ตอนที่ 3 เขาทำให้เธอสนใจได้มากกว่าอาหารตรงหน้า
“ สวัสดีครับคุณลุง กลับมาเมื่อวานครับคุณแม่เลยชวนมาด้วย ” ปราบยกมือไหว้ชายสูงวัยแล้วยิ้มน้อย ๆ ทักทายก่อนจะปรายตามองมาทางสาวน้อยร่างอวบอ้วนที่ยืนมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างอยู่ตรงกันข้าม สีหน้าเขาดูเรียบเฉยมาดขรึมเข้มคม รอยยิ้มน้อย ๆ นั่นดูมีเสน่ห์ในสายตาของแพรพธูมากมาย
คิ้วเข้มหนาของเขาขมวดน้อย ๆ นัยน์ตาคมสีสนิมที่มองมามีแววดุดันจนเธอใจสั่นเมื่อสบตา จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหนา แนวกรามมีเคราครึ้ม ไหล่กว้างภายใต้เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน ทุกอย่างที่รวมเป็นเขาช่างดูดีราวกับเทพบุตร
“ แพรหวัดดีเฮียปราบสิลูก เฮียเขาเป็นลูกชายของน้านุช ตาปราบนี่แพรพธูลูกสาวของลุงเอง ” เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มหันมามองแพรพธูเถ้าแก่พงษ์จึงแนะนำให้คนทั้งคู่ได้รู้จักกัน
“ อ่ะ เอ่อ สวัสดีค่ะเฮีย ” เธอรีบยกมือไหว้เขาแล้วก้มหน้างุด สองแก้มยุ้ยแดงก่ำด้วยความอาย
“ ตายห่าแล้วไปจ้องหน้าจนเขาทำตาดุใส่งามไส้มั้ยล่ะเรา ” เธอดุตัวเองในใจพลางนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับชายหนุ่ม
“ สวัสดีครับน้องแพร ” เขากล่าวทักทายแล้วนั่งลง แพรพธูเหลือบตามองไปที่เขาแว่บหนึ่งทันได้เห็นรอยยิ้มมุมปากและแววตาที่มองมายังเธอ มันคล้ายกับแววเยาะหยันยังไงชอบกล หรือว่าเธอจะเข้าใจผิดไปเอง
อาหารมื้อค่ำวันนั้นล้วนแล้วแต่เลิศรส เป็นเมนูที่เธอชอบทั้งคาวหวาน แต่แพรพธูกลับกินได้น้อยมาก อาจจะเป็นเพราะเธออายสายตาที่จับจ้องอยู่ฝั่งตรงกันข้าม กลัวว่าเขาจะหาว่าตะกละเอาน่ะสิ ส่วนเถ้าแก่พงษ์กับคุณน้านุชดูจะเจริญอาหารเป็นพิเศษนั่งกินไปคุยไปยิ้มไป ตักอาหารให้กันจนแพรพธูเริ่มจะเข้าใจอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพ่อเธอกับแม่ของเฮียปราบ มันคงไม่ใช่แค่หุ้นส่วนทางธุรกิจอย่างแน่นอน
สองเดือนต่อมา
หลังจากวันที่ได้พาแพรพธูไปทำความรู้จักกับคุณนงนุชกับลูกชายซึ่งเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกัน เถ้าแก่พงษ์ก็ได้แต่งงานใหม่อีกครั้งกับคุณนงนุชโดยที่แพรพธูและปราบลูกชายของคุณนงนุชไม่ได้คัดค้าน เพราะเห็นว่าเป็นความสุขของผู้ใหญ่ทั้งคู่
หลังจากแต่งงานเถ้าแก่พงษ์ได้ขอให้คุณนงนุชย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย โดยถามความเห็นของแพรพธูก่อนด้วยความที่เป็นห่วงความรู้สึกของลูกสาว ซึ่งเธอก็ไม่ได้ขัดข้องแต่ประการใดเพราะมองว่าคุณนงนุชก็เป็นคนดีและเอ็นดูเธอเหมือนเป็นลูกสาวของนางด้วยเช่นกัน ส่วนปราบลูกชายของคุณนงนุชนั้นยังคงยืนยันว่าจะอยู่บ้านหลังเดิมเพียงลำพัง
จนกระทั่ง…เช้านี้ที่โต๊ะอาหาร
“ ยัยแพรเดี๋ยวอีกสองวันป๊ากับน้านุชจะไปพักผ่อนฮันนีมูนกันที่ญี่ปุ่นสักสองอาทิตย์นะ พอดีน้านุชเขามีญาติไปทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่นเราเลยจะไปพักกันที่นั่น ในระหว่างนี้ป๊าจะให้เฮียปราบเขามาคอยดูแลเราที่บ้านแล้วก็ช่วยดูงานปั๊มที่กำลังสร้างของเราด้วย ” เถ้าแก่พงษ์บอกลูกสาวขณะที่กินมื้อเช้าเสร็จ
“ ไปตั้งสองอาทิตย์เลยเหรอคะป๊า คุณน้า หนูอยากไปด้วยจังเลยยังไม่เคยไปเที่ยวต่างประเทศซักที แต่ว่าเอาไว้คราวหน้าก็ได้ค่ะไม่อยากไปเป็น กขค ป๊า อิ อิ ” เธอตอบพ่อไปด้วยความรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ไปด้วย แต่สิ่งที่ดึงความสนใจเธอมากกว่าการได้ไปเที่ยวคือ เฮียปราบจะมาพักอยู่ที่บ้านนี้คอยดูแลเธอนั่นเอง แค่นึกถึงใบหน้าคร้ามคมของเขาก็ทำให้ใจเธอเต้นแรงขึ้นจนรู้สึกได้เลยล่ะ
“ ให้ลูกไปด้วยก็ได้นี่คะเฮีย เดี๋ยวให้ตาปราบดูแลงานให้ก็ได้ค่ะ ” คุณนงนุชบอกสามีแล้วหันมายิ้มอ่อนโยนให้กับแพรพธู ถึงจะเป็นลูกเลี้ยงแต่นางก็รู้สึกเอ็นดูเธอเหมือนกับลูกจริง ๆ
“ เอาไว้คราวหน้าดีกว่าไหม เกรงใจตาปราบเขาต้องดูทั้งปั๊มที่นี่ แล้วก็ปั๊มที่กำลังสร้างด้วย คราวหน้าเราไปกันทั้งครอบครัวเลยเป็นไง ” เถ้าแก่พงษ์ตอบเมียใหม่ แล้วหันไปมองลูกสาวเพื่อดูสีหน้าอาการแพรพธูว่าจะงอแงอะไรหรือไม่ แต่ผิดคาดลูกสาวเขาไม่ได้มีอาการแง่งอนเลยสักนิด แก้มยุ้ย ๆ มีจุดแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อยโดยที่ผู้เป็นพ่อไม่รู้สาเหตุ
“ จริงด้วยค่ะคุณน้ากับป๊าเที่ยวให้สนุกนะคะ เอ่อ แต่ว่าที่ปั๊มนี่หนูดูแลเองก็ได้ค่ะไม่ต้องให้เฮียปราบมาก็ได้เกรงใจเฮียเขา ” เป็นคำพูดที่สวนทางกับความต้องการของตัวเองอย่างสิ้นเชิง แต่เธอพอจะรู้มาว่า เฮียปราบลูกชายสุดหล่อของคุณน้านุชเป็นคนเย็นชาแถมมีโลกส่วนตัวสูง เหมือนมีปมในใจอะไรบางอย่างเธอคิดว่าอาจจะเป็นเพราะพ่อกับแม่เขาแยกทางกันตั้งแต่ยังเด็กก็เป็นไปได้ เฮียปราบจะใช้ชีวิตอยู่กับแม่บ้างและไปอยู่กับพ่อที่ประเทศอินเดียบ้างตั้งแต่เด็กจนกระทั่งปัจจุบัน
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้คือเขาโคตรจะเจ้าชู้ตัวพ่อ สวนทางกับบุคลิคเงียบขรึม แบบที่เขาเรียกกันว่าเสือกินเงียบยังไงล่ะ
