แพ้ทางรัก ครั้งที่ 2
ขอเล่าคร่าวๆ ก่อนแล้วกัน มหาลัยที่ผมเรียนเป็นมหาลัยเอกชนที่ค่าเทอมโคตรจะแพงหูฉีก แต่ไม่ต้องมองหน้าผมนะ ว่าผมรวย ผมนี่จนมากครับพี่น้อง แต่แบบว่าเป็นคนที่ดวงดีอาจารย์ที่โรงเรียนเก่ารักและสงสารเลยมอบทุนการศึกษาสำหรับปีแรกให้ และจู่ๆ ตอนปีหนึ่งเทอมสองผมกลับโชคหล่นทับเมื่อมีผู้อุปการะลึกลับจ่ายค่าเล่าเรียนให้ฟรีๆ แถมยังโอนเงินค่ากินค่าจิปาถะให้ผมเดือนละสามหมื่นบาท
ถามว่าเงินมากมายขนาดนั้นผมไม่สงสัยเลยเหรอ? ไม่สงสัยก็บ้าแล้วครับ!
แต่ติดตรงที่ผมไม่เคยเจอหน้าผู้มีพระคุณคนนั้นเลย นอกจากได้แต่ส่งจดหมายผ่านตู้ไปรษณีย์ที่จ่าหน้าซองเพียงแค่คำว่า 'แด่ผู้มีพระคุณของพันธกันต์' ซึ่งไม่รู้ว่าถึงหรือไม่ถึงเพราะอาจารย์ที่บอกว่าผมได้ทุนนั้นบอกให้ทำเพียงแค่นั้น
และอีกอย่างที่ผมอยากจะบอกทุกคนไว้ อย่าคิดว่าผมมีเงินเดือนๆ ละสามหมื่นแล้วผมจะใช้เงินอยากฟุ้งเฟ้อนะครับ
ผมไม่ใช่คนที่อยากได้ของๆ คนอื่นฟรีๆ แม้ว่าผมจะกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่อายุสิบห้า แต่ผมก็ไม่เคยงอมืองอเท้าแล้วใช้แต่เงินชดเชยจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ผมยังทำพาร์ทไทม์ทุกอย่างที่พอจะหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองกับน้องมาตลอด
และถึงแม้ตอนนี้ผมจะมีเงินเดือนละสามหมื่นเข้าบัญชีผมก็ไม่เลิกหาเงินด้วยตัวเอง เพราะผมรอโอกาสว่าสักวันผมจะได้เจอหน้าผู้มีพระคุณลึกลับคนนั้น และได้ตอบแทนบุญคุณเขาสักครั้ง
เวิ่นเว้อไปไกลละ กลับมายังปัจจุบันดีกว่า
หลังจากที่ผมได้ฟังเรื่องที่มะนาวมันเล่าผมว่ามันดูแปลกๆ ไปหน่อยนะ
ห้องอาบน้ำประจำภาคที่ไอ้มะนาวว่าเขามีไว้ให้แต่อาจารย์ใช้เท่านั้น แล้วใครมันจะกล้าดีเข้าไปทำเรื่องเหี้ยๆ ที่นั่นว่ะ
แม่งต้องเสี่ยนโคตร และบ้าบิ่นไม่กลัวตายเท่านั้นแหละถึงจะกล้าทำ
“คงไม่ใช่ข่าวโคมลอยนะมึง ใครแม่งจะใจกล้าบ้าบิ่นวะ” ผมส่ายหัวไปมาด้วยความไม่เชื่อ ถ้าโดนจับได้มีหวังโดนไล่ออกสถานเดียว
“อันนี้กูก็ไม่รู้ว่าลือหรือลอย แต่ถ้ามึงไม่อยากรู้อยากเห็นก็แค่ปล่อยผ่าน”
ไอ้มะนาวว่าให้ผม สีหน้ามันนิ่งแต่เหมือนจะเห็นรอยยิ้มมุมปากมันนะ
ไอ้นี่หน้านิ่งแต่แอบยิ้มเยาะผมว่ะ จะไม่ให้มันยิ้มได้ไงในเมื่อมันเดาใจผมถูก
“ไม่ไปก็ฟายแล้วว่ะ คนแอบดูคงไม่เสี่ยงโดนไล่ออกเท่าคนฉายหรอก เนอะ!”
เรื่องคาวๆ แบบนี้ไอ้พู่กันชอบ
บ่ายโมง @ห้องอาบน้ำตึกบริหาร
ในที่สุดความขี้เผือกและอยากรู้ก็ทำให้ผมรีบมุ่งหน้ามาจับจองช่องทางในการถ้ำมองหนังสดในช่วงบ่ายด้วยความลุ้นระทึกและหื่นกระหาย เห้ย! ไม่ใช่ละ ผมไม่ได้หื่นนะ แต่เรื่องคาวๆ เด็ดๆ แบบนี้มีผู้ชายคนไหนไม่ชอบมั้งวะ?
แต่ผมมาคนเดียวนะ เรื่องพวกนี้คนเดียวมันหนีเร็วกว่าถ้าหากมันเป็นเรื่องโคมลอยไง ถ้าไอ้มะนาวกับไอ้พจน์มันอยากดูเดี๋ยวก็คงมาเองนั่นแหละ
“ที่นี่เหรอวะ ทำไมมันดูเงียบวังเวงฉิบหาย”
ผมกำลังยืนด้อมๆ มองๆ หน้าห้องอาบน้ำของคณะบริหารที่อยู่ด้านในสุดของตึก ด้านหลังจะเป็นสวนดอกไม้เล็กๆ ผมเหลือบมองเห็นป้ายสีแดงแขวนอยู่หน้าห้องน้ำ
(เฉพาะอาจารย์เท่านั้น!)
พลางกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอแทบไม่ลง
รู้สึกประหม่าและกล้าๆ กลัวๆ ในเวลาเดียวกัน นี่ครั้งแรกเลยนะเว้ย ที่ผมจะกลายเป็นพวกถ้ำมองแบบนี้ ถ้าเกิดว่าผมย่องเข้าไปรออยู่ในห้องอาบน้ำแล้วเกิดพวกอาจารย์เข้ามาใช้จะทำยังไงดีล่ะ
หนทางหนีมีแค่ประตูหน้าทางเดียวเท่านั้นนะเว้ย ไม่มีการปีนข้ามกำพงกำแพงอะไรทั้งสิ้นนอกจากจะวิ่งทะลุกำแพงปูนได้เท่านั้นแหละถึงจะรอด
“เอาวะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ลองเสี่ยงดวงแล้วกัน ไอ้กันมึงดวงดีอยู่แล้ว” พูดปลอบใจตัวเองเสร็จก็เริ่มปฏิบัติการถ้ำมองทันที
เท้าน้อยๆ ค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ประตูทางเข้าห้องน้ำทีละนิดๆ หูที่สุดแสนจะรับเสียงได้ดีก็ค่อยๆ เงี่ยฟังว่าด้านในมีใครใช้งานอยู่หรือเปล่า และเหมือนฟ้าจะเป็นใจเมื่อไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลยสักนิด ทุกอย่างเงียบกริบ
‘เข้าทางไอ้กันล่ะครับงานนี้’