บทที่6
ผ่านไปมิถึงครึ่งก้านธูป ทุกอย่างได้จบลง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่จิ้งและติ้งสองผู้ติดตามมาถึง ทั้งคู่ปราดเข้ามาลูบคลำตามร่างกายของนายน้อยทั้งสอง
“คุณชายน้อย คุณชายสามเกิดอันใดขึ้น แล้วนี่บาดเจ็บที่ใดหรือไม่ ไยคุณชายต้อง…”
หยางหยางยกมือขึ้นห้ามจิ้ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะร่ายยาวไปถึงพี่ชายและพี่สาวที่อยู่อู๋เป่ย รวมถึงบิดามารดาที่อยู่ยังแคว้นเหยา
“คนที่เป็นมิใช่พวกข้า พี่จิ้ง แต่เป็นพวกเขา”
จิ้งกับติ้งหันมองไปตามสายตาของผู้เป็นนาย ก่อนจะหันกลับไปสบตากับเจ้านายทั้งสอง หยางหยางไม่เอ่ยสิ่งใด เด็กชายทำเพียงก้าวเท้าเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าเด็กสาวที่จำได้ขึ้นใจว่า นางคือคนในตลาดที่เขาพบเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า
“พี่ชายพี่สาวทั้งสอง พวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง ข้าชื่อเฉินหยาง หรือจะเรียกหยางหยางเช่นคนอื่น ๆ ก็ได้ ส่วนนั่น พี่สาม พี่ชายของข้าเอง และนั่นผู้ติดตามของข้าสองคนพี่น้อง ชื่อพี่จิ้งกับพี่ติ้ง”
มู่หลงเทียนลุกขึ้นยืนตัวตรง หันไปหน้าไปยังทิศทางของเจ้าของเสียงพูดที่อยู่มิห่างมากนัก ก่อนจะคลี่ยิ้มเล็กน้อย พร้อมค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายอย่างมีมารยาทของผู้ที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี โดยมีมู่หลินเซียนคอยพยุงพร้อมทั้งทำตามที่ผู้เป็นพี่ได้กระทำเช่นกัน
“ข้าชื่อมู่หลงเทียน ส่วนน้อง ๆ ของข้าทั้งสองชื่อมู่หลินเซียน และมู่ชิงชิง คนที่พาพวกท่านมาช่วยเหลือข้าสองพี่น้องในครั้งนี้ นับว่าพวกเราพี่น้องยังมีวาสนาที่คุณชายทั้งสองเมตตายื่นมือช่วยเหลือ”
“ข้ามิรู้ว่าสาเหตุใดที่ทำให้คนพวกนี้ทำร้ายท่าน พี่ชาย แต่เรามิใช่คนไร้น้ำใจถึงปานนั้น เมื่อเห็นคนกำลังถูกรังแก ย่อมต้องช่วยเหลือ”
“หลินเซียนขอบคุณคุณชายทั้งสองมากนะเจ้าคะ”
เสียงหวานเอ่ยออกมามีอาการสั่นเล็กน้อย ด้วยนางกำลังข่มกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ภายใน การต่อสู้เมื่อครู่นี้ นางได้รับบาดเจ็บภายในเป็นอย่างมาก
พรูด!
จนในที่สุด ร่างบางก็มิอาจทนได้อีกต่อไป เลือดสีดำคล้ำพุ่งออกจากปากของมู่หลินเซียนก่อนที่ร่างของนางจะโอนเอนเซถลาไปด้านหน้า
หมับ!
หยางหยางคว้าร่างบางเอาไว้ได้ทันก่อนจะล้มลงสู่พื้นดิน ดวงตาของเด็กสาวปิดสนิท ลมหายใจแผ่วเบาจนทำให้คนที่โอบกอดร่างนั้นไว้สั่นสะท้านไปทั้งกายด้วยความตื่นตระหนก
“พี่รอง!!”
มู่หลงเทียนยืนนิ่ง แต่เขารับรู้ได้ถึงความผิดปกติรอบกาย ต้องเกิดบางอย่างขึ้นเป็นแน่ เพราะเสียงหวีดร้องของชิงชิงนั่นเอง
“เซียนเอ๋อร์ เกิดอันใดขึ้น”
หยางหยางส่ายหน้าห้ามทุกคน ก่อนจะส่งร่างบางให้แก่ผู้ติดตาม โดยที่ติ้งเป็นผู้ที่ก้าวเข้าไปในตัวเรือนเพื่อเก็บข้าวของของสามพี่น้อง
ต้าจงก้าวเข้าประชิดตัวของมู่หลงเทียน ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบบางอย่างข้างหูของเด็กหนุ่มรุ่นน้อง
“ไปกันเถอะ”
ต้าจงย่อตัวลงอุ้มมู่ชิงชิงอีกครั้ง ก่อนจะคว้าแขนของมู่หลงเทียนให้เดินตามเขามา ส่วนร่างของคนร้ายทั้งสามนั้น ติ้งจะเป็นผู้จัดการเอง
หยางหยางไม่ได้สนใจผู้ใดนอกจากร่างในอ้อมแขนของจิ้งซึ่งทำให้เด็กชายร้อนรุ่มในอกจนแทบอยากจะกลับไปสับร่างคนร้ายทั้งสามให้มิเหลือชิ้นดี
‘หากนางเป็นอันใดไป ข้าจะตามบั่นคอพวกเจ้า แม้ในนรกก็ตามที’
เฉินหยางไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องห่วงหาเด็กสาวผู้นี้นัก รู้เพียงว่า เขาถวิลหานางนับตั้งแต่พบกันครั้งแรก แม้เพียงเวลาอันสั้นก็ตามที
รุ่งเช้า
มู่หลงเทียนนั่งร่วมโต๊ะกับคุณชายสกุลเฉินทั้งสอง ก่อนเรื่องราวมากมายจะถูกถ่ายทอดออกมาให้สองพี่น้องฟังเท่าที่จำเป็น ถึงอย่างไรก็มิอาจมองเห็นคนทั้งหมดได้ จึงมิสมควรจะเล่าอะไรที่เป็นอันตรายต่อพวกตนออกไป
สองพี่น้องนั่งฟังด้วยความสงบ และรู้ดีว่ามู่หลงเทียนยังมีเรื่องปิดบังพวกเขาอยู่ ซึ่งมิใช่เรื่องเหนือความคาดหมายอันใดสำหรับสองพี่น้องสกุลเฉินเลย ก็ในเมื่อตัวพวกตนเองก็มิได้บอกความจริงเรื่องฐานะให้แก่มู่หลงเทียนรู้เช่นกัน พวกเขามาในนามบุตรชายพ่อค้าที่เดินทางออกสำหรับการค้ายังต่างแคว้น โดยเป้าหมายที่แท้จริงไม่มีใครรู้เช่นกัน
“มารดาของข้าเป็นหมอที่เก่งกาจมาก ข้าจะให้คนของข้าพาท่านและน้อง ๆ กลับไปรักษาตัวที่บ้านข้าก่อนจะดีหรือไม่ หากพวกท่านหายดีแล้ว ต้องการเดินทางต่อเพื่อไปยังบ้านญาติยังต่างเมือง ข้าก็จะมิห้ามปราม ดวงตาของท่านนั้น พี่ต้าจงบอกว่ามีโอกาสหายดีอย่างแน่นอน อย่างไรเสีย พี่หลงเทียนก็เป็นเสาหลักของพี่หลินเซียนและชิงชิง โปรดรับน้ำใจของข้าในครั้งนี้เถอะนะขอรับ”
“น้องชายข้าพูดถูก คุณชายมู่ หากดวงตาท่านมองเห็น เรื่องเช่นนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นอีกก็เป็นได้”
เฉินต้าจงเห็นถึงแววตากระตือรือร้นของผู้เป็นน้องชาย เขาจึงต้องเอ่ยปากกับมู่หลงเทียนเพื่อช่วยเจรจาอีกแรง คนเพิ่งพบเจอกันครั้งแรกย่อมยากที่จะวางใจซึ่งกันและกันได้โดยง่าย
“ข้าขอบคุณคุณชายทั้งสองยิ่งนัก หากท่านจะเมตตาต่อข้าสามพี่น้องจริง ๆ ข้ารบกวนให้คนของท่านส่งพวกเราไปยังบ้านของท่านอาจารย์ของข้าแทนจะได้หรือไม่ หากที่ใดจะปลอดภัยสำหรับน้อง ๆ ของข้าในตอนนี้คงมีเพียงที่เดียวเท่านั้นคือบ้านของท่านอาจารย์ที่เขาซันชี”
ต้าจงหันมองไปยังน้องชายซึ่งมีแววสลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่บนใบหน้า ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้แก่ผู้เป็นพี่ชาย เขาคงมิอาจรั้งผู้อื่นให้ทำตามใจของตนเองได้ หากอีกฝ่ายประสงค์ที่จะไป หยางหยางก็มิอาจขัดขวางได้
“ซันชีหรือ พอดีเลย ข้ากับพี่ชายกับกำลังจะเดินทางไปสำรวจการค้ายังที่นั่นพอดี จริงหรือไม่ พี่สาม”
“อืม!”
ต้าจงทำเพียงตอบรับเบา ๆ ส่วนสองผู้ติดตามทำเพียงอ้าปากค้าง เพราะที่ซันซีนั้นห่างจากเมืองหลวงแคว้นเจ่าจนเกือบจะถึงชายแดนทิศตะวันออกเลยทีเดียว ที่สำคัญ ที่นั่นมิใช่เป้าหมายในการสำรวจการค้าหรือภารกิจลับที่เดินทางมาที่แคว้นนี้เลยแม้แต่น้อย
“หากมิเป็นการรบกวนคุณชายทั้งสอง ข้ากับน้อง ๆ ขอร่วมเดินทางไปด้วยนะขอรับ”
“ข้ายินดียิ่งนัก เช่นนั้น เรารอพี่หลินเซียนอาการดีขึ้นก่อนนะขอรับ แล้วค่อยออกเดินทางกัน”
หยางหยางดูจะตื่นเต้นจนเรียกว่าออกนอกหน้า จนผู้เป็นพี่ชายและคนสนิทได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ หากตอนนี้ หยางหยางเติบโตเป็นหนุ่มเต็มวัย พวกเขาจะมิแปลกใจอันใดเลยกับอาการเช่นนี้ ทว่าตอนนี้ หยางหยางของทุกคนยังเป็นเพียงชายวัยเพียงสิบสองขวบเท่านั้น
เมื่อทำการตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จิ้งกับติ้งจำต้องออกไปหารถม้าสำหรับพี่น้องสกุลมู่ ซึ่งการเดินทางไปยังซันชีนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด พวกเขาจึงไม่คิดที่จะห้ามปรามเจ้านายทั้งสอง ตราบใดที่ผู้เป็นนายยังคงปลอดภัยดีอยู่ ทุกอย่างก็ถือว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น