งเจ็บทั้งคันอะ ไอ้รุ่นพี่ห่านี่ ทำไมชอบทำเรื่องห่ามป่าเถื่อนด้วยวะ
“คิดอะไรอยู่เรา คิ้วจะผูกกันได้อยู่แล้ว อยากรู้อะไรถามพี่สิ พี่พร้อมตอบน้องพู่กันทุกคำถาม ถามมันท่านี้แหละ พี่ว่างทั้งคืน”
เดี๋ยวสิเว้ย! ไอ้ประโยคท้ายๆ ที่บอกว่า ถามมันท่านี้ทำไมไอ้รุ่นพี่นี่มันต้องแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยวะ แล้วตอนที่บอกว่า ‘ว่างทั้งคืน’ ยังขยิบตาหวานส่งให้ผมอีก
ขนลุกหมดแล้วนะเว้ย! แล้วเมื่อกี้ถ้ามันไม่พูดว่าถามมันท่านี้ผมก็เกือบลืมไปเลยว่ายืนคุยกับชีเปือยที่ตอนนี้ส่วนหน้าของมันเกือบจะชนกับส่วนหน้าของผมอยู่แล้ว