บทที่2
“ไหน ๆ วันนี้ ข้าก็ต้องถูกโบยตีอยู่แล้ว ข้าก็สมควรเก็บเกี่ยวโอกาสเอาไว้มิใช่หรือ น้องสาวข้า หากถูกลงทัณฑ์ต่อสิ่งที่ไม่ได้กระทำจริง ๆ มันก็ดูจะไม่เป็นธรรมกับข้าเท่าไหร่ เช่นนั้นก็ให้มันเป็นเรื่องจริงไปเสียเลยจะดีกว่า”
คำพูดเนิบช้า ดูไร้ความรู้สึกสงสารคนที่กำลังดิ้นรน เพื่อให้หลุดจากมือของนาง มู่อี้ชิ่งทำได้แค่เพียงส่ายหน้าไปมาอย่างมิเชื่อสายตาตนเอง คนตรงหน้าไม่เหมือนมู่หลินเซียนคนเดิมสักนิด แม้พี่สาวของนางจะก้าวร้าว แต่มิน่าจะมีความสารถถึงเพียงนี้ หากจะตอบโต้พี่สาวมันง่ายนิดเดียว แต่หากทำเช่นนั้น มันจะสนุกอะไรเล่า เมื่อคิดได้ดังนั้น มู่อี้ชิ่งจึงได้หยุดดิ้นรนขัดขืน
มู่หลินเซียนยกยิ้มหยันกับแผนการของน้องสาว
‘เจ้าอยากให้ทุกคนเห็น ว่าเจ้าแสนดีที่ยอมไม่ลงมือต่อข้า แล้วต้องเป็นข้าสินะที่จะกลายเป็นคนร้ายกาจ ย่อมได้น้องสาว ข้าจะสนองความต้องการของเจ้า มิให้มันเสียเปล่าอย่างแน่นอน’
ฝ่ามือหยาบกร้านฟาดลงบนใบหน้างามจนสะบัดอย่างแรง มุมปากมีเลือดไหลซึม มู่อี้ชิ่งถึงกับชาหนึบไปทั้งใบหน้า นางแทบมิทันตั้งตัวก็ถูกกระทำเสียก่อน
“แก…” มู่อี้ชิ่งได้แต่เอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมาเบา ๆ นางมิเคยนึกฝันว่าจะมีวันนี้ นับตั้งแต่เกิดนางคือที่หนึ่ง นางคือศูนย์รวมของความสูงค่า
“พี่สาม!”มู่เฉินอันคิดจะวิ่งเข้าช่วยมู่อี้ชิ่ง
หมับ! ขาของเด็กชายกลับมิอาจขยับได้ เมื่อลดสายตาลงมองก็เห็นร่างกลมป้อมของมู่ชิงชิงกอดขาเขาเอาไว้แน่น
ตุบ! ร่างอ้วนกลมในวัยหกขวบ กลิ้งหลุน ๆ ชนเข้ากับขอบประตูเรือนด้วยแรงเหวี่ยงของผู้เป็นพี่ชาย
“อย่าเอามือสกปรกของเจ้ามาแตะต้องข้า”
แต่มู่ชิงชิงไม่สนใจความเจ็บปวดของตน ร่างกลมถลาเข้าเกาะขาพี่ชายต่างมารดาแน่น ด้วยเกรงอีกฝ่ายจะทำร้ายพี่สาวของนาง
“พอกันได้แล้ว เซียนเอ๋อร์…อี้ชิ่ง ทุกคนหยุดเสียที พวกเจ้าเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา ไยถึงลงมือต่อกันเช่นนี้”
ร่างสูงแม้จะมิอาจเป็นคนปกติเช่นในอดีต แต่วิชาที่ร่ำเรียนมาก็มิได้เลือนหาย หูที่ไวต่อเสียงกว่าครั้งที่ยังมองเห็นทำให้เขาได้ยินถึงการมาของกลุ่มคน ใช่แล้ว มาเยอะเสียด้วย มู่หลงเทียนพยายามเพ่งมองฝ่าความพร่ามัวที่เลือนราง ก่อนจะคว้าตัวของน้องสาว และผลักไปอีกทาง เป็นตัวเขาที่ยืนอยู่เหนือร่างของมู่อี้ชิ่งแทน
มู่อี้ชิ่งรอเวลานี้มานาน เด็กสาวคว้ามือพี่ชายมาวางบนศีรษะตนในทันที มู่หลงเทียนยังมิทันตั้งตัวหรือขยับกายซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประมุขของบ้าน และทุกคนในครอบครัวก้าวเข้ามาภายในเรือน ทุกสายตาต่างเบิกกว้างกับภาพที่ปรากฏแก่สายตา
ผลัวะ!
เพียงเสี้ยววินาที กำปั้นหนัก ๆ ก็ได้ปะทะเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลาของมู่หลงเทียน ร่างสูงกระเด็นห่างน้องสาวคนรองออกไปอยู่ยังข้างเสาภายในเรือน มู่หลินเซียนรีบถลาเข้าประคองร่างของพี่ชายในทันที
“ท่านปู่…ฮือ ๆ ช่วยอี้ชิ่งด้วยเจ้าค่ะ หลานเพียงจะนำอาหารมาให้พี่ใหญ่เท่านั้น ตะ…แต่…”
มู่อี้ชิ่งเวลานี้อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นปู่ ใบหน้างามที่บวมช้ำแนบอกแกร่ง ทั้งร่างสั่นเทาสะอื้นน้อย ๆ ก่อนเอี้ยวใบหน้าหันไปเหยียดยิ้มให้แก่น้องสาวของตน
“แต่อันใด บอกปู่มา หลานรัก”
มู่ตงซินเอ่ยถามหลานสาวคนโปรดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่สายตาที่จ้องมองไปยังสามพี่น้องซึ่งนั่งกอดกันกลมนั้นไร้ซึ่งสายตาแห่งความรักหรือเมตตา เขารังเกียจสิ่งไร้ค่าเป็นที่สุด เด็กสามคนนั้นหาประโยชน์อันใดมิได้ ไม่มีค่าแม้แต่จะให้ชายตาแล
“พะ…พี่ใหญ่ กลับไม่ตอบรับไมตรีของหลาน ขว้างปาอาหารทิ้ง แล้วลงมือทำร้ายหลานเจ้าค่ะ”
“โกหก! เจ้าไยถึงใส่ความพี่ใหญ่เช่นนี้”
มู่หลินเซียนคาดการณ์ความคิดของน้องสาวผิดไปถนัด นางเตรียมใจไว้แล้วว่า อย่างไร น้องสาวจะต้องฟ้องผู้เป็นปู่ว่านางเป็นคนลงมือ แต่ไยถึงกลับกลายเป็นพี่ชายที่ตกเป็นเป้าหมายของน้องสาวและน้องชายแทนกันเล่า
“หุบปาก! ข้าเห็นแก่ที่เจ้ามีสติมิค่อยดี หลินเซียน วันนี้ ข้าจะละเว้นเจ้าที่ปล่อยให้พี่ชายของเจ้าลงมือต่อหลานสาวข้า”
“ตะ…แต่...”
มู่ชิงชิงตั้งใจจะเอ่ยปากช่วยพี่ชายคนโต กลับถูกมือหนาของผู้เป็นพี่ปิดเอาไว้เสียก่อน ใบหน้าน้อย ๆ ที่อยู่ใต้ฝ่ามือของพี่ชายซึ่งได้เลื่อนมาลูบเบา ๆ ยังแก้มป่องด้วยความอ่อนโยนทำให้เด็กน้อยเงียบเสียงลง นางเข้าใจการกระทำของพี่ชายดีว่าต้องการสื่อถึงสิ่งใด
“ท่านปู่! ข้าทำเพราะมิพอใจกับอาหารที่อี้ชิ่งนำมาให้ เป็นข้าที่ลงมือ”
มือหนาอีกข้างบีบมือบางแต่หยาบกร้านของน้องสาวคนโตเอาไว้แน่น สิ่งที่เขาสัมผัสอยู่นั้นบอกได้ดีว่าหลินเซียนลำบากมามากแค่ไหน ตอนที่เขายังเป็นคุณชายใหญ่ผู้สง่างาม น้องสาวมิต้องลำบากถึงเพียงนี้ แม้ทุกคนจะกล่าวหาว่านางวิปลาสก็ตามที เมื่อเขาหมดซึ่งบารมี น้องสาวทั้งสองก็ตกที่นั่งลำบากไปพร้อมกับเขาด้วย
เผียะ!
“หลงเทียน ข้ายังเป็นแม่เจ้าอยู่หรือไม่ ทำไมเจ้าถึงกล้าทำร้ายหัวใจของข้าเช่นนี้”
มู่หลงเทียนยังคงรักษาความนิ่งของตนเองคงไว้เช่นเดิม ต่างจากมู่หลินเซียนที่สั่นสะท้านไปทั้งกายด้วยความขุ่นเคืองใจ เพราะทุกคำพูดของมารดาผู้ให้กำเนิดนั้นเสมือนพวกเขาสองพี่น้องมิใช่ลูกของผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ข้าขอโทษท่านแม่”
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว พวกเจ้านำตัวหลงเทียนไปยังลานลงทัณฑ์” เสียงทรงอำนาจของมู่ตงซินได้ออกคำสั่งให้ทหารในจวน นำตัวหลานชายคนโตเพื่อออกไปชำระความยังลานหน้าเรือนใหญ่
ฉีอี้หลินขยับกายหลบคนของพ่อสามี ก่อนจะเดินตรงไปหาบุตรชายคนเล็กที่ยืนหน้าเศร้าหมองอยู่ข้างสามี มู่ต๋าไห่ยืนมองเหตุการณ์ด้วยความรู้สึกเดือดดาล สายตาที่มองไปยังลูกอีกสามคนของตนไม่ได้มีความห่วงใยแต่อย่างใด ร่างสูงทำเพียงหมุนกายก้าวออกจากเรือนไปก่อนผู้อื่น
เมื่อทหารดูแลจวนเข้าไปจับตัวของมู่หลงเทียนลุกขึ้น มู่ชิงชิงโผเข้ากอดพี่สาวแทน เมื่อร่างสูงของพี่ชายได้จากไปแล้ว ร่างอ้วนกลมสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“ชิงชิง…”
“เจ้าคะ พี่รอง”
มู่หลินเซียนโน้มกายก้มลงกระซิบบางอย่างกับน้องสาวคนเล็ก เมื่อบอกทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มู่หลินเซียนก็ลุกขึ้นก้าวออกจากเรือนตรงไปยังเรือนใหญ่ในทันที
‘ข้าจำต้องร้าย เพื่อความอยู่รอด เมื่อคนสกุลมู่ไร้เมตตาต่อข้า นับจากนี้ ข้าก็ไร้คุณธรรมต่อพวกเจ้าเช่นกัน’